การตลาด
สกู๊ป "ครัวซองต์ไทยากิ" โหมสร้างแบรนด์ สู้ร้านก็อปปี้


ครัวซองต์ไทยากิ (Croissant Taiyaki ) เป็นชื่อร้านขนมเบเกอรี่ ที่ถือกำเนิดและมีชื่อเสียงอยู่ในประเทศญี่ปุ่น ด้วยลักษณะพิเศษของผลิตภัณฑ์ที่เป็นสัญลักษณ์ขนมรูปปลาที่ทำจากแป้งโดว์ครัวซองต์ สอดไส้ถั่วแดงกวนสูตรพิเศษจากต้นตำรับประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีรสชาติถูกใจผู้บริโภค จึงทำให้ร้านครัวซองต์ไทยากิได้รับความนิยมจากผู้บริโภคทั้งในประเทศญี่ปุ่นและต่างประเทศ ซึ่งในส่วนของประเทศไทยเองขนมรูปปลาก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เห็นได้จากจำนวนร้านขนาดรูปปลาที่เกิดขึ้นเป็นจำนวนมากทั้งในศูนย์การค้าและนอกศูนย์การค้า

 

จากจำนวนคู่แข่งที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ร้านครัวซองต์ไทยากิค่อนข้างได้รับผลกระทบจากการแข่งขัน เนื่องจากมีร้านขนมเลียนแบบสินค้าเป็นจำนวนมาก ด้วยเหตุนี้ บริษัท สเพลนคิด จำกัด ผู้ได้รับสิทธิ์แฟรนไชส์จากบริษัท ฮอทแลนด์ จำกัด เจ้าของลิขสิทธิ์ร้านครัวซองต์ไทยากิ จากประเทศญี่ปุ่น จึงต้องออกมาสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ครัวซองต์ไทยากิ ด้วยการเดินหน้าขยายสาขาเพิ่มควบคู่ไปกับการทำกิจกรรมการตลาด เพื่อสร้างแบรนด์ครัวซองต์ไทยากิให้ผู้บริโภคชาวไทยได้รู้จัก

 

นายกรกฤช จุฬางกูร ประธาน บริษัท สเพลนคิด จำกัด  ผู้ดำเนินธุรกิจร้านเบเกอรี่ ภายใต้ชื่อ "ครัวซองต์ไทยากิ" กล่าวว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจนับจากนี้ บริษัทจะหันมาให้ความสำคัญกับการขยายสาขาและทำการตลาดร้านครัวซองต์ไทยากิมากขึ้น ภายหลังพบมีร้านเบเกอรี่ทำธุรกิจลอกเลียนแบบร้านครัวซองต์ไทยากิเป็นจำนวนมาก ซึ่งในส่วนของประเทศไทยคาดว่าจะมีไม่ต่ำกว่า 10 แบรนด์ และจากผลกระทบที่เกิดขึ้นดังกล่าว จึงทำให้บริษัทต้องหันมาสร้างแบรนด์ร้านครัวซองต์ไทยากิให้มีความแตกต่างจากคู่แข่งและสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น

สำหรับแนวทางการขยายสาขาในปีนี้ บริษัทคาดว่าจะสามารถเปิดสาขาได้ครบ 21 สาขา จากปัจจุบันมีจำนวนสาขาเปิดให้บริการอยู่ที่ประมาณ 18 สาขา ประกอบด้วย เอสพลานาด ชั้น G, เมกาบางนา ชั้น L1, เอ็มควอเทียร์ ชั้น G ,สยามเซ็นเตอร์ ชั้น 4 ,เซ็นเตอร์พอยท์ ออฟ สยามสแควร์ ,เซ็นทรัลเวิล์ด ชั้น 7, เดอะมอลล์บางแค ชั้น G,เดอะมอลล์บางกะปิ ชั้น G, เดอะมอลล์งามวงศ์วาน ชั้น G,แฟชั่นไอส์แลนด์ ชั้น B, เดอะมอลล์ 2 รามคำแหง, เมเจอร์ฯ รัชโยธิน ชั้น 2,ห้างแปซิฟิกพาร์ค ศรีราชา ชั้น 3 , ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ชั้น B, เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า ชั้น G, เซ็นทรัล เวสเกต ชั้น 1 , ห้างอยุธยา พาร์ค ชั้น 2, และบูทชั่วคราวที่เซ็นทรัล ขอนแก่น ชั้น 4  ซึ่งเปิดให้บริการเป็นระยะเวลา 2 เดือนนับตั้งแต่วันที่ 30 ต.ค.ที่ผ่านมา และ เร็วๆ นี้ มีแผนที่จะเปิดเพิ่มอีก 3 สาขา ที่เซ็นทรัล ลาดพร้าว และเดอะมอลล์ ท่าพระ และห้างแพชชั่น บาย แหลมทอง จ.ระยอง

 

ขณะที่ปีหน้ามีแผนที่จะเปิดเพิ่มอีกไม่ต่ำกว่า 10-15 สาขา ทั้งในรูปแบบของบริษัทเป็นผู้ขยายร้านเองและการขายแฟรนไชส์  ซึ่งแต่ละสาขาจะมีทั้งขนาด 2 เตา และ 3 เตา ใช้งบลงทุนสาขาละประมาณ 3-3.5  ล้านบาท โดยในส่วนของแผนการทำงานดังกล่าว ถือว่ามีความคืบหน้าเร็วกว่าสัญญาที่ได้เซ็นข้อตกลงไว้กับบริษัท ฮอทแลนด์ ที่ระบุไว้ว่าบริษัท สเพลนคิด จะต้องขยายสาขาร้านครัวซองต์ไทยากิให้ครบ 35 สาขา ภายใน 6 ปีนับตั้งแต่เซ็นสัญญาร่วมธุรกิจเมื่อปี 2557 ที่ผ่านมา

แม้ว่าธุรกิจจะโดนคู่แข่งก็อปปี้ในเรื่องของสินค้า แต่หากมองภาพรวมของผลการดำเนินธุรกิจ ซึ่งครบ 1 ปีไปเมื่อเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา บริษัท สเพลนคิด มีรายได้จากการดำเนินธุรกิจครัวซองต์ไทยากิมากถึง 149  ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายเดิมที่วางไว้ว่าจะมีรายได้เมื่อบริหารงานครบ 1 ปี ที่ประมาณ  100  ล้านบาท  ซึ่งจากผลการตอบรับที่ดีดังกล่าว บริษัท สเพลนคิด มั่นใจว่าสิ้นปี  2558 นี้จะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 160-170  ล้านบาทอย่างแน่นอน

นายกรกฤช กล่าวว่า ปัจจัยที่ทำให้ร้านครัวซองต์ไทยากิ ประกอบความสำเร็จเป็นอย่างดีในประเทศไทย คือ จุดเด่นของร้านครัวซองต์ไทยากิ ที่ทำขนมกันแบบสดๆ ให้ลูกค้าให้เห็นทุกขั้นตอนการทำ เนื่องจากรูปแบบของร้านจะเป็นแบบเปิดเหมือนจะยกครัวมาวางไว้หน้าร้าน จึงทำให้ขนมมีความสดและมีกลิ่นหอมที่เกิดจากอบใหม่ชวนให้ผู้คนที่ผ่านไปมาแถวร้าน แวะลิ้มลองรสชาติของขนมครัวซองต์ไทยากิ

 

นอกจากนี้ ตัวขนมครัวซองต์ไทยากิ ยังมีจุดเด่นในด้านของแป้งโดว์ครัวซองต์สูตรพิเศษหนา 24 ชั้นที่เคลือบด้วยน้ำตาลเกล็ดใหญ่นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น เมื่อนำไปย่างขึ้นเป็นรูปปลา น้ำตาลจะละลายเคลือบที่ผิวหน้า ทำให้แป้งมีความกรอบนอก นุ่มใน และไส้ที่อัดแน่น ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนไส้ขนมให้ลูกค้าได้เลือกซื้อมากกว่า 20 ไส้  มากกว่าสาขาต้นแบบที่ประเทศญี่ปุ่นที่มีใส้ขนมเพียง 2-3 ไส้เท่านั้น นอกจากจะมีจุดขายในด้านของตัวขนมแล้ว ร้านครัวซองต์ไทยากิ ยังมีจุดเด่นในด้านของเครื่องดื่มที่ขายภายในร้าน โดยปัจจุบันมีเครื่องดื่ม 2 สูตร คือ เครื่องดื่มมัทฉะต้นตำรับ และเครื่องดื่มมัทฉะลาเต้

นายกรกฤช กล่าวต่อว่า อีกหนึ่งกลยุทธ์ทางการตลาดของครัวซองต์ไทยากิ ที่ทำให้ประสบความสำเร็จ คือ ไส้ที่สี่ของแต่ละสาขาจะเป็นไส้ซิกเนเจอร์หรือไส้พิเศษที่มีจำหน่ายเฉพาะสาขาเท่านั้น เพื่อเป็นการสร้างความแตกต่างให้สาขาแต่ละสาขา ถือเป็นสิ่งดึงดูดให้ผู้บริโภคที่ชื่นชอบขนมครัวซองต์ไทยากิติดตามไปลิ้มลองรสชาติทุกสาขา และในปีหน้าบริษัทมีแผนที่จะทำการตลาดรูปแบบใหม่ ด้วยการนำบุคคลที่มีเอกลักษณ์ 4 คน ได้แก่ ตัวแทนของกลุ่มคนรักสุขภาพ ตัวแทนกลุ่มเด็ก ตัวแทนกลุ่มคนวัยทำงาน และเชฟจากอิตาลี มาคิดค้นรสชาติใหม่วางขายในแต่ละช่วงตลอดทั้งปี เพื่อสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งในตลาด

ขณะเดียวกัน ยังมีแผนที่จะยกระดับแบรนด์ให้มีภาพลักษณ์ที่สดใส ดูทันสมัยมากขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับลักษณะของกลุ่มเป้าหมาย ด้วยการปรับเปลี่ยนแปลงบรรจุภัณฑ์ เช่น กล่องบรรจุขนม ซองใส่ขนม และแก้วน้ำ รวมไปถึงการปรับเปลี่ยนชุดยูนิฟอร์มของพนักงานให้ดูมีภาพลักษณ์ที่ทันสมัย มีสไตล์มากขึ้น

 

นอกจากจะให้ความสำคัญกับการทำตลาดในประเทศไทยแล้ว บริษัท สเพลนคิด ยังมีแผนที่จะขยายธุรกิจไปในภูมิภาคอาเซียน เพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจ (เออีซี) อีกด้วย โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัทแม่ เพื่อขยายธุรกิจร่วมกัน ซึ่งในส่วนของประเทศแรกที่คาดว่าจะเข้าไปเปิดร้านครัวซองต์ไทยากิ คือ อินโดนีเซีย เนื่องจากเป็นประเทศที่มีศักยภาพ เพราะมีประชากรจำนวนมาก เบื้องต้นคาดว่าภายในปีหน้าจะสามารถขยายสาขาในประเทศอินโดนีเซียได้ไม่ต่ำกว่า 10 สาขา

ส่วนของประเทศที่ 2 ที่จะเข้าไปเปิดร้านครัวซองต์ไทยากิ คือ สิงคโปร์ เบื้องต้นคาดว่าจะสามารถขยายสาขาได้ไม่ต่ำกว่า 3 สาขา และประเทศที่ 3 ที่คาดว่าจะเข้าไปขยายธุรกิจ คือ มาเลเซีย เบื้องต้นคาดว่าจะเข้าไปขยายธุรกิจได้ประมาณ 1 สาขา ซึ่งรูปแบบของการเข้าไปขยายธุรกิจในต่างประเทศ จะมีทั้งบริษัทและบริษัทแม่ร่วมกันเข้าไปขยายธุรกิจ และบริษัทจับมือกับบริษัทแม่และบริษัทท้องถิ่นของแต่ละประเทศร่วมกันขยายสาขา

หลังจากให้ความสำคัญกับประเทศทางใต้ของไทยแล้ว ในอนาคตอันใกล้ บริษัท สเพลนคิด ยังมีแผนที่จะนำร้านครัวซองต์ไทยากิ เข้าไปเปิดให้บริการในกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวี หรือกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขงอีกด้วย โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาตลาดในแต่ละประเทศ ไม่ว่าจะเป็นพม่า ลาว เวียดนาม และกัมพูชา

จากผลการตอบรับที่ดี ประกอบกับมีการเดินหน้าขยายสาขาใหม่อย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในเร็ววันนี้ร้านครัวซองต์ไทยากิ ต้องเป็นที่รู้จักในวงกว้างของกลุ่มผู้บริโภคที่ชอบทานขนมปลาอย่างแน่นอน ส่วนรายได้ที่จะมีจากการเปิดสาขาใหม่ในปีหน้าและในอนาคตจะเป็นอย่างไรนั้น บริษัท สเพลนคิด ยังขออุบไว้ก่อน เนื่องจากแต่ละสาขามียอดขายไม่เหมือนกัน ประกอบกับยังไม่มั่นใจว่าภาพรวมเศรษฐกิจของไทยในปีหน้าและปีต่อๆ ไปจะเป็นอย่างไร อย่างไรก็ดี หากมีความมุ่งมั่นและเข้าใจถึงความต้องการของผู้บริโภคว่าต้องการอะไร และพัฒนาสิ่งนั้น เพื่อตอบสนองเป้าหมายที่มองว่าสูงอาจจะไต่ไปถึงได้แบบสบายๆ  

 

 

 
                
                
               


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 23 พ.ย. 2558 เวลา : 20:12:18
25-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 25, 2024, 2:21 pm