ในตลาดอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลนั้น "แซนดิสก์ คอร์เปอเรชั่น" ถือเป็นหนึ่งในผู้นำด้านโซลูชั่นอุปกรณ์การเก็บข้อมูลแบบแฟลช นอกจากผลิตภัณฑ์แบบการ์ดความจำและยูเอสบี ไดรฟ์ เวลานี้แซนดิสก์ยังเปิดเกมรุกตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์ SSD ของไทยเพิ่มขึ้นด้วย โดยล่าสุดได้ส่งรุ่น “ทำงานเร็วที่สุดในโลก” เข้าตลาด ได้แก่ รุ่น “SanDisk Extreme 900” และอีกหลายรุ่นพร้อมกัน เพื่อตอบสนองความต้องการใช้งานที่หลากหลาย รองรับคอนเทนต์ได้ทุกรูปแบบ ทั้งข้อมูลอักษร เสียงและภาพ และสะดวกต่อการพกพา
แซนดิสก์ได้สั่งสมประสบการณ์ความเชี่ยวชาญด้านอุปกรณ์การจัดเก็บข้อมูลแบบแฟลชมายาวนานกว่า 27 ปี และได้เริ่มผลิตผลิตภัณฑ์กลุ่ม SSD มาตั้งแต่ปี 1991 จนถึงปัจจุบัน ที่ผ่านมาได้นำโซลูชั่นและนวัตกรรมใหม่ๆ กลุ่ม SSD เข้าตลาดอยู่เสมอเพื่อตอบสนองต่อความต้องการและความหลากหลายของผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์และโน๊ตบุ๊คที่ต้องการความรวดเร็ว ความคล่องตัวในการทำงาน
นายเจษฎา ภวภูตานนท์ ผู้จัดการทั่วไปประจำประเทศไทย แซนดิสก์ คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ในยุคของเทคโนโลยี Internet of Thing ซึ่งมีการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้น ไม่ว่าเป็นโทรศัพท์มือถือ แทบเล็ตและโน๊ตบุ๊ค จึงทำให้ความต้องการจัดเก็บข้อมูลไม่เคยหยุดเพิ่มขึ้น นอกจากการ์ดความจำ microSD แฟลชไดรฟ์แล้ว SSD ยังเป็นอุปกรณ์ที่มีความจำเป็นเพิ่มขึ้นเช่นกัน
สำหรับผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม SSD สำหรับตลาดค้าปลีกที่มีอยู่ในปัจจุบัน อาทิ รุ่น SanDisk SSD PLUS, SanDisk Ultra II SSD และ SanDisk Extreme Pro SSD ซึ่งใช้สำหรับติดตั้งภายในตัวเครื่อง นอกจากนี้ ยังมีรูปแบบพกพาและใช้ภายนอกตัวเครื่องซึ่งอยู่ในกลุ่ม SSD แบบพกพา ในซีรี่ย์ของ SanDisk Extreme
ส่วนรุ่นที่เปิดตัวล่าสุด "SSD แบบพกพา รุ่น SanDisk Extreme 900 " ถือเป็นรุ่นที่มีประสิทธิภาพดีที่สุดในโลกปัจจุบัน มีสเปคดังนี้
-สามารถจัดเก็บได้สูงสุด 1.92 TB
-ทำงานได้เร็วกว่าฮาร์ดดิสก์พกพาโดยทั่วไปสูงสุด 9 เท่าตัว
-รองรับวิดีโอความละเอียดระดับ 4K และภาพถ่ายที่มีความละเอียดสูง หรือผลงานกราฟฟิกที่เป็นไฟล์ขนาดใหญ่
-มีคุณสมบัติด้านการเข้าถึงหรือแชร์ไฟล์ดิจิตอลขนาดใหญ่ได้ในเวลาไม่กี่วินาทีด้วยความเร็วสูงสุด 850 MB/วินาที จึงช่วยลดเวลาในการทำงาน
-นอกจากนี้ 900 ยังมีขนาดที่สะดวกในการพกพาและมีความคงทนจากกรอบอะลูมิเนียม
-มาพร้อมสาย USB Type-C และ Type-A เพื่อความยืดหยุ่นในการทำงานระบบหลากหลาย
SSD 900 นี้จะวางจำหน่ายในช่วงเดือนธันวาคม ที่ความจุขนาด 480 GB 960GB และ 1.92TB ซึ่งจะมีราคา18,500 บาท 27,500 บาท และ 45,500 บาท ตามลำดับ พร้อมรับประกัน 3 ปี
สำหรับรุ่นอื่นๆ ที่เปิดตัวพร้อมกัน ยังได้แก่ “SSD แบบพกพา รุ่น SanDisk Extreme 500” ที่มีขนาดเล็กเพียงครึ่งหนึ่งของสมาร์ทโฟนและเบา แต่สามารถทำงานได้เร็วกว่าฮาร์ดดิสก์พกพาทั่วไปสูงสุดถึง 4 เท่าตัวสามารถถ่ายโอนไฟล์วิดีโอหรือภาพได้ด้วยความเร็วสูงสุด 415MB/วินาที โดยให้ความจุสูงถึง 480 GB เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการความเร็วสูง ทำให้หมดกังวลเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลจะสูญหายระหว่างการเดินทาง
SanDisk Extreme 500 Portable SSDs นี้วางจำหน่ายก่อน โดยวางจำหน่ายพร้อมกันทั่วโลกแล้ว แบ่งเป็นรุ่นความจุขนาด 120 GB, 240 GB และ 480 GB ซึ่งมีราคา 4,500 บาท 7,000 บาท และ 11,500 บาท ตามลำดับ พร้อมการรับประกัน 3 ปีเช่นกัน
อีกรุ่นเด่น “SanDisk SSD PLUS” ที่เริ่มวางขายแล้วเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ใช้โน้ตบุ๊คและคอมพิวเตอร์ ที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่ระบบการทำงานของเครื่อง โดยให้ความเร็วในการอ่านข้อูมลอย่างต่อเนื่องสูงสุดถึง 520 MB/วินาที มีความจุขนาด 120 GB และ 240 GB ที่ราคา 1,850 บาท และ 3,150 บาท ตามลำดับ พร้อมการรับประกัน 3 ปี
นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายรุ่นให้เลือกใช้กันตามความสนใจ สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมกันได้ที่ www.sandisk.com
ข่าวเด่น