หลังจากก่อตั้งสมาคมผู้ประกอบการศูนย์ค้าส่งแฟชั่นย่านประตูน้ำมาได้ 2-3 เดือน ทางสมาชิดของสมาคม ประกอบด้วย เดอะ แพลทินัม แฟชั่น มอลล์ , แกรนด์ไดมอนด์พลาซ่า, ชิบูญ่า ประตูน้ำ, ห้างกรุงทองพลาซา, อินทรา สแควร์, วอเตอร์เกต พาวิลเลียน และศูนย์การค้า เดอะ พาลาเดียม เวิลด์ ช้อปปิ้ง ก็เริ่มมีการหารือร่วมกัน เพื่อขับเคลื่อนให้ย่านประตูน้ำเป็น "เดสติเนชั่น" ของกรุงเทพฯ
เหตุผลที่ทำให้ผู้ประกอบการศูนย์ค้าส่งในย่านประตูน้ำหันมารวมตัวกัน เพื่อกระตุ้นให้ประตูน้ำเป้นย่านการค้าที่ทุกคนต้องหันกลับมามอง คือ ประตูน้ำเป็นย่านธุรกิจที่มีศักยภาพ เพราะนอกจากจะมีศูนย์ค้าส่งขนาดใหญ่แล้ว ยังมีผู้ประกอบการรายย่อยที่ทำมาค้าขายอยู่ในย่านประตูน้ำตามตรอกซอกซอยต่างๆ อีกมากมาย หากนำมารวมกับผู้ประกอบการที่ค้าขายอยู่ภายในศูนย์ก็น่าจะมีผู้ประกอบการรายย่อยค้าขายอยู่ในย่านนี้ไม่ต่ำกว่า 10,000 ราย
นอกจากนี้ ย่านประตูน้ำ ยังมีโรงแรมเปิดให้บริการเป็นจำนวนมาก เริ่มต้นตั้งแต่ 2 ดาวถึง 4 ดาวครึ่ง ส่งผลให้มีห้องพักรวมกันไม่ต่ำกว่า 5,000 ห้อง ซึ่งจากจำนวนห้องพักที่มากดังกล่าวทำให้ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการไม่ต่ำกว่า 3-4 ล้านคน และมีอัตราเข้าพักเฉลี่ยทั้งปีไม่ต่ำกว่า 80% แต่หากเป้นช่วงไฮซีซั่นอัตราการเข้าพักจะพุ่งสูงถึง 90-100% เลยทีเดียว
ด้วยเหตุนี้ ผู้ประกอบการในย่านประตูน้ำจึงมีความคิดที่จะพัฒนาธุรกิจและทำการตลาดร่วมกัน เพื่อเรียกลูกค้าและนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เข้ามาใช้บริการภายในย่านประตูน้ำ เพราะจากการสำรวจผู้คนที่เข้าออกมาในย่านประตูน้ำ คาดว่ามีอัตราส่วนสูงกว่าการเข้าพักของนักท่องเที่ยวตามโรงแรมต่างๆ ถึง 3-4 เท่าตัว
สำหรับกิจกรรมที่จำร่วมทำกันในเบื้องต้น โดยจะเริ่มในช่วงไตรมาส 4 นี้ คือ การทำกิจกรรมส่งเสริมการขาย เช่น ลด แลก แจก แถม ร่วมกันทั้งย่าน นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะประดับไฟในช่วงเทศกาสคริสมาสต์ต่อเนื่องถึงเทสกาลปีใหม่ เพื่อสร้างความสวยงามให้กับย่านประตูน้ำ พร้อมกันนี้ยังมีแผนที่จะจัดกิจกรรมลานเบียร์ เพื่อดึงชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เข้าไปใช้บริการมากขึ้น
แต่ก่อนที่จะมีการทำกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกัน ในส่วนของผู้ประกอบการในย่านเองก็มีการอัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย และปรับภาพลักษณ์ของตัวศูนย์ค้าส่งอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยในส่วนของศุนย์ค้าส่ง-ปลีก วอเตอร์เกต พาวิลเลียน ก็มีการนำสินค้าใหม่ๆ มาให้บริการเพิ่มขึ้น รวมไปถึงการทำกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี
นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการ บริษัท โอเวอร์ซี คอนสตรัคชั่น จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจ ศูนย์การค้าส่ง-ปลีก วอเตอร์เกต พาวิลเลียน กล่าวว่า บริษัทได้วางกลยุทธ์ในการบริหารจัดการโครงการ ด้วยการเพิ่มจุดขายศูนย์การค้าให้เป็น “ศูนย์กลางด้านแฟชั่นแฟนซี” โดยเฉพาะกลุ่มชุดคาเบเร่ต์ คอสเพลย์ ลีลาศ เครื่องประดับที่เกี่ยวข้อง เครื่องสำอาง เนื่องจากสินค้าเหล่านี้กำลังได้รับความนิยมและมีกระแสตอบรับจากกลุ่มผู้ซื้อทั้งภายในประเทศและต่างประเทศจำนวนมาก
ปัจจัยที่ทำให้ วอเตอร์เกต พาวิลเลียน ออกมาปรับภาพลักษร์ศูนย์เป็น ศูนย์กลางด้านแฟชั่นแฟนซี ก็เพราะว่า ต้องกาให้ศูนย์การค้ามีเอกลักษณ์ที่ต่างจากย่านค้าส่งและค้าปลีกในย่านประตูน้ำอื่นๆ จึงได้ชูร้านจำหน่ายสินค้าประเภทแฟชั่นแฟนซีที่ครบวงจรทั้งที่ขายปลีกและขายส่งเป็นจุดขายของตัวศูนย์การค้า
น.ส.แก้วใจ วงษ์จินดา ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท โอเวอร์ซี คอนสตรัคชั่น จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันลูกค้าที่มาใช้บริการร้านค้าปลีกและค้าส่งกำลังเป็นที่นิยมอย่างมากจากต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าเฉพาะทางได้แก่ กลุ่มสาวประเภทสองจากแถบละตินอเมริกา เช่น บราซิล ที่นิยมมาสั่งซื้อสินค้าแฟชั่นแฟนซีในศูนย์การค้าวอเตอร์เกท ดังนั้นบริษัทจึงได้ปรับกลยุทธ์การตลาด ที่จะให้สอดรับกับเทรนด์ของกลุ่มลูกค้าที่มาเช่าพื้นที่ในการให้เป็นที่รู้จักและกระตุ้นยอดขายมากขึ้น
ขณะ "ห้างกรุงทองพลาซ่า" ก็ออกมาทำกิจกรรมส่งเสริมการขายในช่วงไตรมาส 4 ที่จะถึงนี้อย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยในช่วงเดือน พ.ย.นี้ ได้เตรียมจัดกิจกรรมเกี่ยวกับเทรนด์แฟชั่นปี 2559 กับเซตเสื้อผ้า 12 สไตล์ นำมาจำหน่ายในราคาพิเศษ ขณะที่เดือน ธ.ค.ก็มีแผนที่จะจัดโปรโมชั่นส่งท้ายปี ด้วยการคืนกำไรให้ลูกค้า โดยการนำสินค้ากว่า 1 ล้านชิ้น มาจำหน่ายในราคาลดสูงสุด 80%
น.ส.อัญชลี ตันติวงษากิจ กรรมการผู้จัดการ กรุงทองพลาซ่า กล่าวว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจของกรุงทองพลาซ่าในปีนี จะเน้นไปที่การทำกิจกรรมส่งเสริมการขาย เพื่อช่วยเหลือผู้เช่า ด้วยการทำกิจกรรมโปรโมชั่นเกือบทุกเดือนจากเดิมจะจัด 3 เดือนต่อ 1 ครั้ง รวมไปถึงการมอบโชคให้กับลูกค้า เช่น การแจกทอง แจกนาฬิกา และเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น เพื่อกระตุ้นความถี่ของลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะสร้างความแตกต่างไปจากคู่แข่งในย่านประตูน้ำด้วยการเน้นผู้เช่าที่เป็นผู้ผลิตจากโรงงานโดยตรง เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า ขณะเดียวกันก็จะใช้สื่อโซเชียลมีเดียอย่างอินสตาแกรม และเฟซบุ๊คเข้ามาช่วยในการขายสินค้า ซึ่งหลังจากออกมาทำกิจกรรมส่งเสริมการขายในรูปแบบดังกล่าว พบว่า ลูกค้าเข้ามาใช้บริการในกรุงทองพลาซ่าถี่ขึ้น จากเดิมเข้ามาใช้บริการเดือนละ 1 ครั้ง ก็ปรับเพิ่มเป็น 4 ครั้งต่อเดือน
ด้าน นายวัลลภ กมลวิศิศิษฎ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ถาวรสินพัฒนา บริษัทในเครือกลุ่มทุนพรหมมหาราช ผู้บริหาร ศูนย์การค้า เดอะ พาลาเดียม เวิลด์ ช้อปปิ้ง ประตูน้ำ กล่าวว่า ในส่วนของศูนย์การค้าเดอะพาลาเดียม เวิลด์ ช้อปปิ้ง ประตูน้ำ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรรายใหญ่ด้านไอที และไลฟ์สไตล์ เพื่อนำบริการดังกล่าวมาเปิดให้บริการ จากเดิมมีเพียงกลุ่มสินค้าเสื้อผ้าแฟชั่น เครื่องประดับ และของทีระลึกเปิดให้บริการเท่านั้น ขณะที่กลยุทธ์การทำตลาดจะเน้นไปที่การให้ส่วนลด 20-50% กับลูกค้า โดยลูกค้าสามารถรับส่วนลดดังกล่าวได้ทันทีเมื่อเห็นป้ายลดราคาติดไว้ที่หน้าร้านของร้านค้าที่จะเข้าไปซื้อสินค้า
หลังจากบรรดาผู้ประกอบการย่านประตูน้ำออกมาจัดหนักทำกิจกรรมส่งเสริมการขายกันอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็มีแผนที่จะร่วมกันพัฒนาย่านผ่านการทำกิจกรรมในรูปแบบต่างๆ เชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าชาวไทยและต่างชาติเข้าไปใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน หลังจากซบเซาไปในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา และกลับมาซบเซาอีกครั้งหลังจากมีเหตุการณ์วางระเบิดบริเวณท้าวมหาพรหมบริเวณแยกราชประสงค์
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าว บรรดาผู้ประกอบการในย่านประตูน้ำต่างออกมายอมรับว่า มีผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในย่านนี้พอสมควร เนื่องจากลูกค้าชาวไทยชะลอการจับจ่ายใช้สอย ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวเองก็ปรับตัวลดลง เพราะตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
แต่อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สถานการณ์ก็กลับมาคลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้นแล้ว เห็นได้จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เริ่มทยอยกลับมา ซึ่งในส่วนของลูกค้าชาวไทยก้คาดว่าจะกลับมาจับจ่ายใช้สอยอย่างคึกคักอย่างแน่นอน ภายหลังภาครัฐออกมาประกาศใช้มาตรการต่างๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและฟื้นกำลังซื้อผู้บริโภคระดับรากหญ้า.
ข่าวเด่น