หลังจากสั่งสมประสบการณ์ในด้านของการผลิตสินค้าในกลุ่มเคมีภัณฑ์ทำความสะอาดให้กับผู้ประกอบการรายอื่นๆ มานานถึง 20  ปี วันนี้ "บริษัท บุญโชติเทรดดิ้ง จำกัด" พร้อมแล้วที่จะปั้นแบรนด์สินค้าของตัวเองภายใต้แบรนด์ “แอป”(app) เข้ามาทำตลาด  ซึ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์แรกที่บริษัท บุญโชติเทรดดิ้ง มองว่ายังมีโอกาสให้เข้าไปทำตลาด คือ ตลาดผงซักฟอก เนื่องจากปัจจุบันมีรายเล็กที่กระโดดเข้ามาทำตลาดสินค้าดังกล่าวเพียง 2-3  รายเท่านั้น

อีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้บริษัท บุญโชติเทรดดิ้ง ตัดสินใจทำแบรนด์ของตัวเองเข้าทำตลาดผงซักฟอก คือ มูลค่าตลาดรวมผงซักฟอกในประเทศไทยที่มีมากถึง 18,000  ล้านบาท แม้ว่าปัจจุบันตลาดจะมีอัตราการเติบโตน้อย เนื่องจากฐานตลาดใหญ่ แต่ถ้าสามารถชิงส่วนแบ่งการตลาดได้ 5-10% ก็ถือว่าสร้างยอดขายให้ได้ไม่ใช่น้อยแล้ว

นายสิทธิชัย เอี่ยมฤทธิไกร ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ บริษัท บุญโชติเทรดดิ้ง จำกัด กล่าวว่า ก่อนหน้าที่บริษัทจะออกมาเปิดตัวผงซักฟอกภายใต้แบรนด์ "แอป" เข้ามาทำตลาด ก่อนหน้านี้บริษัทเคยรับจ้างผลิตผงซักฟอกให้กับผู้ประกอบการในลักษณะอุตสาหกรรม และรับจ้างผลิตผงซักฟอกให้กับสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ให้กับห้างค้าปลีก เช่น บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์  และ เทสโก้ โลตัส  เป็นต้น ซึ่งหลังจากพบช่องว่างของตลาด บริษัทก็ได้ใช้เวลา 3 ปีในการศึกษา วิจัยและพัฒนาผงซักฟอกสูตรเฉพาะให้กับแบรนด์ “แอป”

โพซิชั่นนิ่งของผงซักฟอกภายใต้แบรนด์ "แอป" ที่บริษัท บุญโชติเทรดดิ้ง พยายามสร้างขึ้นมา เพื่อสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งในตลาด คือ การเป็นผงซักฟอกเพื่อความงาม เนื่องจากปัจจุบันผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังคงเน้นการแข่งขันในด้านของความสะอาดหอมสดชื่น แต่ไม่มีใครชูจุดเด่นในด้านของความงามถนอมเนื้อผ้า

นอกจากนี้ ผงซักฟอกแอป ยังมีจุดเด่นในด้านของการสะท้อนรังสียูวี เนื่องจากมีการนำเอาโมเลกุลนาโนไทเทเนียมไดออกไซด์ (TiO2) ซึ่งเป็นสารชนิดเดียวกับครีมไวเทนนิ่งมาใช้เป็นส่วนผสม ซึ่งจะช่วยป้องกันลึกถึงเส้นใยผ้า และปกป้องผิว  อีกทั้งยังสามารถขจัดคราบที่ฝังลึกด้วยแอคทีฟ ออกซิเจน ที่ยับยั้งการเติบโตของแบคทีเรีย พร้อมกันนี้ยังมีกลิ่นหอมเซ็กซี่ ด้วยน้ำหอมฟีโรโมน จากประเทศฝรั่งเศส สร้างความเป็นเอกลักษณ์ให้กับผงซักฟอกแอป  

หลังจากตัดสินใจแน่วแน่ พร้อมกับคิดสูตรเฉพาะของผงซักฟอกแอปออกมาเป็นที่เรียบร้อย บริษัท บุญโชติเทรดดิ้ง ก็ใช้งบ 100 ล้านบาท ในการลงทุนซื้อเครื่องจักร เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตสินค้าอีก 1 เท่าตัว จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตอยู่ที่ประมาณ 800 ตันต่อเดือน เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของตลาด ซึ่งในส่วนของงบก้อนดังกล่าวนอกจากจะนำมาลงทุนในด้านของโรงงานแล้ว ยังได้แบ่งงบก้อนดังกล่าวประมาณ 30  ล้านบาท เพื่อใช้ในการทำกิจกรรมการตลาดในช่วงของการเปิดตัว        

นายสิทธิชัย กล่าวว่า การเปิดตัวผงซักฟอกแบรนด์แอปเข้าทำตลาดในครั้งนี้ บริษัทจะใช้กลยุทธ์ทำการตลาดแบบแมสมาร์เก็ตติ้ง เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการได้รับประโยชน์จากการใช้ผงซักฟอกที่ให้มากกว่าการทำความสะอาด  ซึ่งถือเป็นจุดต่างที่แบรนด์แอปมีเมื่อเทียบกับสินค้าที่ทำตลาดอยู่ในปัจจุบัน และเพื่อสร้างแบรนด์สินค้าให้เป็นที่รู้จักเร็วขึ้น บริษัทได้ดึง "ไบร์ท พิชญทัฬห์ จันทร์พุฒ" มาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้กับสินค้าดังกล่าว         

ทั้งนี้  หลังจากเปิดตัวผงซักฟอกแอปเข้าทำตลาด บริษัท บุญโชติเทรดดิ้ง คาดว่าจะสามารถปรับสัดส่วนการรับจ้างผลิตสินค้าการรับจ้างผลิตให้กับกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมเหลืออยู่ที่ 35% และรับจ้างผลิตให้กับแบรนด์สินค้าในท้องตลาดเหลือ 30% ส่วนที่เหลืออีก 35% เป็นสัดส่วนจากการขายสินค้าภายใต้แบรนด์แอป  ซึ่งถือว่าแตกต่างจากปัจจุบันที่เน้นการรับจ้างผลิตให้กับเฮ้าส์แบรนด์ 50% และจำหน่ายโดยตรงให้กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม 50%

นายสิทธิชัย กล่าวอีกว่า ในระยะแรกของการทำตลาดผงซักฟอกแอป บริษัทคาดว่าภายในสิ้นปี 2558 นี้ บริษัทจะมีส่วนแบ่งตลาดในตลาดผงซักฟอกอยู่ที่ประมาณ 0.5% หลังจากนั้นสิ้นปี 2559 คาดว่าจะมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มเป็น 1% และเพิ่มเป็น 5% ภายใน 3 ปีนับจากนี้หรือประมาณปี 2562  ซึ่งจากแผนการดำเนินงานดังกล่าว หากคิดอัตราเฉลี่ยอัตราการเติบโตในแต่ละปีจะอยู่ที่ประมาณ 5%

ด้าน นายโชคชัย เอี่ยมฤทธิไกร รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท บุญโชติเทรดดิ้ง จำกัด  กล่าวว่า บริษัทจะเริ่มนำผงซักฟอกแอปเข้าทำตลาดตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.นี้เป็นต้นไป โดยมี บริษัท เพนส์ มาร์เก็ตติ้ง แอนด์ ดิสทริบิวชั่น จำกัด เป็นผู้ดำเนินการจัดจำหน่ายไปยังช่องทางเทรดิชันนัลเทรดทั่วประเทศ ด้วยสัดส่วนประมาณ 60% ส่วนที่เหลือ 30% เป็นการจำหน่ายผ่านโมเดิร์นเทรด โดยระยะแรกจะเริ่มจำหน่ายในท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต, เดอะมอลล์ โฮม เฟรช มาร์ท, ฟู้ดแลนด์ และแม็กซ์ แวลู ก่อนที่จะขยายไปยังห้างบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ห้างเทสโก้ โลตัส  และร้านเซเว่นอีเลฟเว่น

สำหรับแผนการทำตลาดในช่วง 4 เดือนที่เหลือของปีนี้ บริษัท บุญโชติเทรดดิ้ง จะใช้งบประมาณ 30 ล้านบาทในการทำตลาดแบบ 360 องศา เพื่อสร้างการรับรู้ในแบรนด์สินค้าผ่านการใช้สื่อหลักอย่างโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ สื่อกลางแจ้ง และสื่อออนไลน์ รวมไปถึงการแจกสินค้าตัวอย่างขนาด 40 กรัม จำนวน 2 แสนชิ้น พร้อมกับเริ่มออกอากาศภาพยนตร์โฆษณาในวันที่ 26 ส.ค.2558 เป็นต้นไป      

นายโชคชัย กล่าวว่า ตลาดผงซักฟอกมีลักษณะคล้ายกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป คือ เป็นตลาดที่มีการแข่งขันสูง โดยมีผู้ประกอบการหลักเพียง 2-3 รายเท่านั้น อย่างไรก็ดี  แม้ว่าตลาดผงซักฟอกเริ่มอยู่ในสภาวะอิ่มตัว เพราะมีการเติบโตตามจำนวนประชากรและครัวเรือนเฉลี่ยปีละ 3% แต่บริษัทก็ยังคงเห็นโอกาส และมั่นใจว่าจะได้ผลการตอบรับที่ดีหลังจากวางสินค้าเข้าทำตลาด โดยระยะแรกที่เริ่มทำตลาด บริษัทจะเน้นทำตลาดไปที่ผงซักฟอกชนิดซักมือ ซึ่งจะมีขนาดให้เลือกตั้งแต่ 60 กรัม จนถึง 3,000 กรัม ส่วนชนิดซักเครื่องมีขนาดให้เลือกตั้งแต่ขนาด 90 กรัม จนถึง 1,800 กรัม

ปัจจุบันภาพรวมของตลาดผลิตภัณฑ์ซักผ้ามีมูลค่ารวมประมาณ 27,000 ล้านบาท แบ่งเป็นตลาดผงซักฟอกและน้ำยาซักผ้าประมาณ 18,000  ล้านบาท ตลาดน้ำยาปรับผ้านุ่มประมาณ 7,900  ล้านบาท และตลาดผลิตภัณฑ์ขจัดคราบมูลค่า 900 ล้านบาท โดยคาดว่าในปี 2558 ตลาดผงซักฟอกและน้ำยาซักผ้าจะมีการเติบโตเพิ่มขึ้น 3% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 18,500  ล้านบาท

หลังจากเปิดตลาดประเทศไทยไประยะหนึ่ง บริษัท บุญโชติเทรดิ้ง ก็มีแผนที่จะนำสินค้าเข้าไปทำตลาดในกลุ่มประเทศอาเซียน ด้วยการเข้าร่วมโครงการตราสัญลักษณ์ไทยแลนด์  “Thailand trust Mark” โดยกรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ เพื่อเป็นการประกันคุณภาพสินค้าว่าได้ผ่านการพิจารณาทั้งในด้านมาตรฐานการผลิตที่มีแหล่งที่มาชัดเจน สินค้าไม่ละเมิดลิขสิทธิ์ และได้รับการรับรองมาตรฐานที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล

นอกจากนี้ ยังมีการดำเนินกิจกรรมขององค์กรที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสังคม (ซีเอสอาร์) และมีการพัฒนาบุคลากรสวัสดิการ ความปลอดภัย ไม่มีการใช้แรงงานเด็กหรือแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานโดยผิดกฎหมาย ด้วยมาตรฐานทั้งหมดนี้ จึงเป้นตราสัญลักษณ์ที่ติดตัวผลิตภัณฑ์ ทำให้ผู้บริโภคในต่างประเทศไว้วางใจในคุณภาพของสินค้าอย่างเต็มที่ พร้อมกันนี้ กรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ ยังได้มีการประชาสัมพันธ์โครงการดังกล่าวไปในต่างประเทศทั่วโลก และสร้างเอกลักษณ์ของแบรนด์ที่มีความแตกต่างจากผู้อื่นทำให้แบรนด์สินค้าแบรนด์ “แอป” มีความโดดเด่นในตลาดโลกมากยิ่งขึ้น

หลังจากออกมาเปิดเกมรุกอย่างหนักทั้งในประเทศและต่างประเทศ เชื่อว่าแบรนด์ผงซักฟอกแอปจะเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างแน่นอน แต่ภายใต้กรอบระยะเวลาเท่าไหร่นั้น คงต้องขึ้นอยู่กับฝีมือการทำตลาดและการวางกลยุทธ์ที่วางไว้จะตรงกับความต้องการของผู้บริโภคมากน้อยแค่ไหน แม้ระยะยาวยังจะมองไม่เห็น แต่เชื่อว่าในระยะสั้นสิ้นปีนี้น่าจะพอมองเห็นภาพผลการตอบรับได้รำไรบ้างแล้ว