การตลาด
สกู๊ป "เร่งฟื้นราชประสงค์" สร้างความมั่นใจนักท่องเที่ยว รับไฮซีซั่น


หลังจากหลายหน่วยงานออกมาร่วมกันฟื้นฟูความเชื่อมั่นแยกราชประสงค์ ซึ่งถือเป็นสถานที่สำคัญของกรุงเทพมหานคร เพื่อดึงนักท่องเที่ยวให้กลับคืนมา ล่าสุดสถานการณ์ธุรกิจในย่านราชประสงค์เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ เนื่องจากหน่วยงานของภาครัฐและเอกชนหันมาจับมือร่วมกัน เพื่อฟื้นความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยวต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นในด้านของการรักษาความปลอดภัย หรือการทำกิจกรรมส่งเสริมการขาย

 

แต่สิ่งที่ทั้งหน่วยงานรัฐและเอกชนจะให้ความสำคัญเป็นพิเศษในขณะนี้ และพยายามสร้างมาตรฐานให้ได้ระดับสากลคงจะหนี้ไม่พ้นระบบรักษาความปลอดภัย เพราะในสายตานักท่องเที่ยวต่างชาติ ปัจจัยดังกล่าวถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด  ด้วยเหตุนี้ทางสมาคมผู้ประกอบวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ (RSTA) จึงมีแผนที่จะเข้าร่วมหารือกับหน่วยงานภาครัฐอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นกรุงเทพมหานคร หรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อร่วมกันวางระบบมาตรฐานความปลอดภัยภายในย่านราชประสงค์

 

นายชาย ศรีวิกรม์ นายกสมาคมผู้ประกอบวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ กล่าวว่า สิ่งที่ต่างชาติเป็นห่วง คือ มาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล และเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักเที่ยวและคนไทยที่เข้ามาในย่านราชประสงค์ โดยขณะนี้ทางสมาคมฯ ได้เริ่มทยอยเปลี่ยนกล้องวงจรปิดจำนวน 74 ตัวโดยรอบย่านราชประสงค์เป็นระบบความคมชัดสูงพานาโซนิค 4K เพื่อให้สามารถเห็นใบหน้าคนร้ายได้ชัดเจนมากขึ้น หากมีเหตุการณ์เลวร้ายเกิดขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะติดตั้งกล้องวงจรปิดความคมชัดสูงในจุดเสี่ยงอีกหลายจุด ควบคู่ไปกับการทำงานร่วมกับหน่วยข่าวกรอง การตรวจสอบป้องกันความปลอดภัยผ่านกล้องวงจรปิด กระถางต้นไม้ ถังขยะ และจุดอับ รวมไปถึงการวางกำลังเจ้าหน้าที่ทั้งในเครื่องแบบและนอกเครื่องแบบให้มีความเหมาะสม เพื่อดูแลด้านความปลอดภัย และการจัดระเบียบทางเท้า เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติที่เข้ามาใช้บริการในย่านราชประสงค์

นอกจากจะให้ความสำคัญในด้านความปลอดภัยแล้ว ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ซึ่งถือเป็นช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยว ทางสมาคมผู้กอบวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ยังมีแผนที่จะทำกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง เช่น การจัดเทศกาลอาหารนานาชาติ การจัดเทศกาลลานเบียร์ การจัดงานฉลองวันเกิดพระพรหม และการจัดงานไลท์ เฟสติวัล  การจัดงาน 5 ธันวา การจัดงานคริสมาสต์ และการจัดงานเคาน์ดาวน์ 

แต่งานที่ถือว่าเป็นไฮไลท์ของปีนี้ เพราะจัดยิ่งใหญ่กว่าปีที่ผ่านมา คือ งานไลท์ เฟสติวัล เนื่องจากปีนี้ได้มีการจับมือร่วมกับสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ ลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมมือกับอัมสเตอร์ดัม ไลท์ เฟสติวัล จัดงานไลท์ เฟสตัวัล ระดับโลก บริเวณแยกราชประสงค์ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและตอกย้ำศักยภาพของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางการจัดงานเมกกะอีเวนต์

 

นายนพรัตน์ เมธาวีกุลชัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ(องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ กล่าวว่า ตามนโยบายขององค์กรที่มุ่งมั่นและสร้างโอกาสการเติบโตให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางของการจัดงานมหกรรมนานาชาติและเมกะอีเวนท์ระดับนานาชาติผ่านกลยุทธ์หลักทั้งการดึงงานที่มุ่งประมูลสิทธิ์การจัดงาน และเพิ่มจำนวนนักเดินทางต่างชาติผ่านการจัดงานมหกรรมนานาชาติและเมกกะอีเวนท์ การส่งเสริมประชาสัมพันธ์ประเทศไทยในฐานะเมืองแห่งการจัดงานมหกรรมนานาขาติและเมกกะอีเวนต์ผ่านสื่อต่างประเทศ และการพัฒนาที่เน้นสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับภาครัฐและเอกชน ที่ตอกย้ำบทบาทของทีเส็บในการส่งเสริมการจัดงานในทุกขั้นตอนเพื่อให้ไทยได้รับโอกาสการเป็นเจ้าภาพงานระดับโลก

ทั้งนี้ ภายใต้การทำงานตามกรอบกลยุทธ์ “ดันไทยสู่ศูนย์กลางเมืองเมกกะอีเวนท์” นั้น ทีเส็บจึงได้จับมือกับผู้จัดงาน อัมสเตอร์ดัม ไลท์ เฟสติวัล ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการส่งเสริมงานด้านไลต์ติ้งเฟสติวัล ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้ ประกอบด้วย การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และบูรณาการความร่วมมือด้านการจัดงานไลท์ เฟสติวัล ระดับโลกในประเทศไทย การแลกเปลี่ยนความรู้ด้านนวัตกรรม แนวทางการสร้างสรรค์ประติมากรรมแสงไฟและการเผยแพร่ รวมไปถึงแผนการตลาดและการประชาสัมพันธ์กิจกรรมไลต์ติ้งเฟสติวัล และที่สำคัญที่สุดคือการนำผลงานไลท์ติ้งจากงานอัมสเตอร์ดัม ไลท์ เฟสติวัล ที่นับว่าเป็นสุดยอดของงานไลท์ เฟสติวัล ระดับโลก มาร่วมจัดแสดงในประเทศไทยเป็นครั้งแรก

นายนพรัตน์ กล่าวต่อว่า กิจกรรมนำร่องที่ทีเส็บดำเนินงานร่วมกับอัมสเตอร์ดัม ไลท์ เฟสติวัล คือ การเชิญ มิสเตอร์โรจิเอร์ แวน เดอร์ ไฮด์ ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ อัมสเตอร์ดัม ไลท์ เฟสติวัล และไลท์ติ้งดีไซน์เนอร์ระดับโลก มาร่วมสำรวจพื้นที่ที่มีศักยภาพในการรองรับและสร้างสรรค์งานไลท์ เฟสติวัล ขนาดใหญ่ที่จะจัดขึ้นในประเทศไทยช่วงปลายปีนี้ โดยนำร่องสำรวจพื้นที่ราชประสงค์เป็นอันดับแรก เนื่องจากเป็นศูนย์กลางของเศรษฐกิจและการคมนาคมของกรุงเทพฯ และประเทศไทย ประกอบกับทางสมาคมวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ยังเป็นพันธมิตรในการร่วมมือส่งเสริมธุรกิจไมซ์กับทีเส็บ ดังนั้นการจับมือร่วมกันในครั้งนี้จึงน่าจะเป็นการฟื้นฟูความเชื่อมั่นย่านราชประสงค์ให้กลับคืนมาอีกครั้ง

 

ด้าน นายโรจิเอร์ แวน เดอร์ ไฮด์ ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ อัมสเตอร์ดัม ไลท์ เฟสติวัล และไลท์ติ้งดีไซน์เนอร์ระดับโลก กล่าวว่า การเดินทางมาประเทศไทยครั้งนี้  มีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง อัมสเตอร์ดัม ไลท์ เฟสติวัล กับทาง ทีเส็บ ซึ่งจะนำไปสู่การแลกเปลี่ยนข้อมูลและพัฒนาด้านการจัดงานไลท์เฟสติวัลระดับนานาชาติร่วมกันในระยะยาว 

นอกจากนี้ยังถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้เข้าร่วมกิจกรรมบรรยายเพื่อแบ่งปันประสบการณ์ ความรู้ด้านเทคนิคการประดับไฟงานเฟสติวัลระดับโลก ให้กับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน รวมถึงนักศึกษา สาขาวิชาออกแบบ สถาปัตยกรรมศาสตร์ และ วิศวกรรมศาสตร์จากหลากหลายสถาบันการศึกษา ที่สนใจได้เข้าร่วมฟังและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในหัวข้อ How to Create Impact for International Light Festival - Trends & Sustainability

 

นอกจากจะมีงาน ไลท์ เฟสติวัล เป็นไฮไลท์ในช่วงปลายปีนี้ ในส่วนของงานเคาน์ดาวน์ ก็ถือเป็นอีกหนึ่งงานที่ทางสามาคมผู้ประกอบวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ปักธงว่ายังเป็นไฮไลท์หลักของย่าน เนื่องจากวันจัดงานดังกล่าวจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 1 เท่าตัวเมื่อเทียบกับวันปกติที่ย่านราชประสงค์จะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเข้ามาใช้บริการในย่านประมาณ 4  แสนคนต่อวัน

จากการณ์คาดการณ์ดังกล่าว ทางสมาคมผู้ประกอบวิสาหกิจในย่านประสงค์มั่นใจว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้อย่างแน่นอน เนื่องจากขณะนี้แนวโน้มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้าพักตามโรงแรมต่างๆ ในย่านราชประสงค์เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ เห็นได้จากอัตราการเข้าพักที่อยู่ในอัตราส่วน 90% ขณะที่การงานจัดงานประชุมและสัมมนา (ไมซ์) ก็เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติเช่นกัน  หลังจากช่วงสัปดาห์แรกหลังเกิดเหตุระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์การจัดงานดังกล่าวถูกยกเลิกทั้งหมด

ความร่วมมือที่เกิดขึ้นดังกล่าว ประกอบกับมีการจัดกิจกรรมกระตุ้นเพื่อเรียกความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยวต่างชาติต่อเนื่อง มีการคาดการณ์ว่าจะมีผู้ร่วมงานต่างๆ จากทั่วโลกเดินทางมากรุงเทพมหานครและจังหวัดต่างๆของไทยเพิ่มขึ้น ซึ่งแนวโน้มที่ดีดังกล่าว นับเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันอุตสาหกรรมไมซ์ปี 2558 ให้ก้าวไปถึงเป้าหมายที่คาดการณ์ว่าประเทศไทยจะมีโอกาสต้อนรับนักเดินทางกลุ่มไมซ์จำนวน 1,036,300 คน คิดเป็นรายได้ 106,780 ล้านบาท

ผนึกกำลังกันอย่างแข็งขันขนาดนี้ ไม่ว่าจะเป็นในด้านของการรักษาความปลอดภัย หรือการทำกิจกรรมกระตุ้นเชื่อว่าความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวต่างชาติน่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติในเร็ววันนี้อย่างแน่นอน ถ้าทุกหน่วยงานยังคงจริงจังและจริงใจร่วมกันทำอย่างต่อเนื่อง แต่หากทำเพียงแค่ ปลุกกระแส พอทุกอย่างกลับเข้าสู่ภาวะปกติทุกอย่างก็หย่อนยานเหมือนเดิม หากเป็นเช่นนั้นประเทศไทยก็อาจกลับเข้าสู่ภาวะถดถอยเหมือนเดิม 


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 15 ก.ย. 2558 เวลา : 00:04:43
25-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 25, 2024, 12:40 pm