แม้ว่าตลอดปี 2558 ที่ผ่านมา ผู้ประกอบการในธุรกิจบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจะออกมาทำกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็มีการเปิดตัวสินค้ารสชาติใหม่เข้ามาทำตลาดเป็นระยะๆ นอกจากนี้ ยังมีการดึงดาราชื่อดังมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับสินค้าในแต่ละรสชาติ เพื่อสร้างแรงจูงใจในการบริโภคบะหมี่กึงสำเร็จรูป
แต่เนื่องจากปีที่ผ่านมาผู้บริโภคในระดับรากหญ้ามีกำลังซื้อที่ลดลงมาก เนื่องจากรายได้หลักที่มาจากการขายพืชผลทางการเกษตรไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ เพราะราคาตกต่ำ ประกอบกับสภาพภูมิอากาศก็ไม่เอื้อต่อการทำการเกษตร จึงทำให้ผลผลิตที่ออกมาไม่เป็นไปอย่างที่คาดหวัง ซึ่งนอกจากจะประสบกับปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำแล้ว ปัญหาหนี้สินในครัวเรือนที่อยู่ในระดับที่สูง ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้กลุ่มผู้บริโภคในระดับรากหญ้า ซึ่งถือเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ไม่มีเงินที่จะมาจับจ่ายใช้สอย และหันไปเลือกบริโภคกลุ่มสินค้าอื่นที่มีราคาถูกกว่า
จากผลกระทบที่เกิดขึ้นดังกล่าว ส่งผลให้ภาพรวมตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในปี 2558 ที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโตเพียง 0.4% เท่านั้น ซึ่งถือเป็นอัตราการเติบโตที่ต่ำสุดในรอบ 44 ปี นับตั้งแต่มีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย
นายเวทิต โชควัฒนา กรรมการรองผู้อำนวยการ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาม่า กล่าวว่า ภาพรวมตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของไทยในช่วง 11 เดือนของปี 2558 ที่ผ่านมา มีอัตราการขยายตัวได้เพียง 0.4% เท่านั้น เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2557 หรือคิดเป็นมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 14,576 ล้านบาท
ตัวเลขการเติบโตดังกล่าว ถือเป็นการขยายตัวลดลงต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ต่อจากปี 2557 แต่หากย้อนกลับไปดูตัวเลขการเติบโตของปีดังกล่าวที่มีเศรษฐกิจชะลอตัวเหมือนกัน แต่ตลาดรวมบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปก็ยังมีอัตราการเติบโตดีกว่าเล็กน้อย ด้วยการมีตัวเลขการเติบโตที่ประมาณ 1% เนื่องจากช่วงเวลาดังกล่าวกำลังซื้อของผู้บริโภคในระดับรากหญ้ายังไม่ทรุดหนักเหมือนกับปี 2558
จากตัวเลขของตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในปี 2558 ที่เติบโตต่ำที่สุดในรอบ 44 ปี ส่งผลให้ผู้นำตลาดอย่างบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตรามาม่า มีรายได้เติบโตลดลงไปในทิศทางเดียวกับภาพรวมตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ด้วยการมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 0.4% เท่านั้น หรือคิดเป็นมูลค่ารายได้อยู่ที่ประมาณ 10,000 ล้านบาท
นายเวทิต กล่าวว่า สาเหตุหลักที่ทำให้ตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมีอัตราการเติบโตลดลงต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ต่อจากปี 2557 ปัจจัยหลักมาจากประชาชนในกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ซึ่งถือเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของมาม่ามีกำลังซื้อลดลง เนื่องจากประชาชนกลุ่มดังกล่าวได้รับผลกระทบจากปัญหาราคาสินค้าเกษตรที่ตกต่ำ และปัญหาภัยแล้ง ส่งผลกระทบให้ประชาชนมีเงินในกระเป๋าลดลง เมื่อมีรายได้ลดลงประชาชนกลุ่มนี้ก็จะหันไปบริโภคสินค้าประเภทอื่นที่มีราคาถูกกว่ามาม่า โดยเฉพาะข้าวถุง ที่ในต่างจังหวัดจะมีการแบ่งขายเป็นรายวัน ทำให้ประชาชนสามารถลดต้นทุนในการบริโภคได้ดีกว่าการบริโภคมาม่า
การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคที่เกิดขึ้นดังกล่าว ส่งผลให้ดัชนีการบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย โดยเฉพาะในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นช่วงภาวะเศรษฐกิจตกต่ำมากที่สุด เพราะตามปกติแล้วการบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจะปรับเพิ่มขึ้นหากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ แต่ช่วง 2 ปีที่ผ่านมากลับไม่เป็นเช่นนั้น ทั้งที่ภาพรวมเศรษฐกิจไม่ดี แต่ยอดขายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปก็ไม่ได้ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเหมือนช่วงก่อนหน้านี้
ดัชนีการบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จที่เปลี่ยนแปลงไปดังกล่าว สะท้อนให้เห็นว่าประชาชนผู้มีรายได้น้อย ซึ่งถือเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจอย่างหนัก เนื่องจากราคาสินค้าพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ โดยเฉพาะราคายางพารา
สำหรับภาพรวมตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในปี 2559 นี้ มีการคาดการณ์ว่าน่าจะกลับมาขยายตัวได้ดีขึ้น ด้วยการมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 2% เนื่องจากภาครัฐเริ่มมีการอัดฉีดงบเข้าสู่ระบบผ่านโครงการเมกะโปรเจคต่างๆ ขณะเดียวกันยังมีการออกมาตรการต่างๆ มาช่วยกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภค พร้อมกับให้เงินช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ โดยเฉพาะเกษตรกรที่ทำสวนยางพารา และนาข้าว
นายเวทิต กล่าวต่อว่า ในส่วนของภาพรวมบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตรามาม่า ปี 2559 นี้ คาดว่าจะการขยายตัวได้ดีกว่าภาพรวมตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ด้วยการมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 5% หรือคิดเป็นมูลค่ารายได้ที่ประมาณ 10,500 ล้านบาท เนื่องจากคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจในปีนี้น่าจะทิศทางกลับมาขยายตัวได้อีกครั้ง หลังจากที่ชะลอตัวต่อเนื่องมาก 2 ปีซ้อน รวมทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ และมาตรการเพิ่มขีดความสามารถภาคเอกชนของรัฐบาลน่าจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทยโดยรวมให้กลับมาฟื้นตัวและประชาชนมีกำลังซื้อได้อีกครั้ง
นอกจากนี้ การที่ประเทศไทยก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2558 ที่ผ่านมาน่าจะส่งผลดีต่อภาพรวมของเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะในด้านการท่องเที่ยว เนื่องจากจะมีนักท่องเที่ยวจากกลุ่มประเทศอาเซียนเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น ซึ่งปัจจัยดังกล่าวเชื่อว่าจะส่งผลดีต่อภาพรวมธุรกิจบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปให้มีอัตราการบริโภคที่เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
นายเวทิต กล่าวอีกว่า นอกจากจะได้รับผลดีจากการเปิดเออีซี ด้วยการมีผู้บริโภคในกลุ่มประเทศอาเซียนเข้ามาบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในประเทศไทยเพิ่มขึ้นแล้ว บริษัทยังเชื่อว่าความมีชื่อเสียงของแบรนด์มาม่า จะได้รับอานิสงส์จากการที่นักท่องเที่ยวจากประเทศจีนเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยด้วย เนื่องจากกลุ่มนักท่องเที่ยวดังกล่าวนิยมซื้อมาม่าไว้เป็นของฝากกลับประเทศจำนวนมาก
สำหรับแผนการทำตลาดของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตรามาม่าในปี 2559 นี้ บริษัท สหพัฒน์ ได้มีการเตรียมงบการตลาดมากกว่า 250 ล้านบาท เพื่อใช้ทำกิจกรรมส่งเสริมการขายตลอดทั้งปี 2559 ซึ่งจะทยอยจัดกิจกรรมเป็นระยะๆ ขณะเดียวกันก็จะมีการเปิดตัวสินค้ารสชาติให้เข้ามาทำตลาด เพื่อกระตุ้นความสนใจและกำลังซื้อของผู้บริโภคให้มาซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตรามาม่าบริโภค ซึ่งในส่วนของกิจกรรมแรกที่จัดขึ้นในปี 2559 คือ แคมเปญชิงโชคมาม่า อร่อยออกรถ แจกรถโตโยต้ารีโว่ทุกเดือน แจกทองทุกวัน แจกทองคำ 265 รางวัล
นอกจากนี้ บริษัท สหพัฒนพิบูล ยังมีแผนที่จะรุกขยายตลาดต่างประเทศมากขึ้น เนื่องจากขณะนี้ตลาดในประเทศเริ่มอยู่ในภาวะอิ่มตัว ประกอบกับปัจจุบันมีโรงงานที่ประเทศฮังการี เข้ามาช่วยเสริมกำลังการผลิต เพื่อป้อนตลาดยุโรป จึงทำให้บริษัท สหพัฒนพิบูล เตรียมแผนรุกตลาดต่างประเทศมากขึ้น โดยปีที่ผ่านมาบริษัท สหพัฒนพิบูล มีรายได้จากการส่งออกอยู่ที่ประมาณ 2,000 ล้านบาท เติบโตจากปีที่ผ่านมาประมาณ 9%
ปัจจุบันบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตรามาม่า ยังคงเป็นผู้นำในตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในประเทศไทย ด้วยการครองส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ประมาณ 51% จากมูลค่ารวมประมาณ 14,576 ล้านบาท อันดับ 2 เป็นของแบรนด์ไวไว ครองส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ประมาณ 21% และอันดับ 3 เป็นของแบรนด์ยำยำ ครองส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ประมาณ 20% ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 9% เป็นแบรนด์อื่นๆ ที่อยู่ในตลาด ส่วนภาพรวมปีนี้แบรนด์ไหนจะขยับส่วนแบ่งการตลาดได้กี่เปอร์เซ็นต์ คงต้องรอดูแผนการตลาดว่าจะมีหมัดเด็ดอะไรปล่อยออกมา เพื่อเรียกความสนใจของผู้บริโภคในยามที่เศรษฐกิจฝืดเคือง
ข่าวเด่น