การตลาด
สกู๊ป "อิเซตัน" เร่งปรับใหญ่รอบ 23 ปี รับคู่แข่ง "ห้างญี่ปุ่นน้องใหม่"


ถือเป็นอีกหนึ่งห้างสรรพสินค้าที่ทำธุรกิจในประเทศไทยมานานถึง 23  ปี สำหรับห้างสรรพสินค้าอิเซตัน  แม้ว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาจะมีการปรับปรุงเล็กๆ น้อยๆมา โดยตลอด  เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั้งชาวไทย ต่างชาติ และชาวญี่ปุ่นที่อยู่ในประเทศไทย แต่ก็ยังไม่เพียงพอกับการแข่งขันที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต เนื่องจากอีกไม่เกิน 2  ปีข้างหน้า ประเทศไทยจะมีห้างสรรพสินค้าสัญชาติญี่ปุ่นเพิ่มมาอีก 1 แบรนด์ รวมเป็น 3  แบรนด์ คือ ห้างสรรพสินค้าโตคิว ,ห้างสรรพสินค้าอิเซตัน และห้างสรรพสินค้าทาคาชิมาย่า ซึ่งจะเป็นห้างน้องใหม่ที่กำลังถือกำเนิดจาการร่วมทุนกับบริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด เจ้าของธุรกิจโครงการไอคอนสยาม ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างคาดว่าจะเริ่มเผยโฉมให้ได้เห็นในปี 2560

 

 

จากการประกาศแผนของบริษัท สยามพิวรรธน์ ว่า จะนำห้างสรรพสินค้าทาคาชิมาย่า เข้ามาเปิดให้บริการภายในโครงการไอคอนสยาม ส่งผลให้ผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้าญี่ปุ่น 2 แบรนด์ คือ โตคิว และ อิเซตัน ต้องออกมาปรับแผนรุก เพื่อรับมือกับน้องใหม่ ซึ่งถือเป็นผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ในประเทศญี่ปุ่น

 

นายทาคาคิ อะคูเนะ ประธานบริษัท อิเซตัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า นับตั้งแต่ห้างสรรพสินค้าอิเซตันเข้ามาดำเนินธุรกิจห้างสรรพสินค้าในประเทศไทยเมื่อปี 2535  ในศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้รับการอุดหนุนจากลูกค้าชาวไทยอย่างดี ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ทั้งโครงสร้างการคมนาคม การพัฒนาเขตที่อยู่อาศัยบริเวณชานเมือง และการขยายตัวของเมืองหลวงที่กว้างใหญ่ขึ้น ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น

อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้อาศัยที่อยู่ในช่วงวัยกลางคนอายุ 30-40 ปี ถึงแม้จะให้ความสำคัญกับสายสัมพันธ์ภายในครอบครัวหรือวิถีชีวิตแบบไทยดั้งเดิมที่มีมาตั้งแต่ในอดีต แต่มีความสุขและสนุกสนานกับวิถีชีวิตยุคใหม่ในเมืองหลวงเช่นกัน ในขณะเดียวกันตั้งแต่เมื่อเดือนก.ค.2556 ประเทศไทยได้รับอนุญาตให้เข้าประเทศญี่ปุ่นในระยะสั้นได้ไม่เกิน 15 วัน โดยไม่จำเป็นต้องขอวีซ่า ส่งผลให้มีคนไทยไปท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่นมากขึ้น และได้สัมผัสสินค้าบริการของร้านค้าในประเทศญี่ปุ่น จากปัจจัยดังกล่าวทำให้มีลูกค้าคนไทยจำนวนมากเรียกร้องว่าต้องการร้านค้าในรูปแบบเดียวกับห้างสรรพสินค้าอิเซตันในประเทศญี่ปุ่น

 

สำหรับกลยุทธ์ที่ห้างสรรพสินค้าอิเซตันเลือกที่จะนำมารับมือน้องใหม่ในเบื้องต้น คือ การปรับปรุงตัวห้างสรรพสินค้าทั้ง 5 ชั้นให้มีความสวยงาม ทันสมัย และสื่อความเป็นวัฒนธรรมญี่ปุ่นผ่านสินค้าต่างๆ ให้ความชัดเจนมากขึ้น ด้วยการเพิ่มสินค้าอิมพอร์ทจากประเทศญี่ปุ่นเข้ามาจำหน่ายภายในห้างสรรพสินค้ามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ร้านอาหาร สินค้าแฟชั่น หรือกลุ่มสินค้าข้างของเครื่องใช้ต่างๆ  เพื่อเอาใจกลุ่มลูกค้าไทยที่ชื่นชอบสินค้าที่สื่อถึงวัฒนธรรมความเป็นญี่ปุ่น

 

ชั้นแรกที่ห้างสรรพสินค้าอิเซตันเลือกที่จะปรับปรุงพื้นที่ เพื่อนำสินค้าญี่ปุ่นเข้ามาใส่ คือ ชั้น 5 เนื่องจากคนไทยมีความชื่นชอบในอาหารญี่ปุ่น ห้างสรรพสินค้าอิเซตันเลยนำช่องว่างและโอกาสดังกล่าวมาพัฒนาเป็นพื้นที่ที่จำหน่ายอาหารและสินค้าจากประเทศญี่ปุ่นโดยเฉพาะ เพื่อตอบสนองกลุ่มลุกค้าชาวไทยและกลุ่มลูกค้าชาวญี่ปุ่นที่อยู่ในประเทศไทย รวมไปถึงชาวต่างชาติที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยและมีความชื่นชอบในอาหารญี่ปุ่น

หลังจากห้างสรรพสินค้าอิเซตันได้ทำการรีโมเดลห้างสรรพสินค้าครั้งใหญ่ เพื่อสร้างบรรยากาศห้างในรูปแบบเดียวกับห้างสรรพสินค้าอิเซตันในประเทศญี่ปุ่น ด้วยการนำกลยุทธ์รีโมเดล ที่เรียกว่า "บรรยากาศแวดล้อม สินค้า และทัศนียภาพ (Environment, Merchandise and Scene)" มาปฏิบัติใช้จริง  ล่าสุดการปรับปรุงชั้น 5 ของห้างสรรพสินค้าอิเซตันได้สิ้นเสร็จพร้อมเปิดให้บริการเป็นที่เรียบร้อยแล้วตั้งแต่วันที่ 26 พ.ย.ที่ผ่านมา

 

 

จุดเด่นของชั้น 5 ที่ห้างสรรพสินค้าอิเซตัน ดึงมาเป็นจุดขาย คือ การรีโมเดลพื้นที่สำหรับจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มทั้งหมด พื้นที่รวม 3,500 ตารางเมตร พร้อมกับตั้งชื่อพื้นที่ของชั้น 5 เป็น  “วะโชกุ แกลเลอรี่” (WASHOKU GALLERY) ) ที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์  “this is japan”  โดยยกระดับสินค้าและบริการผ่าน  4 องค์ประกอบหลัก คือ  สร้างความสนุกสานกับการกินและดื่ม (Eat) สนุกสนานกับการทำอาหาร (Cook) สนุกสนานกับวัฒนธรรมใหม่ๆ ของญี่ปุ่นผ่านอาหาร(Joy) และการหาของขวัญสำหรับวันพิเศษ (Gift) แบบต้นตำรับญี่ปุ่น แต่ไม่ต้องไปถึงประเทศญี่ปุ่น

สำหรับสินค้าคอนเซ็ปท์ “this is japan.” ประกอบด้วย กลุ่มแบรนด์ของคนญี่ปุ่นและแบรนด์ที่ส่งตรงจากญี่ปุ่นมาประเทศไทยเป็นครั้งแรก ซึ่งวางจำหน่ายเฉพาะที่ห้างสรรพสินค้าอิเซตันแห่งเดียวในประเทศไทย นอกจากนี้ ยังมีแบรนด์อาหารญี่ปุ่น-ยุโรป ที่นำมาให้บริการรวม 9 ร้าน แบรนด์ขนมญี่ปุ่น 4 ร้าน และแบรนด์ขนมตะวันตก 10 ร้าน พร้อมกันนี้ ยังมีการจัดโซนฟู้ดคอร์ตอาหารญี่ปุ่น ซึ่งประกอบด้วยร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังอีก 7 ร้านไว้คอยบริการลูกค้าอีกด้วย

 

ขณะเดียวกันห้างสรรพสินค้าอิเซตัน ยังให้ความสำคัญในด้านของการบริการ ด้วยการจัดระบบการทำงานกับบริษัทอาหารของญี่ปุ่น โดยเชิญผู้เชี่ยวชาญชาวญี่ปุ่นเข้ามาให้คำแนะนำแก่ลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ลูกค้าสัมผัสความเป็นมืออาชีพของผู้เชี่ยวชาญชาวญี่ปุ่นจากหลากหลายสถานที่ เช่น ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำชาในช่วงเก็บเกี่ยวชาใหม่ประจำฤดูกาล หัวหน้าคนหมักเหล้าจากโรงหมักเหล้าทั่วประเทศ หรือคนแล่ซาชิมิสดๆ จากปลาที่นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น เป็นต้น

ด้าน นายฮิโรยูกิ โยชิดะ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท อิเซตัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า  ลูกค้าที่ต้องการผลิตภัณฑ์ที่เน้นคุณภาพคัดสรร ลูกค้าสามารถเลือกซื้อสินค้าจากการจัดแสดงสินค้าที่เข้าใจง่ายและมีผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำวิธีการใช้ ที่สำคัญอิเซตันจัดเตรียมสินค้าอย่างเพียบพร้อมครบครัน ลูกค้าชาวไทยที่เคยแวะเยี่ยมเยียนห้างสรรพสินค้าอิเซตันประเทศญี่ปุ่นจะต้องประทับใจในจุดนี้อย่างแน่นอน

 

นอกจากจะให้ความสำคัญกับสินค้า บริการ และสถานที่แล้ว  ห้างสรรพสินค้าอิเซตันยังได้มีการเปิดตัวแบรนด์ไอคอน “เฮลโล คิตตี้ (Hello Kitty)” ซึ่งเป็นคาแรคเตอร์การ์ตูนที่โด่งดังและสื่อถึงความน่ารักของวัฒนธรรมญี่ปุ่นมาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้กับห้างสรรพสินค้าอิเซตันอีกด้วย โดยปัจจัยที่ทำให้ห้างสรรพสินค้าอิเซตัน เลือกเฮลโหล คิตตี้  เป็นแบรนด์ไอคอน  เพราะคาร์แครเตอร์การ์ตูนดังกล่าวเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมอย่างมากจากผู้คนทั่วโลก ซึ่งนอกจากจะนำมาสื่อกลางกับผู้บริโภคแล้ว ห้างสรรพสินค้าอิเซตันยังมีแผน ที่จะนำเฮลโหล คิตตี้ มาจัดทำของที่ระลึกและสินค้าเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะในประเทศไทยให้ลูกค้าได้เก็บสะสม เช่น บัตรสมาชิกลาย Hello Kitty และ ถุงกระดาษ Hello Kitty เป็นต้น

 

หลังจากปรับชั้น 5 เป็นที่เรียบร้อย ภายใต้งบ 200  ล้านบาท ห้างสรรพสินค้าอิเซตันก็มีแผนที่จะเดินหน้าปรับปรุงชั้น 1-4 ต่อเนื่องทันที ภายใต้งบลงทุนชั้นละประมาณ 200 ล้านบาท หรือรวมทั้ง 5  ชั้นที่ประมาณ 1,000  ล้านบาท โดยในส่วนของ 1-4 คาดว่าจะเริ่มดำเนินการปรับปรุงตั้งแต่ปี 2559  เป็นต้นไป โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการวางแผนว่าจะดำเนินการภายใต้คอนเซ็ปต์อะไร แต่ที่สามารถเปิดเผยได้ คือ หลังจากดำเนินการปรับปรุงแล้วเสร็จจะมีสัดส่วนสินค้าญี่ปุ่นอยู่ที่ 60% เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่ีมีสัดส่วนเพียง 10% เท่านั้น

 

นอกจากนี้ ในอนาคตอันใกล้ ห้างสรรพสินค้าอิเซตัน ยังมีแผนที่จะนำธุรกิจค้าปลีกโมเดลใหม่เข้ามาเปิดให้บริการในประเทศไทย ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะเป็นในรูปแบบสเปเชียลตี้สโตร์ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการนำโมเดลธุรกิจดังกล่าวเข้าไปทดลองเปิดให้บริการในประเทศมาเลเซีย ภายใต้คอนเซ็ปต์ "คูลเจแปน"  ซึ่งจะเปิดให้บริการในห้างสรรพสินค้าลอต 10 และหากประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีก็มีแผนที่จะนำเข้ามาทดลองเปิดให้บริการในประเทศไทยทันที

การออกมาปรับตัวของห้างสรรพสินค้าอิเซตันในครั้งนี้ ถือเป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น เพราะหลังจากห้างสรรพสินค้าทาคาชิมาย่าเข้ามาเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ คาดว่าห้างสรรพสินค้าอิเซตัน และห้างสรรพสินค้าโตคิว คงมีหมัดเด็ดอะไรมารับน้องใหม่อย่างแน่นอน

 


LastUpdate 04/12/2558 19:21:51 โดย : Admin
25-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 25, 2024, 2:44 pm