"ตลาดชาเขียวพร้อมดื่ม" ถือเป็นอีกหนึ่งกลุ่มสินค้าที่มีความคึกตักอย่างมากในช่วงปี 2558ที่ ผ่านมา เนื่องจากผู้ประกอบการ 2 ค่ายใหญ่อย่างโออิชิ หรืออิชิตัน ก็ต่างออกมาปล่อยกลยุทธ์กู้ยอดขาย ด้วยการเปิดตัวสินค้ารสชาติใหม่ ๆ และออกมาจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการจัดโรดโชว์ หรือการจัดแคมเปญลุ้นโชค แต่กลยุทธ์ดังกล่าวก็ดูเหมือนไม่ได้ช่วยกระตุ้นยอดขายให้เติบโตเป็นไปตามเป้าหมาย เนื่องจากผู้บริโภครู้สึกชินกับการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายในรูปแบบดังกล่าว
นอกจากนี้ ปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัว และการมีเครื่องดื่มใหม่ๆ ออกมาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง ก็ถือเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ผู้บริโภคลดความสนใจกลุ่มผลิตภัณฑ์ชาเขียวพร้อมดื่ม ด้วยเหตุปัจจัยดังกล่าว จึงทำให้ผู้ประกอบการในตลาดชาเขียว จึงต้องออกมากระตุ้นตลาดด้วยการจัดโปรโมชั่นลดราคาสินค้าและทำแคมเปญลุ้นโชค เพื่อสร้างความคึกคักให้กับตลาดและสร้างยอดขาย แม้รู้ดีว่ากลยุทธ์ดังกล่าวจะสร้างยอดขายได้เพียงระยะสั้นเท่านั้น
จากปัจจัยลบที่เกิดขึ้นดังกล่าว ส่งผลให้ภาพรวมตลาดชาเขียวพร้อมดื่มในปี 2558 ที่ผ่านมา ชะลอตัวต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 2 ด้วยการมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 14,400 ล้านบาท เนื่องจากกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมายระดับกลางได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจซบเซาอย่างหนัก จากปกติตลาดชาเขียวพร้อมดื่มในแต่ละปีจะมีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 20%
แม้ว่าปี 2558 ที่ผ่านมา ตลาดชาเขียวพร้อมดื่มจะอยู่ในภาวะชะลอตัว ส่งผลให้ผู้ประกอบการหลายรายต้องทำตลาดอย่างเงียบๆ แต่ในส่วนของ 2 ผู้นำยักษ์ใหญ่อย่างโออิชิ และอิชิตัน ยังคงต้องเดินหน้าต่อไป เพื่อรักษาภาพลักษณ์และตำแหน่งเจ้าตลาดชาเขียวพร้อมดื่มที่แต่ละค่ายต่างเคลมว่าตัวเองเป็นผู้นำในตลาดชาเขียวพร้อมดื่ม
ผู้เล่นรายแรกที่ออกมาเปิดศักราชสู้ศึกชาเขียวในปี 2559 คือ "โออิชิ" ด้วยการพัฒนาสินค้ารสชาติใหม่เข้ามาทำตลาด เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภค ซึ่งในส่วนของกลุ่มเป้าหมายหลักที่ค่ายโออิชิต้องการที่จะเข้าไปทำตลาดสินค้าตัวใหม่ ยังคงเน้นไปที่กลุ่มคนรุ่นใหม่เป็นหลัก
นางเจษฎากร โคชส์ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจเครื่องดื่ม บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาพรวมตลาดชาพร้อมดื่มในปี 2558 ที่ผ่านมา ยังคงอยู่ในภาวะทรงตัว เนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ยังชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ภาพรวมของตลาดชาเขียวพร้อมดื่มในปี 2558 ที่ผ่านมา มีมูลค่าอยู่ที่ 14,400 ล้านบาท ซึ่งจากแนวโน้มเศรษฐกิจในปีนี้ที่คาดว่าจะยังคงชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะส่งผลให้ภาพรวมตลาดชาเขียวพร้อมดื่มในปี 2559 ยังคงอยู่ในภาวะชะลอตัวต่อเนื่องจากปี 2558
แม้ว่าภาพรวมตลาดจะชะลอตัว แต่หากมองไปที่ตัวตลาดรวมชาพร้อมดื่ม ปัจจุบันมีสัดส่วนเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมค่อนข้างมาก เห็นได้จากสัดส่วนของตลาดชาเขียวพร้อดื่มที่ก่อนหน้านี้เคยมีสัดส่วนยอดขายมากถึง 80% ที่เหลือเป็นชาดำ 10% และชาขาว 10% แต่ปัจจุบันชาเขียวมีสัดส่วนยอดขายเพียง 58% เท่านั้น ส่วนที่เหลือเป็นชาสมุนไพร 25% ชารสผลไม้ (ฟรุตที) 15% และชาระดับพรีเมียม 2%
นางเจษฎากร กล่าวต่อว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ตลาดชาเขียวพร้อมดื่ม ถือว่ามีการแข่งขันที่รุนแรงมาก เห็นได้จากการแข่งขันด้านราคาและโปรโมชั่น ซึ่งถึงแม้ว่าจะมีการแข่งขันที่รุนแรง แต่ก็ไม่ได้ส่งผลให้ตลาดชาเขียวพร้อมดื่มมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น และแม้ว่าตลาดชาเขียวพร้อมดื่มจะไม่เติบโต แต่โออิชิ ก็ยังคงเป็นผู้นำในตลาดรวมชาพร้อมดื่มด้วยส่วนแบ่งการตลาดที่ประมาณ 45% ซึ่งในส่วนของชารสผลไม้ถือเป็นเซกเมนต์ที่มีอัตราการเติบโตอย่างก้าวกระโดดสูงสุด ด้วยการมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 18-20% หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,800-2,000 ล้านบาท โดยโออิชิครองตลาดด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดที่ประมาณ 50% และมียอดขายเติบโตสูงกว่าตลาดที่ 38%
จากความสำเร็จที่โออิชิได้รับกับการทำตลาดชารสผลไม้ในปีที่ผ่านมา ส่งผลให้โออิชิเดินหน้าพัฒนาสินค้านวัตกรรมใหม่ๆ ในกลุ่มชารสผลไม้อย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นในการหาสินค้าใหม่ๆ เพื่อเพิ่มการบริโภคในตลาดชาเขียวพร้อมดื่ม
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2559 นี้ โออิชิยังคงวางแผนที่จะเปิดตัวชารสผลไม้เข้าทำตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้มีการเปิดตัวชาเขียวรสชาติใหม่ “โออิชิ องุ่นเคียวโฮ” พร้อมชูจุดเด่น “ชาเขียวเคี้ยวได้” โดยมีการผสมวุ้นเนื้อนุ่มเหนียวเข้าไปในเครื่องชาเขียว เพื่อขยายกลุ่มเป้าหมายไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่ให้มีการบริโภคชาเขียวพร้อมดื่มมากขึ้น โดยกลุ่มเป้าหมายหลักที่โออิชิต้องการทำไปทำตลาดในครั้งนี้ จะเน้นไปที่กลุ่มวัยรุ่นอายุ 15 ปีขึ้นไป ซึ่งมีพฤติกรรมชอบบริโภคสินค้าที่มีความแปลกใหม่และสนุก ทั้งยังมีการตัดสินใจซื้อที่ง่ายและรวดเร็ว
หลังจากเปิดตัวโดยคาดว่าการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ครั้งนี้ โออิชิมั่นใจว่าจะสามารถกระตุ้นให้ตลาดชารสผลไม้ในปี 2559 เติบโตขึ้นได้ไม่ต่ำกว่า 10% ส่วนยอดขายชารสผลไม้ของโออิชิ ได้วางเป้าหมายไว้ว่าจะมียอดขายเติบโตสูงกว่าภาพรวมตลาดชารสผลไม้ และมีส่วนแบ่งตลาดชารสผลไม้ไม่ต่ำกว่า 55%
ปัจจัยที่จะทำให้โออิชิไปถึงเป้าหมายที่วางไว้ โดยเฉพาะการเข้าไปเจาะกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่น คือ การเน้นทำการตลาดออนไลน์มากขึ้น โดยใช้งบประมาณ 25% ของงบการตลาดรวม ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่ใช้ไปเพียง 15% เท่านั้น โดยในส่วนของชาเขียว “โออิชิ องุ่นเคียวโฮ” เบื้องต้นโออิชิได้เตรียมงบประมาณไว้ที่ 70 ล้านบาท สำหรับการสื่อสารแบบครบวงจร เพื่อสร้างการรับรู้และทดลองผลิตภัณฑ์
นอกจากนี้ ยังจะมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายในรูปแบบต่างๆ ทั้งผ่านช่องทางออนไลน์และโรดโชว์ไปยังจุดขายต่างๆ รวมไปถึงการจัดกิจกรรมในสถาบันการศึกษา เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายโดยตรง พร้อมกันนี้โออิชิยังมีแผนที่จะนำสินค้าดังกล่าวเข้าไปทำตลาดในต่างประเทศ เช่น การส่งออกไปยังประเทศลาวและกัมพูชา ซึ่งในส่วนของสินค้าที่จะนำเข้าไปทำตลาดอาจมีการปรับขนาดขวดบรรจุภัณฑ์เป็น 500 มล.ตามพฤติกรรมของผู้บริโภค ในขณะที่การจำหน่ายในประเทศไทยเป็นขนาด 380 มล. ขายราคาขวดละ 15 บาท
นางเจษฎากร กล่าวอีกว่า หลังจากเปิดตัวผลิตภัณฑ์ “โออิชิ องุ่นเคียวโฮ” เข้าทำตลาด ล่าสุดบริษัทได้มีการปรับพอร์ตโฟลิโอสินค้าให้มีความชัดเจนขึ้น ด้วยการยกเลิกสายการผลิตชาเขียวรสพีชและสตรอว์เบอร์รี ทำให้ปัจจุบันในส่วนของชาเขียวมี 3 รสชาติ คือ รสต้นตำรับ รสข้าวญี่ปุ่น และรสเลมอน ขณะที่ชารสผลไม้มี 2 รสชาติ คือ รสลิ้นจี่ และรสองุ่นเคียวโฮ ส่วนแบรนด์ “ฟรุตโตะ” มี 3 รสชาติ คือ รสสตรอเบอร์รีเมลอน รสเลมอนเบอร์รี และรสแอปเปิลเขียวองุ่นขาว
ด้าน นายตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาพรวมตลาดชาเขียวพร้อมดื่มในปีที่ผ่านมาเติบโตในเชิงปริมาณ 2% ซึ่งหมายถึงยังมีผู้ดื่มเพิ่มขึ้น แต่ในแง่มูลค่าติดลบ เนื่องจากตลาดเกิดการแข่งขันด้านราคา ลด แลก แจก แถม อย่างรุนแรง แต่อย่างไรก็ตามบริษัทมั่นใจว่าตลาดชาเขียวปีนี้จะกลับมาเติบโตอีกครั้ง จากการแตกเซ็กเมนต์ชาเขียวใหม่และขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ซึ่งในส่วนของบริษัทก็มีแผนที่จะเปิดตัวสินค้าใหม่เข้าทำตลาดอย่างต่อเนื่องเช่นกัน เพื่อรักษาการเป็นผู้นำในตลาดชาเขียวพร้อมดื่ม
แค่เพียงเดือนแรกตลาดชาเขียวก็เริ่มมีความคึกคักแล้ว คาดว่าหน้าร้อนปีนี้ ตลาดชาเขียวพร้อมดื่มน่าจะมีการแข่งขันกันรุนแรงมากขึ้น ซึ่งกลยุทธ์ที่แต่ละค่ายงัดมาใช้คาดว่าจะยังคงเป็นสินค้ารสชาติใหม่ การลด แลก แจก แถม และการจัดแคมเปญชิงรางวัล
ข่าวเด่น