บมจ. ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป (TFG) หนึ่งในผู้นำด้านการผลิตและจำหน่ายเนื้อไก่และสุกรมีชีวิตในประเทศ พร้อมซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ 8 ต.ค. นี้ ด้วยหลักเกณฑ์มูลค่าหุ้นสามัญตามราคาตลาด โดยมี มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 9,945 ล้านบาท
ดร.สันติ กีระนันทน์ รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า บมจ. ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป (TFG) จะเข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร หมวดธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ในวันที่ 8 ตุลาคม 2558 ด้วยหลักเกณฑ์มูลค่าหุ้นสามัญตามราคาตลาด โดย TFG ดำเนินธุรกิจผลิตอาหารแบบครบวงจร ที่มีความเชี่ยวชาญในการผลิตไก่และสุกร โดยมีการดำเนินธุรกิจทั้งในไทยและเวียดนาม ในส่วนของธุรกิจไก่จะเริ่มตั้งแต่การเพาะพันธุ์จนถึงการผลิตเนื้อไก่และผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเนื้อไก่ จำหน่ายภายในประเทศ และส่งออกไปยังญี่ปุ่นและสหภาพยุโรป สำหรับธุรกิจสุกร จะเป็นการเพาะพันธ์และจำหน่ายสุกรมีชีวิตทั้งในไทยและเวียดนาม นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์สำหรับการเลี้ยงไก่และสุกรซึ่งส่วนใหญ่ใช้ภายในกลุ่มบริษัท
TFG มีทุนชำระแล้ว 5,100 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 4,000 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 1,100 ล้านหุ้น โดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนทั้งจำนวนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) เมื่อวันที่ 29 กันยายน ถึง 2 ตุลาคม 2558 ในราคาหุ้นละ 1.95 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 2,145 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 9,945 ล้านบาท โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ เคที ซีมิโก้ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
นายวินัย เตียวสมบูรณ์กิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป (TFG) เปิดเผยว่า เงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้จะนำไปขยายธุรกิจหลัก โดยจะลงทุนในธุรกิจอาหารแปรรูปจากเนื้อไก่ ธุรกิจสุกร และธุรกิจอาหารสัตว์ นอกจากนี้ จะชำระคืนเงินกู้ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งด้านเงินทุน โดย TFG มีเป้าหมายที่จะรักษาความเป็นผู้นำในการผลิตเนื้อไก่และสุกรมีชีวิตของประเทศ และขยายช่องทางการจำหน่ายในต่างประเทศ
หลัง IPO ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ TFG 3 ลำดับแรก ได้แก่ กลุ่มนายวินัย เตียวสมบูรณ์กิจ ถือหุ้น 79.07% นายเอก งามทิพยพันธุ์ ถือหุ้น 1.26% และ บริษัทหลักทรัพย์ เคที ซีมิโก้ จำกัด ถือหุ้น 1.16% การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO พิจารณาจากการสำรวจความต้องการซื้อหลักทรัพย์ (Book Building) ซึ่งเป็นวิธีการสอบถามปริมาณความต้องการซื้อหุ้นสามัญของนักลงทุนสถาบันในแต่ละระดับราคา และนำปัจจัยจากการลดลงของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ณ ช่วงเวลาที่มีการทำ Book Building ถึงช่วงเวลาที่จะกำหนดราคามาคิดส่วนลดจากช่วงราคาที่ทำ Book Building ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้และเงินสำรองต่างๆ ตามกฎหมายจากงบการเงินเฉพาะกิจการ
ผู้ลงทุนและผู้สนใจ โปรดดูรายละเอียดจากหนังสือชี้ชวนของบริษัทที่เว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ www.sec.or.th และข้อมูลทั่วไปของบริษัทที่ www.tfg.co.th และที่เว็บไซต์ www.set.or.th
ข่าวเด่น