ประกัน
"สาระ" นายกสมาคมประกันชีวิตไทย มองธุรกิจประกันชีวิตไทยปี 59 สดใส เบี้ยประกันรับรวมโต 9% รับผลดีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ


สมาคมประกันชีวิตไทย คาดเบี้ยประกันรับรวมปี 59 โต 9% หรือคิดเป็นเม็ดเงิน 5.85 แสนล้านบาท รับผลดีจากการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ

 

นายสาระ ล่ำซำ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย แถลงแนวโน้มธุรกิจประกันชีวิตไทยปี 2559 ว่าคาดเบี้ยประกันภัยรับรวมปี 2559 จะขยายตัวได้มากกว่าปี 2558 โดยมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 9% หรือเบี้ยประกันภัยรับรวม 585,700 ล้านบาท จากปี 2558 ที่ทำได้ 537,509.7 ล้านบาท หรือเติบโต 6.7% จากปี 2557

โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากภาวะเศรษฐกิจที่มีแรงขับเคลื่อนจากการใช้จ่ายของภาครัฐ และจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบเร่งด่วน ที่ส่งผลให้ผู้บริโภคมีกำลังซื้อประกันชีวิตมากขึ้น

"เศรษฐกิจในปี 2559 มีแนวโน้มขยายตัวได้ในอัตราเร่ง ซึ่งคาดจีดีพีปี 59 จะอยู่ที่ 3.7% และมีช่วงคาดการณ์ที่ 3.2-4.2% โดยปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการภาครัฐ โดยเฉพาะจากโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ อีกทั้งราคาพลังงานที่มีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำ ส่งผลให้กดดันด้านต้นทุนลดลง ช่วยสนับสนุนกำลังซื้อของประชาชนและภาคธุรกิจ"นายกสมาคมประกันชีวิตไทยระบุ

 

 

นายสาระกล่าวต่อไปว่า สำหรับธุรกิจประกันชีวิตไทยในปี 2558 แม้การบริโภคภาคเอกชนจะชะลอตัวจากปัญหาหนี้ครัวเรือน และราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ รวมถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก แต่ประชาชนก็ยังให้ความสำคัญและความจำเป็นในการทำประกันชีวิตและประกันสุขภาพ รวมถึงประกันภัยมากขึ้น ซึ่งภาคธุรกิจต้องแข่งขันการพัฒนาและเสนอขายผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต และเพิ่มช่องทางการขายที่ง่ายและหลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชน

 

 

โดยปี 2558 ที่ผ่านมา ธุรกิจประกันชีวิตยังมีอัตราการเติบโตในเกณฑ์ที่ดี ซึ่งมีเบี้ยประกันภัยรับรวมทั้งระบบอยู่ที่ 537,509.6 ล้านบาท หรือเติบโต 6.7% เมื่อเทียบกับปี 2557 แบ่งเป็นเบี้ยประกันภัยรับใหม่ปี 2558 อยู่ที่ 171,428.2 ล้านบาท หรือเติบโต 0.5% โดยเป็นเบี้ยประกันภัยรับปีแรก 119,699 ล้านบาท หรือเติบโต 10.5% และเบี้ยประกันภัยจ่ายครั้งเดียว 51,729.3 ล้านบาท หรือเติบโตลดลง 17% เบี้ยประกันภัยรับปีต่อไป 366,081.4 ล้านบาท หรือเติบโต 9.9% คิดเป็นอัตราการคงอยู่ของกรมธรรม์ที่ 83%


 

สำหรับปัจจัยที่ส่งผลกระทบที่ทำให้เบี้ยประกันภัยรับรวมปี 2558 มีอัตราเติบโตไม่สูงมาก เมื่อเทียบกับปี 2557 ที่มีอัตราการเติบโตสูงถึง 13.9% เป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวจากปัญหาหนี้ครัวเรือน และอัตราค่าครองชีพที่สูงขึ้น ส่งผลให้กำลังซื้อประชาชนลดลง ทำให้เบี้ยประกันภัยรับปีแรกลดต่ำลง อีกประการหนึ่ง คือ บริษัทประกันชีวิตหลายบริษัทได้ปรับลดนโยบายการขายผลิตภัณฑ์แบบชำระครั้งเดียวลงทำให้เบี้ยประกันภัยจ่ายครั้งเดียวมีอัตราการเติบโตที่ลดลง สำหรับปัจจัยภายในมาจากอัตราการคงอยู่ของกรมธรรม์ฯลดต่ำลง เนื่องจากมีกรมธรรม์ฯที่ครบกำหนดชำระแต่ยังคงมีความคุ้มครองอยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้เบี้ยประกันภัยรับปีต่อไปลดลง


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 18 ก.พ. 2559 เวลา : 07:59:31
20-09-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ September 20, 2024, 4:44 am