หลังจาก “ซัมซุง” ค่ายยักษ์เทคโนโลยีสัญชาติเกาหลีใต้เปิดตัว “นาฬิกาอัจฉริยะ” หรือ “สมาร์ทวอทช์” รุ่น " Samsung Samsung Gear S" เข้าตลาดในช่วงปลายปี 2014 และได้รับการขานรับจากตลาดเป็นอย่างดี
เวลานี้ซัมซุงได้ปล่อยรุ่นใหม่ให้ได้ยลโฉมกันแล้วในงาน Internationale Funkausstellung Berlin 2015 (IFA 2015) งานแสดงสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับผู้บริโภคยิ่งใหญ่สุดของยุโรปที่กรุงเบอร์ลิน ของเยอรมัน ซึ่ง "Samsung Samsung Gear S2" มีดีไซน์เปลี่ยนไปเป็นหน้าปัดกลมสวยงาม พร้อมตัวเรือนบางเฉียบ แบตอึดใช้ได้ 2 วัน
เรียกว่า สาวกซัมซุงที่ซื้อรุ่นแรกไป “ทำใจ” นับถอยหลัง "Samsung Samsung Gear S" ตกรุ่นกันได้เลย และอาจจะต้องควักกระเป๋าซื้อรุ่นใหม่กันอีกแล้ว เพราะความสวยเลิศ สามารถสวมใส่ได้ในทุกโอกาสและทุกเวลา
"Samsung Samsung Gear S" รุ่นก่อนหน้าได้รับการออกแบบให้มาพร้อมกับจอแสดงผล 2 นิ้วแบบ Super AMOLED แบบโค้งสวยงาม สวมใส่สบาย อีกทั้งมีคุณสมบัติในการเชื่อมต่อผ่าน 3G, Wi-Fi และ Bluetooth ทำให้ผู้เป็นเจ้าของสามารถใช้ Samsung Gear S เพื่อโทรออก/รับสาย และส่งข้อความได้อย่างอิสระแม้ไม่มีโทรศัพท์มือถือติดตัว นอกจากนี้ยังสามารถพิมพ์ข้อความได้ทันทีผ่าน onscreen keyboard ที่รองรับมากถึง 69 ภาษารวมถึงภาษาไทย
จึงไม่น่าแปลกใจที่หลังจากเปิดขายในบ้านตัวเองวันแรกราวกลางเดือนพฤศจิกายน 2557 ในราคา 297,000 วอนหรือราว 8,900 บาทในขณะนั้น สามารถทำยอดขายทะลุ 10,000 เรือนได้ ส่วนราคาในไทยอยู่ที่กว่า 11,000 บาท
สำหรับรุ่นใหม่ "Samsung Samsung Gear S2" คาดว่าจะขายดีไม่แพ้กัน ซึ่งออกแบบโดย Alessandro Mendini นักออกแบบและสถาปนิกชาวอิตาลีชื่อดัง ทั้งส่วนหน้าปัดนาฬิกาและสายนาฬิกา ใช้ระบบปฏิบัติการ Tizen ของซัมซุงเองและสมาร์ทวอทช์รุ่นนี้ยังจะเปิดกว้างให้ใช้กับสมาร์ทโฟนของค่ายอื่นๆ ได้ด้วยที่ใช้ Android 4.4 ขึ้นไปและมีหน่วยความจำมากกว่า 1.5GB จากเดิมที่ใช้ได้กับสมาร์ทโฟนของซัมซุงเพียงอย่างเดียว
“Samsung Gear S2” ทำออกมา 3 แบบ คือ Gear S2 มาตรฐานที่มาพร้อมกับสีเทาเข้มทั้งสายและตัวเครื่อง กับสีเงินสายขาวเน้นความเรียบง่ายทันสมัย แบบ S2 Classic ออกแบบเหมือนนาฬิกาปกติมากกว่า มีแต่สีดำพร้อมสายหนังอย่างเดียว เน้นความเรียบหรู มีสเปคภายในคล้ายกัน รองรับเฉพาะwifi และ รุ่น Gear S2 3G ที่จะมีช่องใส่ซิม เชื่อมต่อ 3G ได้
มาดูสเปคของสมาร์ทวอทช์รุ่นนี้กัน
-หน้าจอกลมขนาด 1.2 นิ้วที่ความละเอียด 360x360 พิกเซล Super AMOLED ซึ่งให้สีสันสดใส มีความคมชัด ตอบสนองรวดเร็ว และประหยัดพลังงาน
-ตัวเรือนบางเพียง 11.4 มิลลิเมตร น้ำหนักเบา กะทัดรัด โดย Gear S2 หนัก 47 กรัม, Gear S2 Classic หนัก 42 กรัม และรุ่น Gear S2 3G หนัก 51 กรัม
-หน่วยประมวลผลกลางแบบ 2 แกน ประมวลผลที่ความถี่ 1.0 GHz
-ระบบปฏิบัติการใช้ฐานจาก Tizen
-พื้นที่เก็บข้อมูล 4 GB, แรม 512 MB
-กันน้ำ กันฝุ่นได้ตามมาตรฐาน IP 68
-Wi-Fi (802.11 b/g/n), Bluetooth 4.1 และเทคโนโลยี NFC ที่รองรับการชำระเงินได้ทันที รวมทั้งการพัฒนาให้ใช้งานเป็นกุญแจรถ กุญแจที่พักอาศัย หรือรีโมทคอนโทรลสำหรับซัมซุง สมาร์ท โฮมได้ด้วย
-แบตเตอรี่ 250 mAh สำหรับรุ่นปกติ และ 300 mAh สำหรับรุ่น 3G ใช้งานต่อเนื่องได้ประมาณ 2 วัน นอกจากนี้ยังสามารถชาร์จแบตเตอรี่แบบไร้สายด้วยชุดอุปกรณ์ที่มากับเครื่องอีกด้วย
-มีเซ็นเซอร์หลายตัว เช่น Accelerometer, Gyroscope, วัดอัตราการเต้นของหัวใจ, Ambient Light, ตัววัดความดันอากาศ พร้อมระบบการบันทึกกิจกรรมของผู้ใช้งานแบบ 24 ชั่วโมง
คาดหลังจากวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในเดือนตุลาคม มีแนวโน้มว่าจะมาในเวลาใกล้เคียงกันเหมือนรุ่นก่อน
ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.samsungmobilepress.com
ข่าวเด่น