ท่ามกลางการเติบโตอย่างต่อเนื่องของตลาดสมาร์ทโฟนแทบเล็ตในไทย ธุรกิจที่เติบโตตาม ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เสริมหรือ แอคเซสซอรี่ส์ นอกจากอุปกรณ์จำพวกเคสสวยงาม คีย์บอร์ดเสริม หูฟัง อุปกรณ์ต่อพ่วงและอื่นๆ มาให้เจ้าของสมาร์ทโฟนได้ใช้กันแล้ว ผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม “ฟิล์มกันรอยและกระจกกันรอย” เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่เติบโตตาม ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ช่วยถนอมสมาร์ทโฟนไม่ให้เกิดริ้วรอยด่างพร้อย ถือเป็นตลาดที่มีการแข่งดุกันพอสมควร
แม้การแข่งขันจะรุนแรง แต่เจ้าตลาดอย่าง แบรนด์ “Focus” จาก บริษัท ดีพลัส อินเตอร์เทรด จำกัด ก็ยังคงยืนหยัดอยู่ได้อย่างแข็งแกร่ง แถมยังคงโตสวนกระแสในปี 2558 ด้วยยอดขาย 220 ล้านบาท และตั้งเป้าโตต่อเนื่องในปี 2559 อีก 15%
ทั้งนี้ชื่อ “Focus” เป็นที่รู้จักกันดีในตลาดฟิล์มกันรอยสำหรับโทรศัพท์มือถือ สมาร์ทโฟน แทบเล็ต กล้องดิจิตอล เน็ตบุ๊ค โน๊ตบุ๊ค จอคอมพิวเตอร์ นอกเหนือจากแบรนด์อื่น ๆ เช่น USG , SGP, Benks ,Powersupport, SwitchEasy และ HISHIELD แต่ Focus ยังเป็นเบอร์ 1 หรือมีส่วนแบ่งสูงถึง 65% ในตลาดฟิล์มกันรอยที่มีมูลค่าตลาดประมาณ 800 ล้านบาท จากตลาดรวมอุปกรณ์เสริมที่มีอยู่ประมาณ 5,000 ล้านบาท
นายอมรศักดิ์ แดงแสงทอง รองประธานกรรมการฝ่ายการตลาด บริษัท ดีพลัส ฯ เปิดเผยว่า ความจริงภาพรวมตลาดฟิล์มกันรอยและกระจกกันรอยในช่วงที่ผ่านมาเติบโตลดลง เนื่องจากปริมาณการใช้งานเติบโตลดลงตามตลาดสมาร์ทโฟนที่เริ่มชะลอตัว แต่ Focus ยังคงมียอดขายที่เติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2558
ทั้งนี้ สัดส่วนการขายของ Focus โดยรวมแบ่งเป็น ฟิล์มกันรอย 75% กระจกกันรอย 25% กลุ่มกระจกกันรอยมีแนวโน้มที่จะมีสัดส่วนเพิ่มมากขึ้น คาดว่าในปี 2559 จะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 40% เนื่องจากผู้บริโภคให้การตอบรับที่ดีและนิยมใช้งานกระจกกันรอยกันมากขึ้น
สาเหตุเพราะบริษัทผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ นอกจากนี้ ทางดีพลัสฯยังมีช่องทางการจัดจำหน่ายกระจายอยู่ทั่วประเทศเป็นจำนวนมากกว่า 5,000 แห่ง การมีโรงงานผลิตเพื่อควบคุมคุณภาพและความเร็วในการออกผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ รวมถึงมีการสื่อสารแบรนด์โฟกัสกับผู้บริโภคผ่านสื่อและกิจกรรมต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทมีศักยภาพในการแข่งขันมากขึ้น
สำหรับเป้าหมายในปี 2559 Focus ตั้งเป้ายอดขายรวมไว้ที่ 250 ล้านบาท เติบโตประมาณ 15% จากปี 2558 และมุ่งโตในทั้ง 2 ด้าน ทั้งตลาดฟิล์มและกระจกกันรอย โดยเฉพาะในด้านกระจกกันรอย จะเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นอีก เพื่อรองรับตลาดที่จะเติบโตขึ้นในอนาคต รวมถึงแตกไลน์การผลิตให้หลากหลายขึ้น พร้อมให้มีฟังก์ชันพิเศษต่างๆ หลากหลายด้วย เช่น การถนอมสายตาที่เปิดตัวไปแล้วในปี 2558 นี้ กระจกที่รองรับหน้าจอมีขอบโค้งแบบ 3 มิติ กระจกรุ่นบางพิเศษ และกระจกกันรอยแบบด้านที่ช่วยลดแสงสะท้อน รวมถึงพัฒนากระบวนการผลิตฟิล์มและกระจกให้รวดเร็วและรองรับกับรุ่นของสมาร์ทโฟนให้ได้มากที่สุด
นายอมรศักดิ์กล่าวต่อว่า ในเวลาเดียวกันบริษัทยังต้องปรับตัว งัดกลยุทธ์ต่างๆ มาใช้ด้วยท่ามกลางการแข่งขันอย่างรุนแรงในตลาด ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันทางด้านราคา การลอกเลียนแบบผลิตภัณฑ์ รวมถึงการนำเข้าผลิตภัณฑ์ต้นทุนต่ำมาจากจีน
แต่จุดแข็งของ Focus คือ เป็นเจ้าเดียวในประเทศที่มีโรงงานผลิตและควบคุมคุณภาพสินค้าฟิล์มและกระจกกันรอยของตัวเองทุกขั้นตอน
ขายสินค้าคุณภาพก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว ..ต้องจับตาดูเจ้าตลาดฟิล์มกันรอย “Focus” กันต่อไปว่า จะเติบโตได้ดังเป้าที่หวังไว้หรือไม่ …
ข่าวเด่น