เหลืออีกเพียงกว่า 1 เดือนก็จะก้าวเข้าสู่ปี 2016 หรือปี 2559 ซึ่งหลายคนก็ยังเป็นห่วงว่าภาพรวมเศรษฐกิจในปีหน้าจะยังคงไม่มีความแตกต่างจากปีนี้ เนื่องจากยังมีอีกหลายปัจจัยให้ต้องจับตามอง เช่น สถานการณ์ทางการเมือง สถานการณ์เศรษฐกิจภายในประเทศ ซึ่งขณะนี้กำลังซื้อของผู้บริโภคยังไม่ฟื้นตัวกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ขณะเดียวกันเศรษฐกิจโลกก็ยังต้องจับตาอย่างใกล้ชิด เพราะเป็นปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้
อย่างไรก็ดี แม้ว่าสถานการณ์ปีหน้าจะยังน่าเป็นห่วง แต่ธุรกิจก็ยังคงต้องเดินหน้าเช่นเดียวกับช่วงโค้งสุดท้ายของปลายปีนี้ แม้ว่าบรรยากาศจะดูซึมๆไปบ้าง แต่เนื่องจากเป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลอง และเป็นหน้าขายสินค้า จึงทำให้ผู้ประกอบการห้างค้าปลีกต้องออกมาจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย โดยในส่วนของสินค้าที่ถือว่าเป็นไฮไลท์ของการขายในช่วงส่งท้ายปลายปีของบรรดาห้างค้าปลีก คือ กระเช้าปีใหม่ ซึ่งขณะนี้ผู้ประกอบการห้างค้าปลีกกำลังทยอยเปิดตัวแคมเปญกระเช้าเข้ามาทำตลาด เพื่อสร้างความคึกคักให้ภาพรวมธุรกิจค้าปลีก
สำหรับรายแรกที่ออกมาเปิดตัวแคมเปญส่งเสริมการขายกระเช้าปีใหม่ในปีนี้ คือ บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป โดยในส่วนของปีนี้ได้ทำแคมเปญภายใต้ชื่อ Blissful Hamper 2016 เน้นการจัดทำกระเช้าที่ตรงกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เริ่มตั้งแต่ระดับล่างถึงระดับสูงสุด ซึ่งราคากระเช้าที่แพงสุดในปีนี้ของบริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จะอยู่ที่ราคาประมาณ 10,000 บาท
นายศุภวุฒิ ไชยประสิทธิ์กุล ผู้จัดการใหญ่บริหารสินค้าซูเปอร์มาร์เก็ตโกรเซอรี่ บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า แนวทางการทำตลาดกระเช้าปีใหม่ของบริษัทในปีนี้ บริษัทได้ใช้งบกว่า 20 ล้านบาท ในการจัดแคมเปญภายใต้ชื่อ Blissful Hamper 2016 ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย.2558 – 15 ม.ค. 2559 ซึ่งในส่วนของกลยุทธ์ที่จะนำมาใช้ในปีนี้ คือ การตลาดให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้า โดยในส่วนของราคากระเช้ามาตรฐานที่บริษัทนำมาจำหน่ายในปีนี้จะมีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ราคา 400 - 4,000 บาท
นอกจากนี้ เดอะมอลล์ ยังมีการจัดเตรียมกระเช้าปีใหม่ระดับพรีเมี่ยม และกระเช้าปีใหม่ระดับลักซ์ชัวร์รี่ ในระดับราคาเริ่มต้น 10,000 บาท ไว้คอบรองรับกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง โดยในส่วนของสินค้าที่นำมาจัดกระเช้าจะมีความแตกต่างไปจากสินค้าที่นำมาจัดในกระเช้ามาตรฐานไม่ว่าจะเป็นขนม น้ำผลไม้ กาแฟ หรือนม ซึ่งกลุ่มเป้าหมายที่นิยมซื้อกระเช้ากลุ่มนี้ คือ กลุ่มลูกค้าทั่วไป, หน่วยงาน และห้างร้านต่างๆ
นายชัยรัตน์ เพชรดากูล ผู้จัดการใหญ่บริหารสินค้าซูเปอร์มาร์เก็ตเฟรชมาร์เก็ต บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ความแตกต่างที่บริษัทจะนำมาเสนอ เพื่อสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งในตลาด คือ แนวคิดของสินค้าที่นำมาจัดกระเช้า ซึ่งปีนี้จะเน้นไปที่สินค้าระดับพรีเมียมมากขึ้น เนื่องจากปีที่ผ่านกลุ่มสินค้ากระเช้าพรีเมี่ยมระดับ 15,000 - 34,000 บาท ได้รับความสนใจจากกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อเป็นอย่างดี โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้า สกาเล็ทแพลทตินั่ม และบัตรสมาชิกเอ็มการ์ด แพลทตินั่ม ซึ่งถือเป็นกลุ่มที่มียอดการซื้อกระเช้าระดับพรีเมี่ยมต่อบิลค่อนข้างสูง
จากแนวโน้มความต้องการดังกล่าว เดอะมอลล์ เลยเล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจ ด้วยการหันมาเน้นทำตลาดกระเช้าพรีเมี่ยมมากขึ้น ด้วยการจัดแคมเปญพิเศษสำหรับกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการกระเช้าในระดับพรีเมี่ยม ภายใต้แคมเปญ Gourmet Market World’s Best Test ซึ่งจะเป็นแคมเปญซิกเนเจอร์ ของกูร์เมต์ มาร์เก็ต ที่โดดเด่นเรื่องการคัดสรรสินค้าอาหารระดับกูร์เมต์ จากทั่วทุกมุมโลกมาทำเสนอทั้งยังมี Gourmet Makers ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารตัวจริง มาแนะนำให้ความรู้เกี่ยวกับสินค้า
หลังจากเปิดตัวแคมเปญดังกล่าวพบว่า ได้รับความนิยมจากกลุ่มลูกค้าระดับบน โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีไลฟ์สไตล์ชื่นชอบการทำอาหาร และพิถีพิถันในกินดื่ม ซึ่งจากข้อมูลที่ เดอะมอลล์ ได้รับมาจึงนำมาสร้างสรรค์เป็นกระเช้าของขวัญคอนเซปท์พิเศษแตกต่างไปจากกระเช้าของขวัญทั่วไป เพื่อมอบให้แก่บุคคลพิเศษในโอกาสพิเศษกระเช้าและของขวัญปีใหม่
สำหรับกระเช้าระดับพรีเมี่ยมในรูปแบบเฉพาะของกูร์เมต์ มาร์เก็ต ที่เดอะมอลล์จัดทำขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าระดับบนในปีนี้มีอยู่ด้วยกัน 6 คอนเซปต์ ซึ่งสร้างสรรค์โดย 6 Gourmet Makers ผู้เชี่ยวชาญ ได้แก่ กระเช้า AWARD-WINNING TASTE ที่ได้ Chef Erwin Eberharter กูร์เมต์ เมคเกอร์ช่วยคัดเลือกอาหารและวัตถุดิบกูร์เมต์ที่ได้รับรางวัลการันตีคุณภาพที่ระดับโลกมามารวบรวมไว้เป็นกระเช้าของขวัญสุดอลังการ, ชุดของขวัญ ARTISANAL CHEESE ที่ได้ Mr. Adrian Lanter, Cheese Specialist คัดสรรชีสหลากหลายประเภทพร้อม และเครื่องเคียงจัดใน packaging สุดพิเศษ, ชุด FIESTA DE JAMÓN IBÉRICO รังสรรค์ โดย Mr. Teo Velez, Charcuterie Master ที่เสิร์ฟแฮมชั้นเลิศจากสเปน
นอกจากนี้ ยังมีชุด KURO-USHI ชุดเนื้อวัวชั้นดีส่งตรงจากญี่ปุ่น โดย Mr. Mayuki Matsuo of M&W Wagyu, ชุด WEALTH OF THE SEA ที่เสิร์ฟความหรูหราของอาหารทะเลสดๆ อย่าง Oyster และ Caviar โดย Mr. Thierry Saey, Caviar Connoisseur พร้อมตบท้ายด้วยเซ็ตเครื่องดื่ม Mocktail และ Cocktail สุดสร้างสรรค์ THE FESTIVE FIZZ โดย The Sorum Brothers, Mixologist ชื่อดัง
หลังจากจัดเตรียมกระเช้าหลากหลายรูปแบบ เพื่อจำหน่ายในโฮมเฟรชมาร์ท และกูร์เมต์ มาร์เก็ต แล้ว เดอะมอลล์ ยังมีการทำกิจกรรมส่งเสริมการขาย ด้วยการมอบโปรโมชั่นรับเงินคืนสูงสุด 39% และเลือกแบ่งผ่อน 0% นาน 3 เดือน กับสถาบันการเงินชั้นนำ ซึ่งหลังจากออกมาทำกิจกรรมการตลาดกระเช้าของขวัญปีใหม่อย่างต่อเนื่องเดอะมอลล์ คาดว่าจะมีรายได้จากการขายกระเช้าในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่นี้ไม่ต่ำกว่า 250 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ยอดขายอยู่ที่ประมาณ 220 ล้านบาท
อีกหนึ่งห้างค้าปลีกที่ทำกระเช้าพรีเมี่ยม คือ ซูเปอร์มาร์เก็ตในเครือท็อปส์ ซึ่งบริหารงานโดยบริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล แม้ว่าขณะนี้จะยังไม่ออกมาเปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่แนวทางในการทำตลาดกระเช้าของขวัญปีใหม่ของเครือท็อปส์ ก็ยังคงเน้นไปที่การทำกระเช้าพรีเมี่ยมเป็นหลักเช่นกัน โดยในส่วนของปีนี้จะจัดแคมเปญส่งเสริมการขายภายใต้ชื่อ Let's celabrate THE PASSAGE TO Perfection ความสุขที่ควรค่าแค่คนพิเศษ
ขณะที่กระเช้าปีใหม่ระดับพรีเมี่ยมเตรียมออกมาประกาศศึกชิงลูกค้าระดับบน ในส่วนของห้างค้าปลีกที่เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลางและล่าง ก็เตรียมออกมาทำกิจกรรมส่งเสริมการขายกันอย่างคึกคักเช่นกัน โดยในส่วนของคอนเซ็ปต์ที่ห้างไฮเปอร์มาร์เก็ตเลือกนำมาใช้ในปีนี้ยังคงเน้นไปในเรื่องของความคุ้มค่าคุ้มราคา เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อยังไม่ปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นมากนัก ซึ่งในส่วนของห้างเทสโก้ โลตัส ยังคงเน้นทำกระเช้าที่ลูกค้าทั่วไปสามารถเลือกซื้อได้ง่ายด้วยการตั้งราคากระเช้าเริ่มต้นที่ประมาณ 229 บาท ซึ่งหลังจากเริ่มทำการตลาดกระเช้าของขวัญปีใหม่นับตั้งแต่เดือน พ.ย.นี้เป็นต้นไป ห้เงเทสโก้ โลตัส มั่นใจว่าจะมียอดขายเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลักเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาได้อย่างแน่นอน
เช่นเดียวกับห้างบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ที่ปีนี้เน้นการนำเสนอกระเช้าปีใหม่แบบคุ้มค่าคุ้มราคาในราคาเริ่มต้นที่ 229 บาท นำมาเป็นทางเลือกให้กับกลุ่มลุกค้าเป้าหมาย โดยในส่วนของสินค้าที่นำมาจัดใส่กระเช้าจะมีทั้งสินค้าทั่วไป สินค้าจากโครงการหลวง และสินค้าในพระราชดำริ ซึ่งหลังจากทำกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง บิ๊กซีฯ คาดว่าจะมียอดขายกระเช้าเติบโตไม่ต่ำกว่า 25% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
แม้ว่าขณะนี้ภาพรวมตลาดกระเช้าปีใหม่จะยังไม่คึกคักแต่หลายตนเชื่อว่านับตั้งแต่กลางเดือน พ.ย.เป็นต้นไปจะมีความคึกคักอย่างแน่นอน เนื่องจากเริ่มก้าวเข้าสู่เทศกาลแห่งการเฉลิมฉลอง และผู้บริโภคก็เริ่มออกมาจับจ่ายซื้อสินค้า เพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่.
ข่าวเด่น