ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ที่ "ศูนย์การค้าสยามพารากอน"เปิดให้บริการมีลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติเข้ามาใช้บริการอยู่เป็นจำนวนมาก  โดยในแต่ละวันจะมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 2 แสนคน  ในจำนวนดังกล่าวเป็นกลุ่มลูกค้าชาวไทย 70%  ส่วนที่เหลืออีก 30% เป็นกลุ่มลูกค้าต่างชาติ  ซึ่งสัดส่วนดังกล่าวถือว่าในกลุ่มลูกค้าต่างชาติมีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วง 10 ปีก่อน เนื่องจากช่วงเวลาดังกล่าวมีสัดส่วนลูกค้าต่างชาติเพียง 10% เท่านั้น

สำหรับกลุ่มลุกค้าต่างชาติที่เข้ามาใช้บริการภายในศูนย์การค้าสยามพารากอนมากที่สุดในขณะนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มลูกค้าจากภูมิภาคเอเชีย โดยอันดับ 1 ที่เข้ามาซื้อสินค้ามากที่สุด คือ จีน ตามด้วยตะวันออกกลาง และเพื่อเพิ่มอำนาจในการช้อปปิ้งให้กับลูกค้าต่างชาติและลูกค้าชาวไทยที่ถือบัตรเอ็มการ์ด ทางบริษัท สยามพารากอน ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เตรียมจับมือกับพันธมิตรค้าปลีกอีก 3 รายจากประเทศอังกฤษ  จีน และสิงคโปร์ เพื่อร่วมกันทำการตลาดมอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้า จากปัจจุบันได้จับมือโรงแรมในเครือสตาร์วูด ,อาคารไทยเป วันโอวัน ในประเทศไต้หวัน และห้างปาโก้ ในประเทศญี่ปุ่น

นอกจากนี้ ศูนย์การค้าสยามพารากอน ยังมีแผนที่จะทำกิจกรรมส่งเสริมการขาย เพื่อกระตุ้นขาช้อปทั้งชาวไทยและต่างชาติ ด้วยการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายฉลองครบรอบ 10 ปี ศูนย์การค้าสยามพารากอนภายใต้งบการตลาดที่ 100 ล้านบาท ในการสร้างปรากฏการณ์ช้อปปิ้งระดับโลก ภายใต้ชื่อ “Siam Paragon 10th  Anniversary: the Prismatic Phenomenon” ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 10 ต.ค.- 18 ธ.ค. นี้

ทั้งนี้ กลุ่มเป้าหมายที่ศูนย์การค้าสยามพาราอนจะให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับการทำแคมเปญดังกล่าว คือ กลุ่มลูกค้าที่ถือบัตรสมาชิกแพลทินั่มเอ็มการ์ด และบัตรสมาชิกสกาแล็ต เนื่องจากกลุ่มดังกล่าวมียอดช้อปปิ้งต่อบิลสูงเฉลี่ยที่กว่า 4 แสนบาท ซึ่งถือว่าปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่กลุ่มเป้าหมายดังกล่าวมียอดช้ออปิ้งต่อบิลเพียงกว่า 3 แสนบาทเท่านั้น

นางมยุรี ชัยพรหมประสิทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส  สายงานการตลาด บริษัท สยามพารากอน ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมายังคงมีกำลังซื้อที่ดี เห็นได้จากยอดการใช้จ่ายต่อบิลของกลุ่มฐานสมาชิกบัตรแพลทินั่ม เอ็มการ์ด และสกาแล็ต ในช่วงเดือน ม.ค.-ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งยังมียอดการใช้จ่ายสูงถึง 4.9 แสนบาทต่อบิล เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2557 ที่มียอดใช้จ่ายอยู่ที่  3.95 แสนบาทต่อบิล  และจากอัตราการเติบโตดังกล่าว ส่งผลให้ยอดการซื้อสะสมของกลุ่มลูกค้าดังกล่าวในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา มีมูลค่าอยู่ที่ 2,550 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีซื้อสะสมอยู่ที่ 2,050 ล้านบาท

ปัจจุบันบริษัทมีฐานสมาชิกบัตรแพลทินั่ม เอ็มการ์ด และบัตรสกาเล็ต อยู่ที่ประมาณ 2 หมื่นราย แบ่งเป็นฐานสมาชิกบัตรแพลทินั่ม เอ็มการ์ด 19,500 ราย และบัตรสกาเล็ต 500 ราย ส่วนบัตรสมาชิกเอ็มการ์ดมาฐานสมาชิกอยู่ที่ประมาณ 2.5 ล้านราย ซึ่งในส่วนของผู้ที่ถือบัตรเอ็มการ์ด หากมีการซื้อสินค้าครบ 1.5 ล้านบาท ภายใน 1 วัน จะได้รับสิทธิ์ถือบัตรแพลทินั่มทันที

นางมยุรี กล่าวว่า การผนึกกำลังร่วมกันระหว่าง บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด และบริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ถือเป็นการสร้างให้ศูนย์การค้าสยามพารากอนเป็นปรากฏการณ์แห่งศูนย์การค้าระดับโลก และเป็น “World-class Shopping Destination”  อย่างแท้จริง  ซึ่งตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา  ศูนย์การค้าสยามพารากอนถือเป็นศูนย์กลางแห่งการช้อปปิ้ง ความบันเทิง โลกแห่งการเรียนรู้ และศูนย์รวมสถานที่ท่องเที่ยวระดับแลนด์มาร์ก อีกทั้งยังสร้างปรากฏการณ์ระดับโลกมากมาย เป็นสถานที่ที่มีผู้แชร์ภาพผ่านอินสตาแกรมมากที่สุดในโลกในปี  2556  และยังเป็นสถานที่ที่คนไทยแชร์ภาพมากที่สุดในโลกติดต่อกัน 3 ปีซ้อนในระหว่างปี  2555-2557  

ด้าน นายชำนาญ  เมธปรีชากุล  รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป กล่าวว่า ศูนย์การค้าสยามพารากอน คือ โครงการคุณภาพ ที่มี Magnet มากมายที่ได้รับการพัฒนาตลอด 10 ปี โดยเฉพาะ Category ต่างๆ ในห้างสรรพสินค้า ไม่ว่าจะเป็น Beauty Hall, Gourmet Market,  Power Mall, Sports Mall เป็น Category ที่มียอดขายอันดับ 1 ในกลุ่มเดอะมอลล์ กรุ๊ป มีศักยภาพในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายด้วยความครบและทันสมัย รวมถึงบรรยากาศของพื้นที่ 80,000 ตารางเมตรของห้างสรรพสินค้าที่มีการรีเฟรชใหม่ เพื่อต้อนรับทศวรรษใหม่ของสยามพารากอน

อย่างไรก็ดี  เพื่อเป็นการขอบคุณลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างประเทศที่เข้ามาใช้บริการตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ศูนย์การค้าสยามพารากอน จึงได้ทุ่มงบ 100 ล้านบาท ในการสร้างปรากฏการณ์ช้อปปิ้งระดับโลก ภายใต้ชื่อ “Siam Paragon 10th  Anniversary: the Prismatic Phenomenon” ซึ่งตลอดระยะเวลาของการจัดแคมเปญใน 10 สัปดาห์นับจากนี้ จะมีการมอบรางวัลและสิทธิประโยชน์ให้กับลูกค้าจะได้รับรวมกว่า 100 รางวัลพิเศษ

ทั้งนี้ ลูกค้าที่ช้อปปิ้งในห้างฯ และศูนย์ฯ ครบ 2,000 บาท จะได้รับสิทธิ์เลือกลุ้นรับรางวัลพิเศษ ไม่ซ้ำกันทุกสัปดาห์ โดยมี 10 รางวัล ต่อสัปดาห์ เช่น กระเป๋าแบรนด์ดัง, นาฬิกา, เครื่องประดับ และบัตรกำนัลสถานเสริมความงาม มูลค่าตั้งแต่ 10,000 ถึง 100,000 บาท พร้อมกันนี้สมาชิกบัตร M Card เมื่อช้อปในห้างฯ และ ศูนย์ฯ ครบ 1.5 ล้านบาท ภายในวันเดียวกัน จะรับสิทธิ์พิจารณาการเป็น Platinum M Card  เพื่อรับสิทธิประโยชน์เพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีของขวัญพิเศษบัตรจอดรถฟรี 1 ปี 1,000 ใบ สำหรับลูกค้าที่มียอดซื้อรวมมูลค่า 1 ล้านบาทต่อวัน  และสำหรับผู้ถือบัตร Platinum M Card ที่มียอดใช้จ่ายสูงสุดตลอด 10 สัปดาห์ จะได้รับบัตร Scarlet Platinum M Card ฝังเพชร จำนวน 10 รางวัล พร้อมทริปไปกลับญี่ปุ่น 3 วัน 2 คืน สุดเอ็กซ์คลูซีฟ

นายชำนาญ กล่าวต่อว่า เพื่อเป็นการฉลองครบรอบ 10 ปีอย่างยิ่งใหญ่ บริษัทได้เตรียมจัดกิจกรรม “10 Days 10 Phenomenal Thanks” ซึ่งจะจัดขึ้นในวันคล้ายวันเปิดอย่างเป็นทางการของศูนย์การค้าสยามพารากอนในวันที่ 9 ธ.ค.ไปจนถึงวันที่ 18 ธ.ค. นี้ พร้อมกันนี้ ยังร่วมผนึกกำลังกับเหล่าพันธมิตรอย่าง Sea Life Bangkok Ocean World และ KidZania Bangkok เปิดให้ลูกค้าสัมผัสกับประสบการณ์สุดประทับใจ พร้อมสัมผัส 10 เมนูอาหารพิเศษ จาก 10 ร้านดัง ที่สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อโอกาสพิเศษนี้โดยเฉพาะ รวมไปถึงการจัดกิจกรรมพิเศษระดับเวิลด์คลาสภายใต้คอนเซ็ปต์ “The Pride of Bangkok, The Treasure of The World” เช่น งาน Siam Paragon Bangkok International Fashion Week 2015 (BIFW2015) เวทีแฟชั่นระดับเวิลด์คลาส ที่นำผลงานของดีไซน์เนอร์ไทยเนอร์สู่โลกแฟชั่นโลก, การเปิดตัวภาพยนตร์ เจมส์บอนด์ 007 พร้อมอวดโฉมรถยนต์ Aston Martin 007 Bond Edition เป็นครั้งแรกในประเทศไทย เป็นต้น

หลังจากจบงานเฉลิมฉลองครบ 10 ปีศูนย์การค้าสยามพารากอน บริษัท สยามพารากอน ดีเวลลอปเม้นท์ คาดว่าจะมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการภายในศูนย์การค้าสยามพารากอนเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 15% จากปัจจุบันมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ประมาณ 2  แสนคน ขณะเดียวกันก็คาดว่าจะทำให้ศูนย์การค้าสยามพารากอนมีรายได้เติบโตเป็นไปตามเป้าหมายที่ 15%

นอกจากจะให้ความสำคัญกับการทำกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่องแล้ว ศูนย์การค้าสยามพารากอนยังให้ความสำคัญกับการความสวยงามของตัวศูนย์การค้า และบริการที่ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย โดยล่าสุดได้เตรียมใช้งบอีก 400 ล้านบาทในการปรับปรุงโซนร้านอาหารและร้านค้าต่างๆของชั้นจี เพื่อมีความสวยงามและมีความหลากหมายมากขึ้น หลังจากปีที่ผ่านมาได้ใช้งบ 300 ล้านบาท ทำการปรับปรุงโซนร้านอาหารของชั้นจีไปบ้างแล้ว