SSI ยื่นศาลขอฟื้นฟูกิจการในวันที่ 1 ต.ค. หลังเจ้าหนี้เรียกภาระค้ำประกัน "เอสเอสไอ ยูเค" 23,900 ล้านบาท แต่บริษัทฯไม่มีความสามารถชำระหนี้เหตุอยู่ในภาวะหนี้สินมากกว่าทรัพย์สิน พร้อมแจ้งหยุดการผลิตกิจการโรงถลุงเหล็กที่อังกฤษ ปลดพนักงาน 1,700 คน จาก 2,000 คน ระบุบริษัทฯ จะเป็นผู้บริหารแผนฟื้นฟูฯ โดยธนาคารเจ้าหนี้จะยังสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียน สร้างความเชื่อมั่นให้คู่ค้า
นายวิน วิริยประไพกิจ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือ SSI เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ อนุมัติให้ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลในวันที่ 1 ตุลาคม 2558 โดยบริษัทฯ จะเป็นผู้ทำแผนฟื้นฟูกิจการ โดยในกรณีนี้ อำนาจ หน้าที่ และความรับผิดในฐานะผู้ทำแผนตกเป็นของกรรมการของบริษัทฯ ที่มีชื่อตามหนังสือรับรอง โดยอนุมัติมอบอำนาจให้ นายวิน วิริยประไพกิจ หรือ นายณรงค์ฤทธิ์ โชตินุชิตตระกูล ในฐานะผู้บริหารของลูกหนี้เป็นผู้ทำแทน
ในการนี้ กลุ่มธนาคารเจ้าหนี้รายใหญ่จะสนับสนุนให้บริษัทฯ บริหารงานต่อไป โดยจะพิจารณาให้การสนับสนุนวงเงินหมุนเวียนเพิ่มเติมตามสมควร เพื่อให้บริษัทฯ มีสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจ โดยให้ที่ปรึกษาทางการเงินทำหน้าที่ควบคุมเงินสด (Cash Monitoring) ของบริษัทฯ และกลุ่มธนาคารเจ้าหนี้รายใหญ่จะให้ความร่วมมือสร้างความเชื่อมั่นกับคู่ค้าของบริษัทฯในการดำเนินธุรกิจต่อไป
SSI ระบุว่า สาเหตุที่บริษัทฯต้องขอฟื้นฟูกิจการ เนื่องจาก "เอสเอสไอ ยูเค" ได้ถูกกลุ่มธนาคารเจ้าหนี้เงินกู้ ซึ่งประกอบด้วยธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคาร ทิสโก้ จำกัด (มหาชน) มูลหนี้รวม 23,900 ล้านบาท เรียกให้ชำระหนี้ที่ค้างอยู่ตามเงื่อนไขการกู้ยืมเงิน และส่งผลให้หนี้เงินกู้ยืมจากกลุ่มธนาคารเจ้าหนี้รายใหญ่ถึงกำหนดชำระทั้งหมดในทันที และกลุ่มธนาคารเจ้าหนี้รายใหญ่ได้เรียกให้บริษัทฯ เป็นผู้ชำระหนี้ของ เอสเอสไอ ยูเค ในฐานะผู้ค้ำประกัน ทำให้บริษัทฯ ต้องรับรู้หนี้เงินกู้ยืมทั้งจำนวนของ เอสเอสไอ ยูเค ด้วย ซึ่งบริษัทฯ ไม่มีความสามารถในการชำระหนี้ได้
ต่อมากลุ่มธนาคารเจ้าหนี้รายใหญ่ได้ตัดสินใจเรียกให้บริษัทฯ ชำระหนี้ที่ค้างอยู่ตามเงื่อนไขการกู้ยืมเงิน เพิ่มเติมจากกรณีของเอสเอสไอ ยูเค เนื่องจากบริษัทฯ อยู่ในภาวะที่มีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สิน และกลุ่มธนาคารเจ้าหนี้รายใหญ่จะใช้สิทธิในการเรียกภาระค้ำประกันจาก เอสเอสไอ ยูเค ในฐานะผู้ค้ำประกันของบริษัทฯ อีกด้วย เพื่อเป็นการรักษาสิทธิของกลุ่มธนาคารเจ้าหนี้รายใหญ่
จากการหารือร่วมกันกลุ่มธนาคารเจ้าหนี้รายใหญ่เพื่อหาแนวทางในการรักษาธุรกิจเหล็กแผ่นรีดร้อนของบริษัทฯ ให้สามารถดำเนินการได้ตามปกติ และรักษามูลค่าทางธุรกิจของบริษัทฯ ไว้รวมถึงคงไว้ซึ่งระดับความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจของบริษัทฯ ให้มีอยู่ เพื่อให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุดต่อพนักงาน ลูกค้า และคู่ค้าขของบริษัทฯ
นอกจากนี้ ตามที่บริษัทฯ ขอแจ้งการหยุดผลิตเหล็กแท่งแบนชั่วคราวที่โรงงานเอสเอสไอทีไซด์ของธุรกิจโรงถลุงเหล็ก ซึ่งดำเนินงานโดยบริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี ยูเค จำกัด โดยเอสเอสไอ ยูเค เป็นบริษัทย่อยที่บริษัทฯ ถือหุ้นทั้งหมดร้อยละ 100 ระหว่างรอผลการหารือกับผู้มีส่วนได้เสีย เช่น รัฐบาลอังกฤษ คู่ค้า และสหภาพแรงงาน ในการให้ความร่วมมือลดต้นทุนการผลิตและหยุดผลขาดทุนของธุรกิจโรงถลุงเหล็ก
จากการประเมินสถานการณ์การหารือล่าสุด เอสเอสไอ ยูเค มีความจำเป็นต้องหยุดการผลิตในส่วนของโรงถลุงเหล็ก (Iron and Steel Making Operation) ซึ่งจะส่งผลให้ต้องมีการลดจำนวนพนักงานลงประมาณ 1,700 คน จากทั้งหมดประมาณ 2,000 คน ทั้งนี้ หากมีความคืบหน้าในกรณีดังกล่าวเพิ่มเติม บริษัทฯ จะชี้แจงต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ต่อไป
ข่าวเด่น