การตลาด
สกู๊ป "ห้างไทย" ผงาดขึ้น "TOP 10" ของโลก "เอเชีย-ต่างชาติ" แห่ช้อปปิ้ง


แม้ว่าช่วงระยะเวลา 2-3  ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยจะมีปัจจัยลบในด้านของความวุ่นวายทางการเมือง ขณะที่ปีนี้ก็ประสบกับปัญหาเศรษฐกิจทั้งภายในประเทศและภายนอกประเทศ แต่ห้างค้าปลีกของไทยก็ยังสามารถรักษาตำแหน่งการเป็นแชมป์ที่นักท่องเที่ยวต่างชาติให้ความสนใจเข้ามาช้อปปิ้งเป็นอันดับ 1 ของเอเชีย แม้ว่าการจัดอันดับดังกล่าวจะไม่นับรวมประเทศจีน เนื่องจากจีนเป็นประเทศที่ใหญ่และมีห้างค้าปลีกในรูปแบบต่างๆ เปิดให้บริการเป็นจำนวนมาก แต่ก็ถือเป็นความภาคภูมิใจของผู้ประกอบการห้างค้าปลีกของไทยที่สามารถรักษาตำแหน่งอันดับ 1 ของเอเชียไว้ได้

 

นอกจากจะสามารถรักษาแชมป์อันดับ 1 ของเอเชียไว้ได้แล้ว ในระดับโลกห้างค้าปลีกของไทยยังถูกจัดอันดับอยู่ในลำดับที่ 10 ของเดสติชั่นแหล่งช้อปปิ้งที่นักท่องเที่ยวต่างชาติต้องมา ซึ่งจากอันดับที่ได้รับดังกล่าวมีการคาดการณ์ว่า ถ้าหากประเทศไทยไม่มีปัจจัยลบในด้านของการเมืองที่เกิดขึ้นในช่วง 2-3  ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยอาจถูกจัดอันดับให้ขึ้นมาอยู่ในลำดับที่ 7 ก็เป็นได้ เนื่องจากประเทศไทยมีความพร้อมในด้านของสถานที่ ที่มีความสวยงาม  สินค้าที่มีความครบวงจร และมีบริการที่เป็นเลิศ

 

แต่สิ่งที่บรรดาผู้ประกอบการห้างค้าปลีกตอบเป็นเสียงเดียวกันว่ายังสู้ประเทศคู่แข่งในภูมิภาคไม่ได้ คือ ราคาสินค้าแฟชั่นแบรนด์เนมที่ขายสูงกว่าประเทศคู่แข่ง  เนื่องจากกำแพงภาษีสินค้าฟุ่มเฟือยยังจัดเก็บอยู่ในระดับที่สูงเฉลี่ยที่ประมาณ 30% โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าแฟชั่นแบรนด์เนม และเครื่องสำอาง ส่งผลให้ราคาขายกลุ่มสินค้าดังกล่าวแพงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน

               

 

น.ส.ศุภลักษณ์  อัมพุช ประธานกรรม บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป  กล่าวว่า สิ่งที่เราจะยังคงเดินหน้าผลักดันต่อไป เพื่อให้ธุรกิจค้าปลีกขยายตัวมากยิ่งขึ้น คือ การขอให้ภาครัฐเข้ามาช่วยสนับสนุนการปรับลดอัตราภาษีนำเข้ากลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย เช่น สินค้าแฟชั่นแบรนด์เนม  เพราะปัจจุบันมีการจัดเก็บสูงถึง 30% ซึ่งหากภาครัฐสามารถปรับลดการจัดเก็บภาษีมาได้ครึ่งของที่จัดเก็บอยู่ในปัจจุบัน หรือปรับลดลงให้อยู่ที่ 10% เชื่อว่าจะสามารถกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาช้อปปิ้งในประเทศไทยเพิ่มขึ้นมากกว่านี้ได้อย่างแน่นอน

สิ่งดังกล่าวถือเป็นความท้าทายที่ผู้ประกอบการต้องก้าวผ่าน เช่นเดียวกับความท้าทายในเรื่องของปัญหาความวุ่นวายทางการเมือง ซึ่งผู้ประกอบการห้างค้าปลีกต่างออกมาพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นปัจจัยที่มีความกังวลมากที่สุด เพราะทุกครั้งที่มีปัจจัยลบดังกล่าวเกิดขึ้นก็จะส่งผลกระทบในด้านของยอดขาย เนื่องจากลูกค้าคนไทยชะลอกำลังซื้อ ขณะที่ลูกค้าต่างชาติก็ชะลอการเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย

 

สำหรับกลุ่มลูกค้าต่างชาติที่เข้ามาช้อปปิ้งในประเทศไทยมากที่สุดในปัจจุบัน ยังคงเป็นนักท่องเที่ยวยจากประเทศจีน  ส่งผลให้ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวและช้อปปิ้งในประเทศไทยสูงถึง 4.5 ล้านคน คาดว่าในอีก 1-2  ปีนับจากนี้ จะเพิ่มขึ้นอีก 10% เนื่องจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนต่างออกมาทำกิจกรรม เพื่อกระตุ้นการจับจ่ายของกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวจีน เพราะเป็นกลุ่มที่ให้ความสนใจซื้อสินค้าแฟชั่นแบรนด์เนมมากที่สุด

แต่ประเทศที่น่าจับตามองเป็นพิเศษนับจากนี้ คือ กลุ่มนักท่องเที่ยวจากประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากปัจจุบันกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูงจากประเทศกัมพูชา พม่า และ ลาว ถูกจัดอันดับเป็นกลุ่มที่มียอดช้อปปิ้งสินค้าแฟชั่นแบรนด์เนมมากที่สุดจนติดอันดับท็อปสเปนเดอร์ ซึ่งปัจจัยที่ทำให้นักท่องเที่ยวจากประเทศดังกล่าว ก้าวขึ้นมาเป็นท็อปสเปนเดอร์ของห้างค้าปลีกไทย ปัจจัยหลักน่าจะมาจากเป็นประเทศที่ยังไม่มีสินค้าแฟชั่นแบรนด์เนมเข้าไปจำหน่ายอย่างแพร่หลาย และประเทศไทยเองก็อยู่ใกล้กับประเทศดังกล่าว ประกอบกับห้างค้าปลีกของไทยมีจุดเด่นในด้านของการมีห้างค้าปลีกที่สวยงาม มีสินค้าที่ตรงกับความต้องการ และมีบริการที่ดี จึงทำให้กลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงจากประเทศกัมพูชา พม่า และลาว เลือกที่จะเข้ามาช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมในประเทศไทย

 

จากความสำเร็จที่ได้รับดังกล่าว ส่งผลให้ผู้ประกอบการห้างค้าปลีกของไทย พยายามหาวิธีผลักดันให้ต่างชาติเข้ามารู้จักสินค้าและบริการของห้างค้าปลีกที่เปิดให้บริการในประเทศไทยมากขึ้น และปีก็ถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับธุรกิจห้างค้าปลีกของไทย เนื่องจากสมาคมผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้านานาชาติ หรือไอเอดีเอส  (The International Association of Department Strores – IADS) เลือกที่จะเข้ามาจัดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี ครั้งที่ 56  ในประเทศไทยเป็นครั้งแรก เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้าจาก 21 กลุ่มบริษัท ใน 50 ประเทศทั่วโลก ซึ่งการเข้ามาประชุมร่วมกันในประเทศไทยครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสที่ดีในการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับห้างสรรพสินค้าของไทยให้เป็นที่รู้จักทั่วโลก

น.ส.ศุภลักษณ์ กล่าวว่า บริษัทเดอะมอลล์ กรุ๊ป ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกของ IADS ตั้งแต่ปี 2552 และได้รับเลือกให้เป็นคณะกรรมการบริหาร หรือบอร์ดของ IADS ในปี 2557 ซึ่งปีนี้บริษัทมีความยินดีและเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุมที่สำคัญนี้ โดยการประชุมนี้จะมีโอกาสได้ต้อนรับคณะผู้บริหารและผู้แทนจากองค์กรด้านค้าปลีกชั้นนำระดับโลก เช่น Galeries Lafayette จากประเทศฝรั่งเศส, Beijing Hualian Group จากประเทศจีน, El Corte Inglés จากประเทศสเปน, Breuninger จากประเทศเยอรมันนี, Globus – Migros จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์, SM Department Store จากประเทศฟิลิปปินส์ และ Robinson & Company จากประเทศสิงคโปร์ เป็นต้น

การประชุมที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ นอกจากจะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับอุตสาหกรรมการค้าปลีกไทย ยังถือเป็นโอกาสพิเศษที่ผู้ประกอบการค้าปลีกของไทยและผู้ประกอบการค้าปลีกทั่วโลกจะได้แบ่งปันประสบการณ์และแนวทางปฏิบัติที่ดีร่วมกัน เพื่อสร้างสรรค์และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้า ซึ่งนอกจากจะได้ประโยชน์ในด้านของการพัฒนาอุตสาหกรรมค้าปลีกของไทยแล้ว ยังสามารถกระตุ้นด้านการท่องเที่ยวของไทยให้เป็นที่รู้จักไปทั่วในฐานะที่ประเทศไทยศูนย์กลางทางการค้า การท่องเที่ยว รวมไปถึงการจัดงาน

ด้าน นายมาติน ดี กรูท ฟาน เอมเดน เลขาธิการทั่วไป สมาคมผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้านานาชาติ (IADS) กล่าวว่า งานประชุมใหญ่สามัญประจำปี คือการประชุมที่สำคัญที่สุดของ IADS เป็นงานที่รวบรวมเจ้าของ ผู้ประกอบการ และคณะผู้บริหารระดับสูงของห้างสรรพสินค้าจากทั่วโลก ในแต่ละปีการประชุมจะถูกจัดขึ้นในสถานที่ต่างๆ ที่ประเทศสมาชิก โดยในปี 2557 การประชุมถูกจัดขึ้นในกรุงลอนดอน และปีหน้าจะถูกจัดขึ้นในกรุงปักกิ่ง สถานที่จัดงานจะถูกเลือกจากความสำคัญของการพัฒนาธุรกิจค้าปลีกและแนวคิดริเริ่มธุรกิจของแต่ละประเทศสมาชิก โดยกรุงเทพไม่ได้เป็นเพียงเมืองที่เจริญรุ่งเรืองด้านการค้า แต่จากการพัฒนาโครงการต่างๆของ เดอะมอลล์ กรุ๊ปโดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนา ดิ เอ็มโพเรียม และ ดิ เอ็มควอเทียร์ นั้นเป็นเหตุผลสำคัญในการเลือกกรุงเทพให้เป็นสถานที่ในการจัดงาน

 

สำหรับการประชุมในครั้งนี้ได้จัดขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ “รูปแบบประสบการณ์ที่ไม่ธรรมดา” (Experience Extraordinaire) ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากแนวคิดของการพัฒนาโครงการ ดิ เอ็ม ดิสทริค ที่อาจกล่าวได้ว่าเป็นแนวคิดส่วนใหญ่ของการพัฒนาโครงการของ เดอะมอลล์ กรุ๊ป ประสบการณ์เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในธุรกิจค้าปลีกในปัจจุบัน ลูกค้ามีอำนาจจากตัวเลือกมากมาย การให้ประสบการณ์ที่ดีที่สุด เป็นกุญแจสำคัญในการสร้างและรักษาฐานลูกค้าไว้

นายมาติน กล่าวต่อว่า ธุรกิจค้าปลีกของไทยนั้นมีศักยภาพที่น่าสนใจมาก เพราะประเทศไทยเองมีความสำคัญและยังเป็นมาตรฐานที่ดีกับตลาดโลก ตัวอย่างเช่น โครงการสยามพารากอน ที่เป็นบรรทัดฐานของเอเชีย และในอนาคตอันใกล้จะยิ่งกลายเป็นตลาดที่มีอำนาจมากยิ่งขึ้น ในขณะที่ประเทศไทยก็เปิดตัวให้โลกตระหนักถึงนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ในอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยที่แบรนด์ไทยสามารถแข่งขันกับแบรนด์จากตะวันตกได้ อย่างเช่น แบรนด์ Greyhound ซึ่งเราได้รับเกียรติที่จะได้ร่วมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ภายในการประชุมครั้งนี้ด้วย

จากความสำเร็จที่ห้างค้าปลีกไทยได้รับในปัจจุบัน  และความสำเร็จอีกขั้นที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตจากการเป็นเจ้าภาพจัดประชุม  IADS เชื่อว่าการธุรกิจค้าปลีกของไทยน่าจะเป็นที่รู้จักของขาช้อปทั่วโลกในวงกว้าง และสามารถไต่อันดับที่ขาช้อปทั่วโลกต้องมา สูงกว่าอันดับ 10 ที่ครองอยู่ในปัจจุบันได้อย่างแน่นอน


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 23 ต.ค. 2558 เวลา : 11:10:46
25-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 25, 2024, 12:10 pm