หุ้นทอง
บล.ภัทร เปิดตัว "Phatra Edge" จับกลุ่มคนรุ่นใหม่รายได้สูง ผสานความเชี่ยวชาญการให้คำปรึกษานักลงทุนรายใหญ่สู่กลุ่ม Mass Affluent


บล.ภัทร บริษัทในกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร ขยายฐานลูกค้าสู่กลุ่ม Mass Affluent ด้วยบริการใหม่ “Phatra Edge” ตัวช่วยทุกเรื่องการลงทุน เผย Mass Affluent เป็นกลุ่มคนที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยครอบครองสินทรัพย์กว่า 50% ของโลก และเป็นตลาดคนรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับการวางแผนการเงินส่วนบุคคล

 



 

นางกุลนันท์ ซานไทโว กรรมการผู้จัดการ และหัวหน้าสายงานลูกค้าบุคคล บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “หนึ่งในธุรกิจหลักของ บล.ภัทร คือ ธุรกิจ wealth management หรือการดูแลเรื่องการลงทุนให้กับกลุ่ม High Net Worth (เงินลงทุนมากกว่า 30 ล้านบาท) ซึ่งถือว่าภัทรเป็นผู้ให้บริการอันดับต้นๆ ของประเทศ มีประสบการณ์มากว่า 15 ปี เข้าใจฐานลูกค้ารายใหญ่ผู้มีความมั่งคั่งสูงเป็นอย่างดี ตลอดจนมีความชำนาญและเชี่ยวชาญด้านการลงทุน มีกระบวนการให้คำปรึกษาที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า ซึ่งพบว่าปัจจุบันคนรุ่นใหม่ที่มีรายได้สูงหรือเรียกว่า Mass Affluent (เงินลงทุนตั้งแต่ 2-30  ล้านบาท) เป็นกลุ่มที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยครอบครองสินทรัพย์กว่า 50% ของโลก ซึ่งเป็นกลุ่มที่น่าสนใจ อีกทั้งคนรุ่นใหม่กลุ่มนี้ ได้ให้สำคัญกับการวางแผนการเงินส่วนบุคคลมากขึ้น จึงได้พัฒนาบริการใหม่ที่เรียกว่า “Phatra Edge” หรือที่ปรึกษาวางแผนการลงทุนส่วนบุคคลให้กับกลุ่ม Mass Affluent ภายใต้สโลแกนที่ว่า “Phatra Edge ตัวช่วยทุกเรื่องการลงทุน” ประกอบไปด้วย “เครื่องมือ” และ “คำแนะนำ” เป็นผลรวมที่ผสานกันอย่างลงตัวระหว่างประสบการณ์และความเป็นมืออาชีพในการเป็นที่ปรึกษาการลงทุนของ บล. ภัทร กับความแข็งแกร่งของธนาคารเกียรตินาคินในเรื่องช่องทางดูแลลูกค้ารายใหญ่ ปัจจุบัน บล.ภัทร มีสินทรัพย์ภายใต้คำแนะนำรวมมูลค่า 310,000 ล้านบาท และมีฐานลูกค้ากลุ่ม Mass Affluent อยู่ราว 6,000 ราย  

Phatra Edge จะช่วยให้ลูกค้าไปสู่เป้าหมายของชีวิตได้เร็วและง่ายขึ้น โดยชูจุดเด่นสำคัญ 3 ด้านคือหนึ่งเป็นตัวช่วยจัดระบบการลงทุนแบบส่วนตัว ช่วยในการวางแผนจัดพอร์ตและแนะนำผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล รวมทั้งให้คำแนะนำในการวางแผนการเงิน (Financial Roadmap) ที่ครอบคลุมทั้งการวางแผนภาษี แผนเกษียณ แผนการศึกษาบุตร และแผนการลงทุนภายใต้การดูแลของที่ปรึกษาวางแผนการลงทุน (Investment Advisor: IA) ที่เชี่ยวชาญเรื่องการลงทุน โดยลูกค้าสามารถติดต่อขอคำแนะนำได้ทั้งทางโทรศัพท์หรือนัดหมายเพื่อเข้ารับคำปรึกษาด้วยตนเองได้ที่ KK Investment Hub หรือธนาคารเกียรตินาคินทุกสาขา

ถัดไปคือ Phatra Edge เป็นตัวช่วยด้านการลงทุนที่ให้ความสะดวกสบาย ครบถ้วน ทุกที่ทุกเวลา ลูกค้าสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารด้านการลงทุน ทำธุรกรรมทางการเงินได้อย่างสะดวกสบาย ผ่านระบบออนไลน์ และ Mobile Application รวมทั้งบริการ One Report ที่สรุปภาพรวมของการลงทุนการเติบโตของทรัพย์สินและอัตราผลตอบแทนย้อนหลังไว้ในที่เดียวช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการติดตามและตรวจสอบผลการลงทุน อีกทั้งในอนาคตอันใกล้ ลูกค้า Phatra Edge ที่มีบัญชีเงินฝากของธนาคารเกียรตินาคินยังสามารถใช้บริการในส่วนของ Banking Product ผ่าน Investment Platform ของ Phatra Edge ได้ ซึ่งถือเป็น Platform ที่ตอบโจทย์ทุกเรื่องการลงทุนได้อย่างครบวงจร

สุดท้าย คือ คำแนะนำที่เป็นกลางจากผู้เชี่ยวชาญ ด้วยบทวิเคราะห์จากนักวิเคราะห์คุณภาพที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลและได้รับรางวัลต่อเนื่องทุกปี และด้วย Platform ที่เป็นแบบ Open Architecture จึงมี ผลิตภัณฑ์ทางการเงินให้ลูกค้าเลือกลงทุนหลากหลายชนิดทั้งตราสารทุน ตราสารหนี้ ตราสารอนุพันธ์และกองทุนรวม รวมถึงกองทุนรวมให้เลือกได้หลากหลายจาก 20 บลจ.ชั้นนำ และสำหรับนักลงทุนมือใหม่หรือผู้ที่ต้องการคำแนะนำในการเลือกซื้อกองทุน Phatra Edge ได้จัดทำ Phatra Selected Fund กองทุนรวมแนะนำที่ผ่านการเลือกสรรอย่างเป็นกลางพิจารณาจากผลตอบแทนที่สอดคล้องกับความเสี่ยงในการลงทุนในแต่ละระดับทำให้ลูกค้าสามารถเลือกลงทุนได้อย่างมั่นใจ


 

 

นางกุลนันท์ ซานไทโว กล่าวเพิ่มเติมว่า “กลุ่ม Mass Affluent มีความต้องการบริหารเงินลงทุน โดยเฉพาะกลุ่มคนทำงาน คนที่มีเงินเดือนและฐานภาษีในอัตรา 20% ขึ้นไป คนที่ลงทุนในกองทุนรวม LTF/RMF คนเหล่านี้ต้องการ “ตัวช่วย” ในการให้คำปรึกษาในลักษณะที่เป็น Solution เราจึงพัฒนาระบบและทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อเป็นตัวช่วยทางด้านการเงินให้กับกลุ่มคนเหล่านี้ไปถึงเป้าหมายได้เร็วและง่ายขึ้น”

ทั้งนี้ Phatra Edge ยังเปิดตัวหนังโฆษณาแนวใหม่ด้วยคอนเซ็ปต์ “ตัวช่วยที่ดี พลังการลงทุน ก็เหนือกว่าใคร” ซึ่งถือเป็นมิติใหม่ของหนังโฆษณาของสถาบันการเงิน เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้านักลงทุนยุคใหม่ที่มองหาตัวช่วยที่ดีในการลงทุน รับชมได้ทางสื่อ Online Media ต่างๆ ได้แล้ววันนี้ หรือติดตามชมได้ที่ www.phatraedge.com


อนึ่ง จากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย พบว่าในระบบมีเงินฝากสูงถึงประมาณ 11 ล้านล้านบาท โดยที่ 55% ยังเป็นเงินฝากประจำ ที่เหลือเป็นออมทรัพย์ และปัจจุบันตลาดหุ้นเองค่อนข้างผันผวน และดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาลง อย่างไรก็ตาม กลับพบว่าเงินลงทุนในกองทุนรวมมีสัดส่วนเพิ่มขึ้น สะท้อนว่าคนส่วนใหญ่เมื่อมีเงินมากขึ้นก็จะเริ่มหาการลงทุนในสินทรัพย์ที่ได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 02 ก.พ. 2559 เวลา : 13:17:03
24-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 24, 2024, 4:16 pm