ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ฟันธงปีหน้า "ตลาดอสังหาฯโงหัว" หลังปีนี้ตลาดหดตัว 10% เผยปัจจัยบวกดันตลาดทั้งดอกเบี้ยทรงตัว เศรษฐกิจเริ่มฟื้น ได้รับอานิสงส์มาตราการรัฐฯ
นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการ ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เปิดเผยว่า ในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมา มีที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ทั้งสิ้นรวมกว่า 100,000 ยูนิต คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 390,000 ล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ จำนวน 44,000 ยูนิต มูลค่ารวม 180,000 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม จำนวน59,000 ยูนิต มูลค่า 210,000 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นมากมาโดยตลอด และในช่วงครึ่งปีหลังนี้ และคาดว่าเฉพาะเดือนธ.ค.นี้ ยังจะมีการเปิดตัวที่อยู่อาศัยเพิ่มเติมอีกอย่างน้อย จำนวนกว่า 3,000 ยูนิต ทำให้คาดว่าทั้งปี 2558 จะมีบ้านเดี่ยวเปิดตัวทั้งปีสูงถึง จำนวน 42,000 ยูนิต เพิ่มขึ้น 4% จากปี 2557 ขณะที่คอนโดมิเนียมคาดว่าจะมีการเปิดตัวอีก 6,000-8,000 ยูนิต แต่รวมทั้งปีแล้ว ก็คาดว่าจะมีจำนวนรวม 65,000 ยูนิต ลดลง 10% จากปีก่อนหน้า
พร้อมกันนี้ ประเมินว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีหน้า จะยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่องจากปีนี้ จากปัจจัยบวกทั้งอัตราดอกเบี้ยที่ยังทรงตัวอยู่ระดับต่ำ ภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มดีขึ้น กำลังซื้อเริ่มกลับมา หลังจากที่รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในหลาย ๆ ด้าน และโดยเฉพาะมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมรัพย์ ที่เชื่อว่า จะเห็นผลที่ชัดเจนขึ้นในไตรมาสแรกปีหน้า ทั้งนี้ คาดว่าผู้ประกอบการจะเปิดตัวที่อยู่อาศัยใหม่ ใกล้เคียงกับปีนี้ หรือที่จำนวน 112,000 ยูนิต เป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ จำนวน 47,000 ยูนิต และคอนโดมิเนียม จำนวน 65,000 ยูนิต
สำหรับผู้ประกอบการที่มีการเปิดขายบ้านจัดสรรมากที่สุด คือ บริษัทพฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) จำนวนมากถึง 36 โครงการ จำนวน 10,200 ยูนิต รองลงมาคือ บริษัทโกลเด้นท์แลนด์ จำกัด (มหาชน) 13 โครงการ จำนวน 2,700 ยูนิต บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด(มหาชน) 12 โครงการ จำนวน2,500 ยูนิต ส่วนบริษัทที่เปิดขายคอนโดมิเนียมมากที่สุด คือ บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) 5 โครงการ จำนวน 5,800 ยูนิต รองลงมาคือ บริษัท อนันดา จำกัด(มหาชน) 7 โครงการ จำนวน5,600 ยูนิต และบริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) 3 โครงการ จำนวน5,500 ยูนิต
ด้านราคาขายนั้น บ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ ไม่มีราคาที่ต่ำกว่า 1 ล้านบาทเลย ขณะที่ราคา 1-2 ล้านบาทมีสัดส่วนเพียง 14% ซึ่งเฉลี่ยอยู่ที่ราคา 3-5 ล้านบาท ถึง 36% ขณะที่คอนโดมิเนียม นั้นยังพอมีระดับราคาไม่เกิน 1 ล้านบาทอยู่บ้าง ในสัดส่วน 12% ส่วนราคา 1-2 ล้านบาท มีสัดส่วน 30% เป็นที่น่าสังเกตว่า คอนโดมิเนียมหรูเริ่มมีสัดส่วนเพิ่มสูงขึ้น จากการที่ผู้ประกอบการปรับตัว เพื่อพัฒนาที่อยู่อาศัยให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด และกระจายความเสี่ยง ซึ่งตลาดบ้านเดี่ยว ส่วนใหญ่ผู้บริโภคมีความต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยอย่างแท้จริง ไม่ค่อยมีการซื้อเพื่อเก็งกำไร หรือการลงทุนเหมือนคอนโดมิเนียม
ภาพรวมตลาดบ้านมือสองปี 2558 เติบโตมาก โดยเฉพาะทาวน์เฮาส์สะท้อนได้จากตัวเลขการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัย 10 เดือนแรกของปีนี้ ที่อยู่อาศัยที่โอนจากบุคคลธรรมดา รวมทั้งหมด 60,452 หน่วย เติบโตประมาณ 31.1% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยทาวน์เฮาส์ มีการโอนมากที่สุด 24,980 หน่วย และเติบโตมากถึง 62.6% ซึ่งเติบโตมากที่สุดในกลุ่มที่อยู่อาศัยทุกประเภท รองลงมาคือ ห้องชุด 13,191 หน่วย เติบโต 12.6% ตามด้วย บ้านเดี่ยว 12,500 หน่วย เติบโต 13.5% และอื่นๆ 9,781 หน่วย เติบโต 22%
ส่วนตลาดคอนโดมิเนียมมือสองก็มีความคึกคักเช่นเดียวกัน โดย 5 พื้นที่ที่มีการโอนกรรมสิทธิ์จากบุคคลธรรมดา 10 เดือนแรกของปีนี้ ได้แก่ เขตจตุจักร 531 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 994 ล้านบาท รองลงมาคือ เขตคลองเตย 500 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 2,696 ล้านบาท ตามด้วย เขตคลองสาน 195 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 1,107 ล้านบาท เขตคลองสามวา 30 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 11 ล้านบาท และเขตคันนายาว 18 หน่วย คิดเป็นมูลค่าประมาณ 19 ล้านบาท โดยเมื่อเทียบกับเมื่อปีที่แล้ว 5 เขตแรกที่มีการโอน มากที่สุด คือ เขตพระโขนง อำเภอคลองหลวง เขตบางซื่อ เขตห้วยขวาง และเขตบางกะปิ
ขณะที่การโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยจากนิติบุคคล 10 เดือนแรกปี 2558 ทั้งหมดมีจำนวน 83,965 หน่วย ลดลง 9.9% โดยแบ่งเป็น ห้องชุด 39,973 ลดลง 7.7% ทาวน์เฮาส์ 25,644 ลดลง 8.7% บ้านเดี่ยว 11,561 ลดลง 22.2% และอื่นๆ 6,787 ลดลง 2.6%
อย่างไรก็ดี การประกาศใช้ราคาประเมินที่ดินใหม่ในวันที่ 1 มกราคม 2559 จะทำให้ประชาชนเร่งโอนกรรมสิทธิ์จำนวนมากก่อนสิ้นปีเพื่อจะไม่เสียค่าโอนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะช่วงใกล้สิ้นปี ดังนั้นจึงควรโอนก่อนเนิ่นๆ อย่างไรก็ตาม ขอเตือนประชาชนที่เร่งโอนบ้านเพื่อให้ทันรับสิทธิประโยชน์ โดยไม่ได้ตรวจสอบคุณภาพบ้านให้ดีก่อน ระวังจะได้รับบ้านไม่ได้ตามที่สัญญาเอาไว้
ข่าวเด่น