การตลาด
สกู๊ป "ยักษ์ค้าปลีกย่านสยาม" ผนึกกำลัง ปลุก "พลังสยาม" ย่านสุดฮิป ปักธง "ไอคอนิคกรุงเทพฯ"


"สยาม" ถือเป็นย่านการค้าที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของกรุงเทพมหานคร และศูนย์กลางของกรุงเทพมหานครที่มีอัตลักษณ์โดดเด่น  อีกทั้งยังเป็นจุดเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ ของความเจริญทางด้านเศรษฐกิจการค้าของประเทศไทยนับตั้งแต่ปี 2507 จนถึงปัจจุบัน แม้ว่าเวลาจะเปลี่ยนแปลงไป  ธุรกิจในย่านสยามก็ยังไม่หยุดที่จะพัฒนานำสิ่งใหม่ๆ และสิ่งที่ดีที่สุดมาคอยบริการลูกค้า ยิ่งปัจจุบันการเดินทางมาย่านสยามมีความสะดวกสบายมากขึ้น โดยลูกค้าสามารถเดินทางเข้ามาในย่านสยามได้ทั้งทางรถยนต์ และรถไฟฟ้าที่เชื่อมต่อถึงกัน 2 สถานี คือ สถานีสยาม และสถานีสนามกีฬาแห่งชาติ ส่งผลให้ปัจจุบันสยามกลายเป็นย่านธุรกิจและแหล่งช้อปปิ้งที่นักท่องเที่ยวต่างชาติต้องแวะมาเยือน



 

จากความสะดวกสบายที่เกิดขึ้นดังกล่าว ส่งผลให้ปัจจุบันมีคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาในย่านสยามวันละไม่ต่ำกว่า 550,000 คน ในจำนวนดังกล่าวเป็นกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 30% ส่วนอีก 70% เป็นกลุ่มคนไทย และจากจำนวนผู้เข้ามาใช้บริการที่มีเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้นักธุรกิจในย่านสยามหันมาผนึกกำลังร่วมมือกัน เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับย่านสยามมากยิ่งขึ้น หลังจากก่อนหน้านี้กลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจในย่านประตูน้ำออกมาประกาศยุทธ์ศาสตร์สร้างความแข็งแกร่งตามย่านราชประสงค์ไปเมื่อไม่นานมานี้

การผนึกกำลังของกลุ่มผู้ประกอบการในย่านสยามครั้งนี้ ได้รวมตัวกันภายใต้ชื่อ “พลังสยาม”
ซึ่งในอนาคตมีเสียงแว่วมาว่าอาจก่อตั้งเป็นสมาคม เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับย่าน  ซึ่งโต้โผใหญ่ที่ออกมาประกาศความร่วมมือกันดังกล่าวประกอบด้วย  3  ธุรกิจยักษ์ใหญ่ในย่านสยาม ประกอบด้วย บริษัท เอ็มบีเค จำกัด(มหาชน) , บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด  และกลุ่มธุรกิจย่านสยามแสควร์ ซึ่งนอกจากจะจับมือร่วมกันในฝั่งของภาคเอกชนแล้ว ยังมีการจับมือร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อให้พลังสยามมีเพาเวอร์ในการประกาศศักยภาพของย่านมากยิ่งขึ้น

นายสุเวทย์ ธีรวชิรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า  การจับมือร่วมกันในครั้งนี้ ถือเป็นการผนึกกำลังหลักในการขับเคลื่อนย่านสยามให้เติบโตไปอย่างมั่นคง ในฐานะศูนย์กลางแห่งการผสมผสานเทรนด์ที่ล้ำสมัย การช้อปปิ้งระดับโลก ศิลปวัฒนธรรม และความบันเทิง ที่หลากหลายครบทุกมิติ ซึ่งหลังจากประกาศความร่วมมือกันภายใต้ "พลังสยาม" ในครั้งนี้ ก็จะมีการขับเคลื่อนย่านสยามให้มีความแข็งแกร่ง  ด้วยการทำกิจกรรมการตลาดร่วมกัน และปรับปรุงเพิ่มเติมธุรกิจของตังเองให้มีความแข็งแกร่ง เพื่อรองรับลูกค้าที่จะเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้นในอนาคต     

นายบุญส่ง ศรีสว่างเนตร รองประธานกรรมการบริหาร กลุ่มธุรกิจสยามสแควร์ กล่าวว่า จากการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของย่านสยาม ส่งผลให้สยามเปรียบเสมือนเป็นทำเลทองคำของกรุงเทพมหานครเทียบเท่ากับถนนหรือย่านสำคัญในต่างประเทศ เช่น ย่านกินซ่า (Ginza) ของประเทศญี่ปุ่น ที่เป็นจุดเชื่อมต่อที่สำคัญของกรุงเทพมหานคร เนื่องจากสยามถือเป็นจุดศูนย์รวมของการคมนาคมขนส่ง โดยเฉพาะการคมนาคมที่ทันสมัยที่สุดอย่างรถไฟฟ้าบีทีเอส ซึ่งการจับมือร่วมกันในครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ในการรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ที่กำลังจะเกิดขึ้นในปลายปีนี้

 

ด้าน นางชฎาทิพ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวเสริมว่า สิ่งสำคัญที่ทำให้สยามได้รับการขนานนามว่าเป็นจุดเริ่มต้นและศูนย์กลางของคนเมืองที่มีความเจริญทางด้านเศรษฐกิจการค้าทุกยุคทุกสมัยนั้น ส่วนหนึ่งมาจากการที่ผู้ประกอบการทุกราย หน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ต่างมุ่งพัฒนาสินค้า บริการ และระบบโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อให้สอดรับกับไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่หยุดนิ่ง และทันต่อกระแสโลกอยู่เสมอ ทำให้ย่านสยามสามารถครองความเป็นแหล่งธุรกิจ และศูนย์กลางไลฟ์ไสตล์สำคัญอันดับ 1 ของกรุงเทพฯ

สำหรับกิจกรรมที่จะทำร่วมกันภายใต้ความร่วมมือ “พลังสยาม” นั้น เบื้องต้นพันธมิตรทั้ง 3 รายมีแผนที่จะผนึกกำลังเพื่อร่วมกันจัดกิจกรรมทางการตลาดที่จะสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างเหนือระดับ เช่น การจัดทำแพคเกจโปรโมชั่นที่ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวเพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย ขณะเดียวกันยังมีแผนที่จะยกระดับการดูแลความปลอดภัยภายในย่านให้มีมาตรฐานเดียวกัน

นอกจากนี้ ผู้ประกอบการทั้ง 3 ราย ยังมีแผนที่จะพัฒนาโครงการใหม่ พร้อมกับปรุงปรุงโครงการ เพื่อรองรับกลุ่มลุกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติที่จะเข้าไปใช้บริการ ประกอบด้วย 
1.การปรับปรุงพื้นที่ทางเดินลอยฟ้า บริเวณสถานีรถไฟฟ้าสนามกีฬาแห่งชาติ และสี่แยกปทุมวัน ให้เชื่อมต่อถึงกัน ช่วยอำนวยความสะดวกด้านการคมนาคม และเชื่อมต่อจุดท่องเที่ยวสำคัญๆภายในย่าน ยกระดับพื้นที่บริเวณทางเชื่อมให้เป็นอารยสถาปัตย์ (Universal Design) และเปิดเป็นจุดจัดแสดงงานศิลปะกลางแจ้ง ซึ่งจะเป็นศูนย์รวมสำคัญของความคิดสร้างสรรค์ และเป็นแลนด์มาร์คที่นักท่องเที่ยวจากประเทศต่างๆ ต้องมาเยือน

2. การยกระดับมาตรฐานการดูแลความปลอดภัยภายในย่าน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวและผู้ที่สัญจรไปมาภายในย่านสยาม ผ่านนโยบายการดำเนินงานต่างๆ  เช่น  การแลกเปลี่ยนฐานข้อมูลในการระวังภัยร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนภายในพื้นที่ย่านสยาม เพื่อป้องกันและระงับเหตุร้ายที่อาจจะเกิดขึ้น การแบ่งปันความรู้ต่างๆ ในเรื่องการดูแลความปลอดภัยระหว่างหน่วยรักษาความปลอดภัยของศูนย์การค้าหลักภายในย่าน รวมไปถึงการฝึกซ้อมลงพื้นที่ร่วมกันเพื่อความเป็นหนึ่งเดียวของทีมทำงานภายในย่าน และสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การจัดตั้งระบบดูแลความปลอดภัยที่มีมาตรฐานเดียวกันทั่วเขตพื้นที่

3. โครงการปรับปรุง “ศูนย์การค้าสยามดิสคัฟเวอรี่” โดยสยามพิวรรธน์ ด้วยเงินลงทุน 4,000 ล้าน เพื่อตอกย้ำความแข็งแกร่งในฐานะ “ผู้นำความคิดสร้างสรรค์ที่ล้ำสมัย” ด้วยการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่เขย่าวงการค้าปลีกในแบบ “Breaking all The Rules” อีกครั้ง หลังจากเคยสร้างปรากฏการณ์พลิกโฉมสยามเซ็นเตอร์เมื่อ 2 ปีก่อนจนประสบความสำเร็จมากมาย และนำความแปลกใหม่เหนือระดับมามอบให้กรุงเทพมหานคร ขณะเดียวกันกลุ่มสยามพิวรรธน์ ยังมีแผนที่จะใช้งบอีก 300 ล้านบาท ปรับปรุงชั้นจีของศูนย์การค้าสยามพารากอน โดยจะเน้นไปที่โซนร้านอาหารและฟู้ดคอร์ด เพื่อให้บริการมีความครบวงจรและตรงกับความต้องการของลูกค้ามากขึ้น

4. โครงการพัฒนาพื้นที่ โดย “กลุ่มธุรกิจสยามสแควร์” โครงการสวนหลวงสแควร์ ปรับปรุงพื้นที่บริเวณสวนหลวงและสามย่าน ภายใต้แนวคิดแหล่งรวมความอร่อยและความสุขของชีวิต พร้อมเป็นต้นแบบของการค้าย่านชุมชนที่ยังคงเอกลักษณ์อาคารพาณิชย์ในรูปแบบที่ทันสมัยและสวยงาม โครงการอุทยานจุฬาฯ 100 ปี และถนนจุฬาฯ 100 ปี  พร้อมพัฒนาที่ดินให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อสังคมส่วนรวม ช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับย่านใจกลางกรุงเทพมหานคร เปรียบได้กับปอดแห่งใหม่ของชาวกรุงเทพฯ สร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีให้กับชุมชน เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ทั้งยังเป็นการสร้างระบบนิเวศในเมือง โดยจะเป็นพื้นที่หน่วงน้ำ ช่วยให้น้ำฝนระบายลงสู่ผืนดิน ไม่ขังเอ่อล้น เสมือนรางน้ำธรรมชาติ

 

พร้อมกันนี้ กลุ่มธุรกิจสยามสแควร์ยังมีแผนที่จะใช้งบ 4,000 ล้านบาท ในการลงทุนก่อสร้างโรงแรมภายในอาคารสยามกิตติ์  และก่อสร้างอาคารสำนักงานพร้อมอาคารจอดรถบริเวณสยามโบนันซ่า เพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าชาวไทยและต่างชาติ โดยในส่วนของอาคารจอดรถจะทำไว้รองรับกลุ่มลูกค้าประมาณ 1,000 คัน เนื่องจากย่านสยามแควร์หาที่จอดรถยาก

ส่วน บริษัท เอ็มบีเค มีการที่จะปรับปรุงโครงการเอ็มบีเค เซ็นเตอร์ ด้วยงบลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงยกระดับศูนย์การค้าให้ตอบรับกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในปัจจุบัน ครอบคลุมพื้นที่ทั้งภายในและภายนอกอาคารที่มีการตกแต่งต่อเติมส่วนด้านหน้าของศูนย์การค้าใหม่ทั้งหมด เพื่อสร้างภาพลักษณ์อันทันสมัยให้กับอาคาร มีการออกแบบและตกแต่งภายในอาคารที่มอบความรู้สึกสดชื่น มีชีวิตชีวายิ่งขึ้น 

นอกจากนี้ ยังมีการรวบรวมร้านอาหารแบรนด์ดัง และร้านค้าแฟชั่นชั้นนำต่างๆ เพิ่มเติมภายในศูนย์การค้า นำเสนอความหลากหลายของสินค้าให้กับผู้ที่มาใช้บริการ รวมไปถึงการใช้งบอีก 2,000 ล้านบาท ในการก่อสร้างสกายวอล์คบริเวณสี่แยกปทุมวันเชื่อมไปยังจุฬาฯ ซอย 12 และสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

การผนึกกำลังของพันธมิตรภายในย่านสยาม ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ภายใต้การลงนามความร่วมมือ “พลังสยาม” ในครั้งนี้ เป็นการเดินหน้าเพื่อตอกย้ำถึงพลังอันแข็งแกร่งของย่านสยาม ซึ่งจะเป็น "ไอคอนิคของกรุงเทพฯ"  ที่ยืนหยัดอยู่คู่กับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยมาโดยตลอด พร้อมปักหมุดให้ย่านสยามเป็นศูนย์กลางสำคัญทางเศรษฐกิจ การค้า และศูนย์รวมไลฟ์สไตล์ที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งจากงบลงทุนที่ผู้ประกอบการทั้ง 3 ราย เจียดออกมาขยายธุรกิจของตัวเองรวมกันกว่า 10,000 ล้านบาท คาดการณ์กันว่าหลังความร่วมมือกันในครั้งนี้จะสามารถเพิ่มจำนวนคนไทยและต่างชาติให้เข้ามาใช้บริการในย่านสยามได้ไม่ต่ำกว่า 20-30% จากปัจจุบันมีฐานผู้ใช้บริการอยู่ 550,000 คน และเพิ่มสัดส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติจาก 30% เป็น 35-40%  ได้ภายในสิ้นปีหน้าอย่างแน่นอน

 


LastUpdate 04/10/2558 16:10:54 โดย : Admin
25-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 25, 2024, 12:50 pm