การตลาด
สกู๊ป "เพลย์เฮ้าส์" เปิดเกมสยายปีกธุรกิจ "เมอร์เชนไดส์"


แม้ว่าภาพรวมตลาดของเล่นในปีนี้จะมีอัตราการเติบโตอยู่ในระดับทรงตัว ส่งผลให้ภาพรวมตลาดของเล่นในปีนี้ยังคงมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 2,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นอัตราการเติบโตที่สวนทางกับตลาดเมอร์เชนไดส์ของเล่นพอสมควร  เนื่องจากปัจจุบันธุรกิจเมอร์เชนไดส์ของเล่น ยังคงมีอัตราการเติบโตต่อเนื่องที่ประมาณ 15-20% เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจดังกล่าว มีความหลากหลายไม่เจาะจงที่เฉพาะกลุ่มเด็กและนักสะสมเท่านั้น

 

 

ด้วยเหตุนี้  จึงทำให้ปัจจุบันตลาดเมอร์เชนไดส์ของเล่นมีมูลค่าสูงถึง 4,000 ล้านบาท และในปีนี้คาดการณ์ว่าจะมีอัตราการเติบโตต่อเนื่องที่ 15-20% เหมือนกับปีที่ผ่านมา ซึ่งแนวโน้มที่ดีดังกล่าวถือว่าเป็นไปในทิศทางเดียวกับกลุ่มของเล่นระดับพรีเมียมที่ปัจจุบันมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 500 ล้านบาท และปีนี้คาดการณ์ว่าจะมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 10%

อย่างไรก็ดี จากแนวโน้มที่ดีของตลาดเมอร์เชนไดส์ และตลาดของเล่นระดับพรีเมี่ยม ส่งผลให้ บริษัท เพลย์เฮ้าส์ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจของเล่นระดับพรีเมียม และธุรกิจเมอร์เชนไดส์ของเล่นภายใต้ร้านเพลย์เอาส์ เล็งเห็นโอกาสในการเดินหน้าขยายธุรกิจของเล่นระดับพรีเมียมและธุรกิจเมอร์เชนไดส์อย่างต่อเนื่อง จากปัจจุบันร้านเพลย์เฮ้าส์ มีจำนวนสาขาเปิดให้บริการอยู่จำนวน 3 สาขา ประกอบด้วย สาขาศูนย์สยามสแควร์ วัน,ศูนย์การค้ามาบุญครอง และศูนย์การค้าเมญ่า เชียงใหม่

 

 

น.ส.แพรพรรณ  ธรรมวัฒนะ กรรมการบริหาร บริษัท เพลย์เฮ้าส์ จำกัด กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทมีแผนที่จะเปิดร้านเพลย์เฮ้าส์เพิ่มขึ้นอีก 1 สาขา ซึ่งรูปแบบของร้านใหม่ที่จะเปิดให้บริการในปีนี้จะมีความแตกต่างไปจากร้านเพลย์เฮ้าส์ที่ผ่านมา เนื่องจากจะเปิดให้บริการในรูปแบบของร้านเมอร์เลนไดส์ คาเฟ่  ภายใต้คอนเซ็ปต์ ทอยส์ มาเช่  ภายในร้านจะจำหน่ายสินค้าเมอร์เชนไดส์ของเล่น 50%  อาคารและเบเกอร์รี่ 50% เนื่องจากบริษัทต้องการที่จะขยายฐานลูกค้าเพิ่ม ประกอบกับทำเลที่จะเข้าไปเปิดให้บริการเป็นชั้นโรงหนัง ซึ่งตั้งอยู่ภายในศูนย์การค้าสยามพารากอน จึงต้องมีการจำหน่ายอาหารเพิ่มเติม เพื่อให้บริการมีความครบวงจร

ส่วนรูปแบบของอาหารที่นำมาให้บริการนั้นจะเน้นไปที่อาหารจานเดียว เนื่องจากพฤติกรรมของลูกค้าที่เข้าไปใช้บริการในชั้นโรงหนัง ส่วนใหญ่จะมีความรีบเร่งและมีเวลาไม่มากในการรับประทานอาหาร  เพราะเป้าหมายหลักของการเข้ามาใช้บริการ คือ การมาชมภาพยนตร์  ดังนั้นร้านเพลย์เฮ้าส์ จึงอยากเป็นหนึ่งในตัวเลือกของกลุ่มลูกค้าดังกล่าว โดยหลังจากเปิดให้บริการในปลายปีนี้ คาดว่าจะได้ผลการตอบรับเป็นที่น่าพอใจจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย

นอกจากจะเปิดสาขาใหม่ที่ศูนย์การค้าสยามพารากอนแล้ว ในอีก 2 ปีนับจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะขยายร้านเพลย์เฮ้าส์สาขาใหม่อีกประมาณ  4-5 สาขา ภายใต้งบลงทุนรวมกว่า 100-150  ล้านบาท  เพื่อให้ร้านเพลย์เฮ้าส์ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าเป้าหมายมากขึ้น ซึ่งในส่วนของสาขาใหม่ที่จะเปิดให้บริการดังกล่าวจะเน้นไปที่ตลาดหัวเมืองใหญ่เป็นหลัก  เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายมีกำลังซื้อสูง เพราะเป็นเมืองท่องเที่ยวที่เดินทางสะดวกและเป็นที่นิยมของชาวต่างชาติ  ซึ่งกลุ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยวถือเป็นกลุ่มเป้าหมายต่อไปที่บริษัทต้องการเข้าไปทำตลาด

อีกหนึ่งช่องทางการทำตลาดที่ บริษัท เพลย์เฮ้าส์ จะให้ความสำคัญ คือ การทำตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ ด้วยการพัฒนาโมบายแอพพลิเคชั่น “Play House” รายแรกของในตลาดของเล่นไทย ที่มอบประสบการณ์ช้อปปิ้งของเล่นรูปแบบใหม่ ผสานเทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งอนาคต สร้างสรรค์หลากหลายกับโซลูชั่นสุดล้ำ ที่สามารถตอบโจทย์การช้อปปิ้งของคนยุคใหม่แค่เพียงปลายนิ้ว ตลอด 24 ชม. พร้อมทั้งขยายโอกาสไปยังตลาดต่างประเทศ ให้ลูกค้าสามารถออร์เดอร์สินค้าได้อย่างไร้พรมแดน โดยคาดว่าพัฒนาแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในเดือนพ.ย. นี้

พร้อมกันนี้ ยังมีแผนที่จะปรับโฉมเว็บไซต์เพลย์เฮ้าส์เดิมให้สวยงาม และใช้งานได้ง่ายขึ้น ด้วยการแยกกลุ่มสินค้า อำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าในการเลือกซื้อที่ง่ายยิ่งขึ้น เนื่องจากปัจจุบันสินค้าที่จำหน่ายในในร้านเพลย์เฮ้าส์มีอยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้นบริษัท เพลย์เอาส์ จึงมีแผนที่จะปรับปรุงเว็บไซต์ให้มีความสวยงาม  และสามารถเลือกซื้อสินค้าได้ง่ายเหมือนกับเดินทางเข้ามาซื้อสินค้าภายในร้านเพลย์เฮ้าส์

ทั้งนี้เพื่อความสะดวกของลูกค้าที่เข้ามาซื้อสินค้าในร้านเพลย์เฮาส์ บริษัท เพลย์เฮ้าส์ ได้มีการแบ่งพื้นที่ขายภายในร้านอย่างเป็นสัดส่วน ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของตัวการ์ตูนยอดนิยม อย่าง มิกกี้ เมาส์ และ มินนี่ เมาส์ หรือปราสาทแสนหวานจากนิทานเรื่องเจ้าหญิงนิทรา ต่างก็ถูกตกแต่งไว้อย่างเสมือนจริง พร้อมกันนี้ยังมีของเล่นแบรนด์ดังระดับโลกที่พาเหรดมาให้เลือกสรรกันอย่างจุใจ  พร้อมกันนี้ยังมีการจัดโซนสำหรับผู้ที่ชื่นชอบของเล่นดีไซน์เนอร์ทอยระดับไฮเอนด์มากกว่า 50 แบรนด์ทั่วโลก อย่าง แบรนด์ทรีเอ (ThreeA), คอสส์(Coarse), ทรีซีโร่ (ThreeZero), ฟูลส์ พาราไดซ์ (Fools Paradise), ไมนด์ สไตล์ (Mindstyle), วันเทาซั่นทอยส์ (1000Toys), พ๊อพพากานด้า (Popaganda),เจนเทิล ไจแอนท์ (Gentle Giant), ไลท์ แล็ค (Light Lack) และ EFX มาให้เลือกชมอีกด้วย

 

จากจำนวนสินค้าที่มีความหลากหลาย ส่งผลให้ปัจจุบัน ร้านเพลย์เฮ้าส์ กลายเป็นอาณาจักรที่รวบรวมของเล่นนานาชนิด เช่น ของเล่นลิขสิทธิ์แท้จากวอลท์ดิสนีย์แห่งแรกและแห่งเดียวในเมืองไทย,ของเล่นดีไซน์เนอร์ทอยที่หายากที่สุดจากทั่วทุกมุมโลก รวมไปถึงยังเป็นแหล่งผลิตและออกแบบของเล่นดีไซน์เนอร์ทอย เพื่อไปจำหน่ายยังต่างประเทศ  และในเร็วๆ นี้ บริษัท เพลย์เฮ้าส์ ก็มีแผนที่จะพัฒนาสินค้าของเล่นที่เป้นคาแรคเตอร์เฉพาะของร้านเพลย์เฮ้าส์ออกมาจำหน่ายในรูปแบบของสัตว์น่ารัก เช่น น้องควาย  และตัวละครในวรรณคดี เช่น นางผีเสื้อสมุทร หลังจากประสบความสำเร็จแนอย่างดีกับการผลิตหนุมาน และทศกัณฐ์ เข้ามาทำตลาด

ด้วยการนำเสนอสินค้าที่โดดเด่นและหลากหลาย รวมถึงการให้บริการที่ครอบคลุม ทำให้เพลย์เฮ้าส์ ถูกเชิญเข้าชิงตำแหน่ง Best Toy Store  หรือร้านของเล่นดีที่ดีที่สุด ซึ่ง รางวัล ‘ดีไซน์เนอร์ ทอย อวอร์ดส์  2015’ คือ สุดยอดรางวัลเกียรติยศประจำปีในวงการของเล่นโลก ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อยกย่องบริษัทผู้ค้าของเล่นที่ประสบความสำเร็จในแต่ละด้าน โดยส่วนใหญ่แล้วรางวัลดังกล่าวจะมอบให้แก่ร้านของเล่นในประเทศยักษ์ใหญ่ชื่อดัง และนี่เป็นครั้งในประวัติศาสตร์ที่บริษัทของเล่นไทย ได้รับเกียรติคัดเลือกชิงตำแหน่ง  Best Toy Store  หรือร้านของเล่นที่ดีที่สุดในโลก ซึ่งมีเพียง 6 ประเทศทั่วโลกได้รับการคัดเลือกเข้ามา ได้แก่ สหรัฐอเมริกาและ ฝรั่งเศส โดยรางวัลดังกล่าวจะประกาศหาผู้ชนะในเดือนต.ค.นี้  ซึ่ง“เพลย์เฮ้าส์” เป็นร้านที่อายุน้อยที่สุดและใหม่ที่สุดในวงการที่ได้รับเลือก จึงถือเป็นความภูมิใจที่ยิ่งใหญ่ และยังส่งผลให้ชื่อ “เพลย์เฮ้าส์” ดังไกลไปในระดับโลก จนมีผู้สนใจเข้ามาติดต่อขอร่วมธุรกิจเป็นจำนวนมาก

แนวทางการดำเนินธุรกิจดังกล่าวถือเป็นกลยุทธ์หลักที่บริษัท เพลย์เฮ้าส์ จะนำมาใช้ประตุ้นยอดขายในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ เนื่องจากขณะนี้ภาพรวมยอดขายของบริษัทยังต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ว่าสิ้นปีจะอยู่ที่ 100-120 ล้านบาท เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบเศรษฐกิจ ส่งผลให้ยังคงต้องเดินหน้าทำกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่องภายใต้งบการตลาดที่ 30 ล้านบาท  โดยหลังจากออกมาทำกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง บริษัท เพลย์เอาส์  คาดว่าสิ้นปีจะมีรายได้ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่วางไว้ประมาณ 100 ล้านบาท  และคาดว่าปี 2559 จะเพิ่มเป็น 250 ล้านบาท เนื่องจากมีการขยายช่องทางขายผ่านแอพพลิเคชั่นเพิ่มเติม และมีแผนที่จะเปิดร้านเพลย์เฮ้าส์สาขาใหม่เพิ่มขึ้น

น.ส.แพรพรรณ กล่าวอีกว่า  แม้ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจของไทยในรอบปีที่ผ่านมาจะซบเซาและส่งผลให้ธุรกิจขายของเล่นโดยรวมซบเซาลง แต่สำหรับเพลย์เฮ้าส์ ก็ยังคงมียอดขายเป็นที่น่าพอใจ แม้ว่าจะต่ำกว่าเป้าหมายไปบ้าง โดยตั้งแต่เดือนม.ค.-ส.ค.ที่ผ่านมา บริษัทมียอดขายอยู่ที่ประมาณ 55 ล้านบาท มียอดซื้อต่อบิลเพิ่มขึ้นจาก  830 บาทต่อคนในปี 2557 เป็น 930 บาทต่อคนในขณะนี้ เนื่องจากบริษัทมีการทำตลาดที่ตรงจุด ด้วยการเจาะกลุ่มวัยรุ่น ซึ่งถือเป็นการเดินตามนโยบายการทำธุรกิจภายใต้แนวคิดที่ว่าของเล่น ไม่ใช่แค่สินค้าสำหรับเด็กอีกต่อไป

จากการผลการสำรวจที่ยังพบว่าคนไทยยังคงชอบเล่นของสะสมเป็นจำนวนมาก จึงทำให้บริษัท เพลย์เฮ้าส์  มีความหวังว่าหลังจากสถานการณ์ทุกอย่างกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ การเมือง  หรือกำลังซื้อของผู้บริโภค  ภาพรวมตลาดของเล่นในประเทศไทยต้องกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งอย่างแน่นอน แม้ว่าปัจจุบันอัตราการเกิดของประชากรไทยจะมีอัตราส่วนปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่เนื่องจากจำนวนการเกิดที่ลดลง ส่งผลให้พ่อแม่ผู้ปกครองหันมาใส่ใจบุตรหลาน ด้วยการซื้อของเล่นที่มีคุณภาพให้กับบุตรหลานมากขึ้น ขณะที่กลุ่มเด็กที่กำลังเติบโตเป็นวัยรุ่น และวัยรุ่นเติบโตเป็นวัยทำงานก็หันมาซื้อสินค้าของเล่นเพื่อสะสมมากขึ้น จึงถือเป็นโอกาสที่ดีของผู้ประกอบการไทยที่จะพัฒนาธุรกิจ และพัฒนาของเล่นของสะสมใหม่ๆ เพื่อนำมาตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายเหล่านี้

 

 

 


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 04 ต.ค. 2558 เวลา : 16:28:20
25-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 25, 2024, 12:42 pm