รายงานฉบับใหม่ ของ สวิส รี (Swiss Re) เผยว่าช่องว่างด้านความคุ้มครองในภูมิภาคเอเชียได้ขยายตัวขึ้น  โดยช่องว่างความคุ้มครองดังกล่าววัดจากความแตกต่างระหว่างปัจจัยพื้นฐานที่จำเป็นและปัจจัยพื้นฐานที่มีอยู่จริงสำหรับผู้ที่ยังต้องพึ่งพิงการเลี้ยงดูจากสมาชิกในครอบครัว เพื่อให้เขาสามารถดำรงความเป็นอยู่ขั้นพื้นฐานได้หากเกิดเหตุร้ายกับสมาชิกในครอบครัวจนทำให้ไม่สามารถทำงานหาเลี้ยงได้อีกต่อไป

รายงานฉบับดังกล่าว ซึ่งจัดทำโดย สวิส รี (Swiss Re) ประมาณการว่าช่องว่างด้านการคุ้มครองการเสียชีวิตในภูมิภาคมีการขยายกว้างมากขึ้นในช่วงระหว่างปี พ.ศ.2553 และพ.ศ.2557 โดยรายงานระบุว่าตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค 13 ประเทศที่รายงานฉบับนี้ทำการสำรวจมีขนาดของช่องว่างในปี พ.ศ.2557 เพิ่มขึ้นเป็น 58 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเทียบกับปี พ.ศ.2553 ที่มีเพียง 42 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ

ในรายงานยังระบุอีกว่า การเติบโตด้านการประกันชีวิตในตลาดหลายๆ แห่ง ยังคงตามหลังการเติบโตทางเศรษฐกิจ รวมถึงรายได้และค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น โดยช่องว่างในปัจจุบันคิดเป็น 6.6 เท่าของจำนวนการทำประกันชีวิตในตลาดต่างๆ
 
จากแนวโน้มในปัจจุบัน กลุ่มบริษัทเอไอเอประมาณการว่าช่องว่างจะยังคงเติบโตต่อไป และเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 82 ล้านล้านเหรียญสหรัฐในราวปี พ.ศ.25632  ในส่วนของตลาดบางแห่ง เช่น ในฮ่องกง เอไอเอประมาณการว่าตัวเลขจะโตไปอยู่ที่ 763 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในสิงคโปร์  570 พันล้านเหรียญสหรัฐ  ในจีน  46 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ   ในอินเดีย  12 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ  ในอินโดนีเซีย  1.1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ  ในฟิลิปปินส์ 528 พันล้านเหรียญสหรัฐ และในไทย 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ โดยช่องว่างด้านการคุ้มครองที่ขยายตัวกว้างขึ้นเรื่อยๆ นั้นย้ำความสำคัญของความต้องการที่เพิ่มขึ้นในด้านนวัตกรรมใหม่ๆ ผลิตภัณฑ์ด้านการออมและความคุ้มครองที่น่าสนใจและมีความหมายสำหรับผู้บริโภคในตลาดต่างๆ ทั่วทั้งภูมิภาค

กลุ่มบริษัทเอไอเอและซิตี้ซึ่งเซ็นข้อตกลงเป็นพันธมิตรร่วมกันด้านการประกันชีวิตผ่านธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียในปลายปี พ.ศ.2556 เผยว่า รายงานดังกล่าวเป็นหลักฐานอีกอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าจำเป็นต้องมีการประกันมากขึ้นเพื่อปิดช่องว่างด้านการคุ้มครองในภูมิภาค
 
ในการสนับสนุนเรื่องดังกล่าว ซิตี้กำลังเปิดตัวแคมเปญภายใต้ธีม “คุณได้ทำเพียงพอแล้วหรือยัง” (Have You Done Enough?) ในตลาด 6 แห่ง ได้แก่ ฮ่องกง สิงคโปร์ จีน อินโดนีเซีย อินเดีย และฟิลิปปินส์ โดยมีเป้าหมายเพื่อลดความซับซ้อนและอธิบายถึงความเสี่ยงของการประกันภัยต่ำกว่ามูลค่าจริง และในขณะเดียวกันก็เพื่อที่จะกระตุ้นลูกค้าให้พิจารณาถึงความต้องการด้านการทำประกันของตัวเอง โดยแคมเปญนี้จะจัดทำผ่านทางสำนักงานสาขากว่า 500 แห่งของธนาคารซิตี้แบงก์ในภูมิภาค รวมถึงเครือข่ายดิจิทัลแบงค์กิ้งของธนาคารในภูมิภาคเอเชียอีกด้วย

มร.อนันต์ เซลวากีสารี  หัวหน้าบริหารสายบุคคลธนกิจ ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค  ซิตี้ เผยว่า “ผู้บริโภคในภูมิภาคควรให้ความสำคัญการทำประกันเพื่อคุ้มครองรายรับและไลฟ์สไตล์ของตนเองในอนาคตในลำดับต้นๆ โดยความต้องการจะมีเพิ่มมากขึ้นเพื่อสร้างการรับรู้ถึงประโยชน์ของการมีความคุ้มครองให้กับสาธารณชน ซึ่งเป็นเรื่องที่ซิตี้ให้ความสำคัญเป็นลำดับแรกในภูมิภาคเอเชีย และจากความร่วมมือกับเอไอเอ เราเชื่อมั่นว่าเราสามารถเสนอหนทางแก้ไขปัญหาให้กับลูกค้าที่มีความต้องการเพิ่มมากขึ้นเพื่อคุ้มครองพวกเขาในอนาคต”

“การประกันภัยที่ต่ำกว่ามูลค่าในเอเชียมีการเพิ่มขึ้นไปพร้อมๆ กับการเพิ่มขึ้นของช่องว่างด้านการคุ้มครอง ในฐานะผู้นำกลุ่มประกันชีวิตในภูมิภาค เอไอเอมุ่งมั่นเน้นการช่วยลูกค้าของเราให้ได้การคุ้มครองตามความต้องการ เน้นการลงทุนด้านการศึกษาสำหรับผู้บริโภคมากขึ้น และให้ความคุ้มครองที่เหมาะสมที่สุดต่อความต้องการของผู้คน รวมถึงผ่านไปทางความร่วมมือกับธนาคารซิตี้แบงก์” มร.กอร์ดอน วัตสัน ประธานกรรมการบริหารประจำภูมิภาคกลุ่มบริษัทเอไอเอกล่าว