การประกาศหยุดผลิตเหล็กแท่งแบนชั่วคราวที่โรงงานเอสเอสไอทีไซต์ ในประเทศอังกฤษ ที่ดำเนินการโดยสหวิริยาสตีลอินดัสตรียูเค หรือ SSI UK ตั้งแต่เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2558 ที่ผ่านมา นอกจากจะสร้างความวิตกกังวลให้กับนักลงทุนแล้ว แต่ในส่วนของสถาบันการเงินก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน ในฐานะธนาคารที่ปล่อยสินเชื่อให้กับบริษัท

แม้ นายรณดล นุ่มนนท์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะเชื่อว่า ปัญหาหนี้ของกลุ่ม บมจ.สหวิริยาอินดัสตรี หรือ SSI ซึ่งมียอดหนี้รวมทั้งสิ้น 53,346 ล้านบาท หากกลายเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL จะทำให้ยอด NPL ของระบบเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยจาก 2.46% เป็น 2.86% เท่านั้น จึงไม่กระทบต่อเสถียรภาพระบบสถาบันการเงินโดยรวม รวมทั้งกลุ่มธนาคารเจ้าหนี้ได้มีการกันสำรองหนี้รายนี้เพิ่มขึ้นมาตามลำดับ จึงเพียงพอรองรับภาระหนี้ดังกล่าวแล้ว

แต่ก็ต้องยอมรับว่า การปิดกิจการของ SSI UK ทำให้ 3 แบงก์เจ้าหนี้หลัก SSI ซึ่งประกอบด้วย ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ธนาคารกรุงไทย (KTB) และกลุ่มทิสโก้ (TISCO) ได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

นางอรนุช อภิศักดิ์ศิริกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มทิสโก้ กล่าวว่า ในส่วนของธนาคารทิสโก้ ได้ทยอยตั้งสำรองหนี้สูญเพื่อรองรับความเสียหายมาโดยตลอด และจะตั้งสำรองเพิ่มขึ้นอีก 1,400-1,500 ล้านบาทให้ครบ 100%ในไตรมาส 3 นี้ ซึ่งภาระการตั้งสำรองดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานประนจำปีของบริษัทบ้างแต่ไม่เป็นนัยสำคัญ
ขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) จะเพิ่มขึ้นจากส่วนของสินเชื่อที่ให้กับ SSI ประมาณ 0.34%

ด้าน นายวรภัค ธันยาวงษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ในส่วนของการตั้งสำรองฯเพิ่มนั้น จากมูลหนี้รวม 2.2 หมื่นล้านบาท ธนาคารได้ตั้งสำรองไว้แล้ว 1-1.1 หมื่นล้านบาท และเมื่อหักหลักประกันจาก SSI ที่ตีค่าประมาณ 3 พันล้านบาทแล้ว ก็จะเหลือส่วนที่ต้องกันสำรองอีก 9 พันล้านบาท ซึ่งในส่วนนี้จะไม่กระทบต่อผลการดำเนินงานหรือรายได้ของธนาคารอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากธนาคารมีสำรองพิเศษไว้ระดับหนึ่งแล้ว ก็สามารถใช้ส่วนนี้นำมาตั้งสำรองตรงนี้ได้ และธนาคารก็สามารถทยอยตั้งสำรองพิเศษเพิ่มไว้อีกได้

ส่วนธนาคารไทยพาณิชย์ ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) ว่า ในฐานะหนึ่งในสามธนาคารเจ้าหนี้หลักของ SSI  ธนาคารไทยพาณิชย์ได้มีการเตรียมเพื่อรองรับสำหรับสถานการณ์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นมาหลายเดือนแล้ว โดยได้วางแผนการตั้งสำรองเพิ่มในจำนวนที่สูงอย่างมีนัยสำคัญในไตรมาสปัจจุบัน จากยอดหนี้รวม 2.2 หมื่นล้านบาท การตั้งสำรองหรือตัดหนี้สูญของ SSI และบริษัทในเครือจะมีจำนวนรวมกันประมาณ 1-1.1 หมื่นล้านบาท