"เออาร์ไอพี"คาดปี 58 เติบโต 1-2% เหตุภาพรวมตลาดไอทีไทยดีขึ้น มีเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้าตลาด หนุนไตรมาส 3-4 ฟื้นตัว เผย งาน“คอมมาร์ต คอมเทค 2015” ยอดเงินสะพัดกว่า 2.9 พันล้านบาท ตั้งเป้าปี 59 โตเป็นตัวเลข 2 หลักที่ 10% จากลุยงานอีเวนท์ งานเซอร์วิสส่วนราชการ และธุรกิจใหม่ๆ
นายพรชัย จันทรศุภแสง ผู้อำนวยการธุรกิจสื่อและดิจิทัล บริษัท เออาร์ไอพี จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดไอทีของไทยในปี 2558 นี้นับว่าดีขึ้นจากปี 2557 แม้ในช่วงต้นปียังทรงๆ ตัว เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ตลอดจนปัญหาการเมืองและยังไม่มีเทคโนโลยีใหม่ๆ จนในช่วงไตรมาสที่ 3-4 มีเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้าตลาดช่วยทำให้ตลาดฟื้นตัวดีขึ้น โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสที่ 4 คาดว่าจะเติบโตขึ้นประมาณ 2% มีมูลค่าตลาดรวม 5,000-6,000 ล้านบาท จาก 3,000 ล้านบาทในปี 2557
ส่วนดาวรุ่งของปี 2558 ได้แก่ โน๊ตบุ๊คกลุ่มเกมมิ่ง ที่มาแรงแซงสมาร์ทโฟนซึ่งมีการเติบโตคงที่ แม้จะมีการเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ จากค่ายแอปเปิล อาทิ ไอโฟน6 และ ไอโฟน6S Plus แต่ไม่แรงเหมือนรุ่นก่อนหน้านี้
สำหรับทิศทางตลาดในปี 2559 คาดว่า โน๊ตบุ๊คเน้นเกมมิ่ง จะมาแรงเหมือนเดิม แม้ราคาไม่ได้ถูก โดยบางรุ่นอาจมีราคาแพงเกินหลักแสนบาท ในขณะที่แทบเล็ตจะลดบทบาทลงไป ซึ่งในปี 2558 นี้ ตลาดแทบเล็ตหดตัวลงไปมากประมาณ 10-15% ส่วนปีหน้าคาดว่าจะลดลงต่อเนื่อง
นอกจากนี้ นายพรชัยยังประเมินผลการดำเนินงานของบริษัทเออาร์ไอพีด้วยว่า ในปี 2558 ได้รับผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงพอสมควร แต่ได้มีการปรับตัวโดยขยายธุรกิจใหม่ๆ ด้านมีเดีย การจัดอีเวนท์ และเพิ่มไลน์ธุรกิจใหม่ๆ เช่น ดาต้าไดรฟ์ เป็นต้น และการปรับตัวเรื่องค่าใช้จ่าย ส่วนรายได้ในช่วงไตรมาสที่ 2-3 ไม่ดีนัก แต่ในไตรมาสที่ 4 นี้ คาดว่าจะดีขึ้น ไม่ติดลบ และทำให้รายได้ตลอดปี 2558 เสมอตัวหรือโตขึ้นเล็กน้อยราว 1-2% จากยอดขายของบริษัทที่มีประมาณ 800 ล้านบาท
ขณะที่ในปีหน้า 2559 ตั้งเป้าบริษัทจะมีรายได้เติบโตราว 10% โดยจะมาจากงานอีเวนท์ ที่มีประมาณ 4-5 งาน นอกจากนี้ยังมีงานเซอร์วิสส่วนราชกา รและธุรกิจใหม่ๆ
ส่วนการจัดงาน “คอมมาร์ต คอมเทค 2015” ภายใต้แนวคิด“ Smart Entertainment & Smart Solution” ระหว่างวันที่ 5 – 8 พฤศจิกายน 2558 ที่ผ่านมา ถือว่า ประสบความสำเร็จพอสมควร โดยมียอดขายตลอด 4 วันของการจัดงานทะลุ 2,900 ล้านบาท สูงกว่าที่ตั้งเป้าไว้ที่ 2,800 ล้านบาท ผลจากทีมงานได้มีการวิเคราะห์และปรับปรุงการจัดงานตลอดเวลา ทั้งด้านการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย การประชาสัมพันธ์งาน ทำให้มีคนเข้างานต่อเนื่องทุกวัน โดยเฉพาะวันเสาร์และอาทิตย์ ซึ่งมีคนมาเดินและจับจ่ายซื้อสินค้ามากเป็นพิเศษ
สินค้าไอทีที่ขายดีในงาน ได้แก่ อันดับ 1 โน้ตบุ๊ก คอมพิวเตอร์ มียอดขายกว่า 50% แทบเล็ตและสมาร์ทโฟน ตามมาเป็นอันดับ 2 อยู่ที่ 25% อันดับ 3 ทีวี แก็ดเจ็ต และสินค้าอื่นๆ คิดเป็น20% ของยอดขายรวมในงานกว่า 2,900 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าที่คาดไว้เล็กน้อย จากสถิติยอดขายและความสนใจของผู้เข้าชมงาน
นายพรชัยยังกล่าวด้วยว่า ในงานยังพบพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปอย่างน่าสนใจ เช่น มีกลุ่มผู้ซื้อโน้ตบุ๊กราคาสูงระดับพรีเมี่ยมมากขึ้น ซึ่งจับจ่ายเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ด้านความบันเทิง การเล่นเกม รวมถึงซื้ออุปกรณ์เสริมเพิ่มเติมด้วย จากอดีตที่มักจะมองหารุ่นที่ราคาไม่สูงแต่สเปคดี เพื่อใช้ในการทำงานเป็นหลัก
ส่วนอีกกลุ่ม คือ ผู้ซื้อสมาร์ทโฟน ส่วนใหญ่ต้องการขนาดจอใหญ่ขึ้น มีความจุสูงสุด สีพิเศษ แม้จะมีราคาสูงก็ยินดีจ่าย จนบางรุ่นสินค้าไม่พอขายในงาน รวมถึงมีกลุ่มผู้ซื้อสมาร์ททีวี และอุปกรณ์เสริมเพื่อความบันเทิงก็ขายดีติดอันอับ 3 เนื่องจากมีการโฟกัสเซ็กเมนท์นี้ด้วยในงาน
ข่าวเด่น