จากเหตุลอบวางระเบิดที่เกิดขึ้นบริเวณแยกราชประสงค์ในช่วงค่ำของวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลให้หลายหน่วยงานต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับชาวไทยและต่างชาติกันอย่างขะมักเขม้น โดยเฉพาะด้านความปลอดภัย เพราะปัจจัยดังกล่าวมีความสำคัญมากที่สุดโดยเฉพาะในสายตาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าวผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตส่วนหนึ่งเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ
ทั้งนี้ หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้ห้างค้าปลีกในย่านราชประสงค์และย่านใกล้เคียง ต้องเพิ่มความเข้มข้นในการรักษาความปลอดภัยในขั้นสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของลูกค้าเดินเท้า หรือรถยนต์ที่เข้าออกภายในห้างค้าปลีกต่างๆ เพราะความปลอดภัยของลูกค้าย่อมมาก่อน
ในส่วนของสมาคมผู้ประกอบวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ (RSTA) ก็ได้จับมือร่วมกับสมาชิกได้เพิ่มระบบการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดตลอด 24 ชั่วโมง โดยประสานกับสมาชิกทั้งหมดในการตรวจรักษาความปลอดภัย ทั้งมาตรการตรวจค้นรถยนต์ที่เข้าออกอาคาร ห้ามจอดรถค้างคืน การตรวจค้นสัมภาระบุคคลทุกทางเข้าออกของอาคารที่เปิดให้บริการ ขณะที่ทางเดินลอยฟ้า หรือสกายวอล์คและบนพื้นถนน ก็ได้มีการจัดเจ้าหน้าที่สายตรวจเดินเท้าเดินตรวจตราตลอดเส้นทาง 24 ชั่วโมง และเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งย่านฯ มากขึ้นอีก 25%
นายชาย ศรีวิกรม์ นายกสมาคมผู้ประกอบการวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ (RSTA) กล่าวว่า ทางสมาคมฯ เชื่อมั่นในการดำเนินงานของภาครัฐในการนำย่านราชประสงค์ให้กลับสู่สภาวะปกติโดยเร็วที่สุด โดยขอให้นักท่องเที่ยวมีความมั่นใจในการกลับมาท่องเที่ยวและใช้บริการภายในย่านราชประสงค์ รวมถึงการเข้ามาสักการะองค์ท่านท้าวมหาพรหมได้ดังเดิม และสามารถติดตามข่าวสารของสมาคมฯ ได้ที่ Facebook : heartofbangkok หรือ weloveratchaprasong และ Twitter : @heartofbangkok
อย่างไรก็ดี เพื่อสร้างความเชื่อมั่นทั้งชาวไทยและต่างชาติให้กลับมาโดยเร็วที่สุด ขณะนี้ทางสมาคมผู้ประกอบการวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ (RSTA) ได้เร่งหารือร่วมกับสมาชิก เพื่อร่วมกันทำกิจกรรมส่งเสริมการขายผ่านแคมเปญการตลาดในรูปแบบต่างๆ
นอกจากนี้ยังได้ร่วมประชุมปรึกษาหารือกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาในการจัดเตรียมจัดกิจกรรมพิเศษเพื่อสร้างสีสันและเรียกความเชื่อใจของนักท่องเที่ยว แต่อย่างไรก็ตาม ทางสมาคมผู้ประกอบการวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ ยังคงเดินหน้าประชาสัมพันธ์ เทศกาล “ไฮ ที จูบิลี่ แอท ราชประสงค์” ที่ร่วมกับสมาชิกสมาคมฯ และพันธมิตร ได้แก่ โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ , โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ ,โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ , โรงแรมเรเนซองส์ กรุงเทพฯ ราชประสงค์ , โรงแรมเดอะ เซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ , โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ฯ เซ็นทรัลเวิลด์ 1823 ทีเลานจ์ บาย รอนเนอเฟลด์ ทไวนิงส์ ที บูทีค พร้อมด้วยบัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพ เพื่อเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวเข้ามาในย่านเพิ่มขึ้น โดยจัดขึ้นตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 15 ต.ค.นี้ และโปรโมชั่นพิเศษสำหรับผู้ถือบัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพ ส่วนลดสูงสุด 20% สำหรับชุดน้ำชาที่จัดขึ้นพิเศษเฉพาะช่วงเทศกาลเท่านั้น
สำหรับกิจกรรมปลายปีที่สมาคมผู้ประกอบการวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ (RSTA) จัดขึ้นเป็นประจำในช่วงปลายปีแบะในปีนี้จะยังคงเดินหน้าจัดงานต่อเนื่อง คือ การเปิดแคมเปญเทศกาลอาหารนานาชาติ Ratchaprasong Taste It all ความสนุกแห่งการช้อปปิ้ง Ratchaprasong Winter Sale ,งานมหานครแห่งแสงไฟและไลฟ์สไตล์ Ratchaprasong Kingdom of Light และกิจกรรมเคานดาวน์ Ratchaprasong Countdown ในช่วงวันที่ 31 ธ.ค.
ด้าน บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา เจ้าของศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ก็มีแผนที่จะจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย เพื่อเรียกความเชื่อมั่นของลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติเช่นกัน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการประชุมร่วมกับทีมผู้บริหารและพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อร่วมกันทำกิจกรรมส่งเสริมการขายกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของลูกค้า โดยเบื้องต้นคาดว่าเร็วๆ นี้น่าจะได้ข้อสรุปพร้อมเปิดตัวกิจกรรม
นอกจากจะมีแผนจัดแคมเปญเพื่อเรียกความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยวและลูกค้าชาวไทยแล้ว ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ยังเข้มในด้านของมาตราการรักษาความปลอดภัย เพื่อป้องกันเหตุที่อาจจะเกิดขึ้น
นายณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในส่วนของมาตรการรักษาความปลอดภัย บริษัทฯ ได้มีการเพิ่มความเข้มงวดมาตรการรักษาความปลอดภัย โดยใช้จำนวนเจ้าหน้าที่เต็มกำลัง เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจค้นบุคคล ณ จุดติดตั้งเครื่องสแกนอาวุธ และวัตถุต้องสงสัยที่บริเวณทางเข้า-ออก ทุกจุดของศูนย์ฯ รวมทั้งมีการตรวจค้นยานพาหนะอย่างเข้มงวดก่อนเข้าศูนย์ฯ เพื่อสร้างความมั่นใจและดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับผู้มาใช้บริการที่ศูนย์การค้า เซ็นทรัลเวิลด์ อย่างเต็มที่
นอกจากนี้ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ พร้อมให้ความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ในการรักษาความปลอดภัย รวมถึงอำนวยความสะดวกในการใช้อุปกรณ์รักษาความปลอดภัยอย่างเต็มที่ อาทิ กล้อง CCTV ทั้งภายนอกอาคารและภายในอาคาร นอกจากนี้ ยังมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ตรวจตรา ดูแล อย่างครอบคลุมทั่วพื้นที่ของศูนย์การค้า และพื้นที่โดยรอบศูนย์ฯ รวมถึงสกายวอล์คอีกด้วย
เช่นเดียวกับ ห้างบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ที่ออกมาเข้มในด้านของมาตรการรักษาความปลอดภัย เนื่องจากต้องการให้ลูกค้ารู้สึกปลอดภัยเมื่อเดินทางเข้ามาใช้บริการ เพราะหลังจากเกิดเหตุลอบวางระเบิด ในวันต่อมาที่เปิดดให้บริการมีจำนวนลูกค้าปรับลดลงอย่างเห็นได้ชัด
นายอรรณพ อมาตยกุล ผู้อำนวยการฝ่ายป้องกันการสูญหาย บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในด้านมาตรการรักษาความปลอดภัยของบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ สาขาราชดำริ บริษัทได้เพิ่มการดูแลความปลอดภัยของสาขาอย่างเข้มข้น ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งภายในและภายนอกห้าง การจัดให้มีเจ้าหน้าที่ประจำจุดต่างๆ ในห้าง และเพิ่มความถี่ในการเดินตรวจตราทุกจุดอย่างเข้มงวด เช่น ห้องน้ำ และถังขยะ เป็นต้น
พร้อมกันนี้ ยังมีการตรวจสอบการใช้งานของกล้อง CCTV ในสาขา และยืนยันว่ากล้องทุกตัวใช้งานได้อย่างดี การตรวจสอบประตูเปิดปิดอัตโนมัติของห้าง หากมีเหตุการณ์ไม่ปกติ ประตูนิรภัยดังกล่าวจะปิดล็อคอัตโนมัติเพื่อรักษาความปลอดภัย นอกจากนี้ ยังมีการปรึกษาและประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้สาขาอย่างใกล้ชิด
ความเข้มงวดในด้านการรักษาความปลอดภัยในขณะนี้ เชื่อว่าน่าจะช่วยให้คนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมามีความมั่นใจสำหรับการเข้าไปใช้บริการต่างๆ ในย่านราชประสงค์มากขึ้น โดยเฉพาะการเข้าไปสักการะท้าวมหาพรหม บริเวณแยกราชประสงค์ ซึ่งถือเป็นจุดเกิดเหตุ อย่างไรก็ตาม มาตรการต่างๆ ที่เข้มงวด ประกอบกับเร็วๆ นี้ผู้ประกอบการในย่านราชประสงค์จะออกมาทำกิจกรรมส่งเสริมการขาย เพื่อเรียกความเชื่อมั่น คาดว่าในเร็ววันนี้ทุกอย่างจะต้องกลับเข้าสู่ภาวะปกติอย่างแน่นอน.
ข่าวเด่น