จากผลกระทบกำลังซื้อที่ชะลอตัวของผู้บริโภคระดับรากหญ้าและระดับกลางที่ยังคงชะลอตัวตามปัจจัยลบเศรษฐกิจ ภัยแล้ง และราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ ส่งผลให้ผู้ประกอบการค้าปลีกในกลุ่มไฮเปอร์มาร์เก็ตต้องออกมาปรับแผนการทำธุรกิจ ด้วยการออกมาทำกิจกรรมส่งเสริมการขายกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นให้สิ้นปีมีรายได้เติบโตเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
อย่างไรก็ดี แม้ว่าตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ผู้ประกอบการค้าปลีกไฮเปอร์มาร์เก็ตจะออกมาทำกิจกรรมส่งเสริมการขายผ่านการทำโปรโปรโมชั่นในรูปแบบต่างๆ กันอย่างต่อเนื่อง แต่จากผลการสำรวจของสมาคมผู้ค้าปลีกไทยเกี่ยวกับภาพรวมอุตสาหกรรมค้าปลีกไทยในช่วงครึ่งปีแรก กลับยังพบว่า ภาพรวมยอดขายของธุรกิจค้าปลีกไฮเปอร์มาร์เก็ตยังคงมีอัตราการเติบโตอยู่ในระดับต่ำประมาณ 2.8% เท่านั้น
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าว พอจะคาดเดาสถานการณ์ได้ว่า กลุ่มเป้าหมายหลักของธุรกิจค้าปลีกไฮเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้บริโภคระดับล่างและระดับกลาง กำลังซื้อยังไม่ฟื้นตัวในทิศทางที่ดีขึ้น แม้ว่าผู้ประกอบการจะออกมาทำกิจกรรมส่งเสริมการขายแรงแต่ไหน ก็ได้ผลการตอบรับที่ไม่ดีเท่าที่ควร
แต่ถึงแม้ว่ายอดขายของธุรกิจค้าปลีกไฮเปอร์มาร์เก็ตจะขยายตัวไม่ดีมากนัก บรรดาผู้ประกอบการก็ยังคงต้องเดินหน้าทำกิจกรรมส่งเสริมการขายกันต่อไป และดูเหมือนว่าจะแรงมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป้นห้างบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ หรือห้างเทสโก้ โลตัส
ล่าสุด ห้างเทสโก้ โลตัส ออกมาประกาศลดราคาสินค้าสูงสุดในรอบ 20 ปี ภายใต้งบลงทุน 2,000 ล้านบาท ในช่วง 5 เดือนสุดท้ายของปีนี้ จากงบทั้งปีที่เตรียมไว้ประมาณ 3,000 ล้านบาท โดยในส่วนของสินค้าที่นำมาลดราคาจะมีการสัปเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามความต้องการของลูกค้า
นายสมพงษ์ รุ่งนิรัติศัย ประธานกรรมการบริหารฝ่ายการพาณิชย์ บริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด ผู้บริหารห้างเทสโก้ โลตัส กล่าวว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทในช่วงครึ่งปีหลังนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าทำกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง ภายใต้งบลงทุนด้านราคาทั้งปีที่ 3,000 ล้านบาท ซึ่งในส่วนของครึ่งปีแรกได้ใช้ไปแล้วประมาณ 30-40% ของงบลงทุนทั้งหมด ซึ่งในส่วนของงบลงทุนดังกล่าว ถือเป็นงบที่เพิ่มขึ้นจากทุกปีที่ผ่านมา ซึ่งจะใช้เพียงปีละประมาณ 2,000 ล้านบาท เนื่องจากปัจจุบันกำลังซื้อของผู้บริโภคยังอยู่ในภาวะชะลอตัว เพราะได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบหลายด้าน โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าในตลาดต่างจังหวัด
สำหรับงบลงทุนที่เหลืออีกประมาณ 2,000 ล้านบาท ห้างเทสโก้ โลตัส จะนำมาใช้ทำกิจกรรมส่งเสริมการขายในช่วงครึ่งปีหลัง โดยจะเน้นไปในด้านของการนำสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวันของผู้บริโภคมาลดราคา เพื่อช่วยผู้บริโภคลดภาระค่าครองชีพ โดยล่าสุดได้ทำกิจกรรมทุ่มทุนลดสูงสุดใน 20 ปี ด้วยการใช้งบ 300 ล้านบาท นำกลุ่มสินค้าแม่และเด็กกว่า 870 รายการ มาลดราคาสูงสุด 20%
นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะทำโปรโมชั่นเซอร์ไพร์ซทุกสัปดาห์ เช่น ซื้อ 1 ฟรี 1 ซื้อ และซื้อ 2 ฟรี 1 เป็นต้น ซึ่งในส่วนของกลุ่มสินค้าที่นำมาปรับลดราคาสินค้าเป็นกลุ่มแรก คือ กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่จำเป็นต่อแม่และเด็กลง โดยจะปรับราคาขายลดลงจากปกติประมาณ 10-20% ซึ่งการปรับลดราคาดังกล่าว ถือเป็นการปรับราคาครั้งยิ่งใหญ่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ ด้วยการใช้งบกว่า 300 ล้านบาท โดยปรับราคาสินค้าอุปโภคบริโภคเพื่อแม่และเด็กกว่า 870 รายการ เช่น ผ้าอ้อมเด็ก นมผงเด็ก และนม UHT
ส่วนสินค้ากลุ่มต่อไปที่จะนำมาปรับลดราคา คือ อาหารสด เพราะหลังจากประสบความสำเร็จจากแคมเปญอาหารสดราคาขายส่ง 150 ชนิด ที่ได้เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ ด้วยงบลงทุนกว่า 600 ล้านบาท เพื่อให้ลูกค้าสามารถจับจ่ายอาหารสดได้ในราคาที่ถูกลงกว่าเดิม ห้างเทสโก้ โลตัส จึงมีแผนที่จะขยายการปรับราคาอาหารสดตัวอื่นๆ ที่ลูกค้าต้องการให้เป็นราคาขายส่ง เช่น ผัก ผลไม้ เนื้อ ไข่ และอาหารทะเล เป็นต้น ซึ่งครั้งนี้ ห้างเทสโก้ โลตัส มีแผนที่จะทำให้ราคาแผนกอาหารสดถูกกว่าเดิมถึง 15%
นายสมพงษ์ กล่าวว่า ปัจจัยที่ทำให้บริษัทเลือกสินค้าแม่และเด็ก เป็นสินค้ากลุ่มแรกในการทำกิจกรรมส่งเสริมการขายในครั้งนี้ เพราะมองเห็นว่าสินค้าดังกล่าวเป็นสินค้าที่มีความจำเป็น ซึ่งการออกมาทำกิจกรรมดังกล่าว นอกจากจะช่วยผู้บริโภคลดภาระค่าครองชีพแล้ว ยังถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ให้ยอดขายมีความเสถียรไม่สวิงขึ้นลงเฉพาะแค่ช่วงจัดโปรโมชั่นเท่านั้น
สำหรับภาพรวมผลประกอบการในรอบบัญชีปี 2557 ซึ่งปิดไปเมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา มียอดขายเป็นที่น่าพอใจ และเติบโตสูงกว่าภาพรวมตลาดที่ไฮเปอร์มาร์เก็ตเติบโตเพียง 2.8% โดยในส่วนของแผนการขยายสาขาในปีนี้ มีแผนที่จะเปิดสาขาในรูปแบบไฮเปอร์ 4 สาขา รูปแบบตลาดโลตัส 1 สาขา และรูปแบบเอ็กซ์เพรส 50 สาขา
ด้าน ห้างบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ เอง ก็ออกมาทำกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยล่าสุดได้ออกมาเปิดตัวแคมเปญ บิ๊กซี ฉลองครบ 22 ปี รวยง่ายไม่ต้องช้อป ด้วยการนำสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นกว่า 900 รายการ มาลดราคาสูงสุด 50% พร้อมโปรโมชั่นซื้อ 1 แถม 1 ซื้อ 2 แถม 1 และ ซื้อ 2 ชิ้น ถูกลงอีก มาจำหน่ายจนถึงวันที่ 27 ส.ค. นี้
น.ส.วารุณี กิจเจริญพูลสิน ผู้อำนวยการฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ กล่าวว่า ตลอดปีนี้บริษัทจะใช้งบกว่า 9,000 ล้านบาท ลดราคาสินค้าให้ถูกลง เพื่อช่วยให้ลูกค้าประหยัดขึ้นเฉลี่ย 5% ต่อการช้อปปิ้งในแต่ละครั้งเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ล่าสุดจัดแคมเปญ "บิ๊กซีฉลอง 22 ปี รวยง่าย ๆ ไม่ต้องช็อป" ให้ได้ลุ้นรางวัลใหญ่ ทองคำแท่งและบัตรกำนัลบิ๊กซีช้อปฟรีตลอดปี รวมมูลค่าทั้งสิ้น 2.5 ล้านบาท
ทั้งนี้ หลังจากจบแคมเปญดังกล่าว ห้างบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ มีแผนที่จะจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายต่อเนื่องทันที และจะเพิ่มความเข้มข้นมากขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 4 เนื่องจากเป็นช่วงหน้าขายสินค้าของห้างค้าปลีก ซึ่งแนวทางดังกล่าว ห้างบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ เชื่อว่าจะเป็นไปในทิศทางเดียวกับผู้ประกอบการค้าปลีกรายอื่นๆ
สำหรับภาพรวมผลประกอบการของบริษัทในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา มีกำไรสุทธิเติบโตประมาณ 4.7% ซึ่งปัจจัยที่ทำให้บริษัทยังสามารถเติบโตได้ในทิศทางที่ดี เพราะมีรายได้จากพื้นที่เช่าเพิ่มขึ้นประมาณ 5% โดยสิ้นปีคาดว่าจะมีรายได้เติบโตตรงตามเป้าหมายที่วางไว้
น.ส.วารุณี กล่าวว่า ภาพรวมกำลังซื้อของผู้บริโภคในขณะนี้ ยอมรับว่ายังอยู่ในภาวะชะลอตัว แต่เชื่อว่าช่วงเวลาที่เหลือโดยเฉพาะไตรมาสที่ 4 กำลังซื้อของผู้บริโภคน่จะปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น เนื่องจากภาครัฐเริ่มมีการอัดงบประมาณ เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภคในระดับรากหญ้า
การออกมาทำการตลาดเชิงรุกอย่างต่อเนื่องของผู้ประกอบการไฮเปอร์มาร์เก็ตครั้งนี้ เชื่อว่าภาพรวมสิ้นปีธุรกิจประเภทนี้น่าจะมีอัตราการเติบโตสูงกว่าครึ่งปีแรกอย่างแน่นอน เพราะนอกจากปรับกลยุทธ์ในด้านของการทำแคมเปญโปรโมชั่นต่างๆ เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อแล้ว ยังมีการปรับแผนหันเพิ่มพื้นที่เช่า เพื่อเพิ่มรายได้เสริมการขายสินค้าอีกด้วย.
ข่าวเด่น