ก.ล.ต. เตือนผู้ถือหุ้นบริษัท เซอร์คิทอีเลคโทรนิคส์ อินดัสตรีส์ จำกัด (มหาชน) (CIRKIT) ศึกษาข้อมูลที่บริษัทเสนอขออนุมัติเข้าซื้อเงินลงทุนในพอร์ตลูกหนี้ด้อยคุณภาพที่ไม่มีหลักประกัน และใช้สิทธิออกเสียงในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น วันที่ 28 ตุลาคม นี้
CIRKIT เสนอผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติให้ลงทุนในพอร์ตลูกหนี้ด้อยคุณภาพที่ไม่มีหลักประกัน มูลหนี้รวม 676.10 ล้านบาท โดยเข้าซื้อในราคา 40.16 ล้านบาท และออกหุ้นเพิ่มทุน PP ให้แก่ผู้ถือหุ้นและผู้บริหารของบริษัทที่ขายพอร์ตลูกหนี้ด้อยคุณภาพดังกล่าว รวมทั้งเสนอรายการเข้าทำสัญญาต่างๆ เพื่อสนับสนุนการทำธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพและบริการติดตามหนี้สิน ซึ่งเป็นรายการที่เกี่ยวโยงกันและการได้มาซึ่งสินทรัพย์ที่มีนัยสำคัญ โดยคณะกรรมการ CIRKIT มีความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่าการเข้าทำรายการเหมาะสมและเป็นประโยชน์ต่อบริษัทและผู้ถือหุ้นภายหลังจากบริษัทหยุดการดำเนินธุรกิจเดิม เนื่องจากธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพและบริหารติดตามหนี้สินเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพในการสร้างรายได้เพื่อสร้างเสถียรภาพให้กับบริษัทได้ในระยะยาวต่อไปในอนาคต
อย่างไรก็ตาม ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ (IFA) เห็นว่าผู้ถือหุ้นไม่ควรอนุมัติรายการลงทุนดังกล่าว เนื่องจากเป็นการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง มีความไม่แน่นอนในการชำระหนี้ของลูกหนี้ที่จะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงมูลค่าสินทรัพย์อย่างมีนัยสำคัญ ไม่มีข้อมูลย้อนหลังที่รับประกันและตรวจสอบความถูกต้องได้ รวมถึงสภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศไทยโดยรวม และไม่มีประวัติการชำระหนี้ของลูกหนี้พอร์ตสินเชื่อด้อยคุณภาพที่ชัดเจนในอดีต ทำให้การประเมินมูลค่าปัจจุบันสุทธิของพอร์ตลูกหนี้ด้อยคุณภาพดังกล่าวมีมูลค่าติดลบอย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้ง CIRKIT ไม่มีประสบการณ์ในธุรกิจประเภทนี้ และแม้จะเห็นว่ารายการเข้าทำสัญญาต่างๆ เพื่อสนับสนุนการทำธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพและบริการติดตามหนี้สินจะมีราคาเหมาะสม แต่เมื่อพิจารณาในภาพรวมแล้ว IFA เห็นว่าผู้ถือหุ้นไม่ควรอนุมัติรายการทั้งหมด
ก.ล.ต. จึงขอให้ผู้ถือหุ้น CIRKIT ศึกษาข้อมูลโดยละเอียด และเข้าประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 2/2558 ในวันที่ 28 ตุลาคม 2558 เพื่อซักถามข้อมูลต่างๆ จากผู้บริหาร เพื่อให้มีข้อมูลเพียงพอสำหรับการตัดสินใจ และใช้สิทธิออกเสียง เพื่อรักษาประโยชน์ของตนเอง
อนึ่ง รายการดังกล่าวข้างต้นต้องได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนน โดยไม่นับส่วนของผู้ถือหุ้นที่มีส่วนได้เสีย
ข่าวเด่น