แบงก์-นอนแบงก์
LH BANK ผนึกกำลังทั้งเครือ รุกธุรกิจปี59 เต็มสูบ เตรียมเพิ่มทุน โกยยอดสินเชื่อโต 10-15% ตามแผน 3 ปี


LH BANK จ่อเพิ่มทุนปีนี้ รับแผนขยายสินเชื่อ 3 ปี โตปีละ 10-15% เผยกลยุทธ์ปี 59 ปรับโฉมใหญ่ด้านไอที ชูกลยุทธ์รับสังคมดิจิตอล ปูฐานธุรกรรมรายย่อย เน้นความหลากหลายของธุรกิจ ผ่านกลุ่มการเงินแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ "ศศิธร" เอ็มดีเผยผลการดำเนินงานปี 58 กำไรโต 37% หรือ 1,652 ล้านบาท ขณะสินเชื่อด้อยคุณภาพต่ำเพียง 1.89%

 

 

นางศศิธร  พงศธร (ฉัตรศิริวิชัยกุล) กรรมการผู้จัดการ ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (LH Bank) แถลงผลการดำเนินงานปี 2558 ของกลุ่มธุรกิจทางการเงินแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ว่า แม้ภาวะเศรษฐกิจไทยขยายตัวเพียง 2.8% จากปีก่อน แต่ผลการดำเนินงานของธนาคารยังสามารถทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยผลการดําเนินงานปี 2558 บริษัท แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (LHBANK) มีกำไรสุทธิ 1,652 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 37.5% และผลการดำเนินงานของธนาคาร แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) มีกำไรสุทธิ 1,631 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 35.5%

ประการสำคัญหลักๆ ของกำไร มาจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของสินเชื่อ รายได้ค่าธรรมเนียม และกำไรจากเงินลงทุน ตลอดจนการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ จึงทำให้ค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้รวม (Cost-to-Income Ratio) ลดลงจาก 47.0%  ในปีก่อน มาอยู่ที่ 41.5% รวมถึงการมีคุณภาพสินเชื่อที่ดี มีสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) ในระดับต่ำเพียง 1.89% ของเงินให้สินเชื่อรวม และการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญต่อสำรองพึงกันตามเกณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทย เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องอยู่ที่ 180.4% เพื่อสร้างความเข้มแข็งด้านเงินสำรองและเพื่อรองรับความผันผวนทางเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ สินทรัพย์รวม 198,039 ล้านบาท เติบโต 20.2% เป็นผลจากการดำเนินกลยุทธ์ที่มุ่งขยายสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีคุณภาพ โดยสินเชื่อ Corporate ของธนาคารมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจาก 56% ณ สิ้นปี 2557  ขึ้นมาอยู่ที่ 62%  ขณะที่สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยอยู่ที่ 21% และสินเชื่อ SMEs อยู่ที่ 17% ของเงินให้สินเชื่อรวม

ปัจจุบันธนาคารมีสาขาทั้งสิ้น 126 สาขา เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2557 จำนวน  9 สาขา แบ่งเป็นสาขาในพื้นที่กรุงเทพฯ 45 สาขา และสาขาในภูมิภาค 81 สาขา หรือคิดเป็นสัดส่วน 36% และ 64% ตามลำดับ

จากเกณฑ์การดำรงสภาพคล่องใหม่ที่เรียกว่า Liquidity Coverage Ratio (LCR) ซึ่งกำหนดให้ธนาคารพาณิชย์ต้องดำรงสินทรัพย์สภาพคล่องขั้นต่ำที่ระดับ 60% ในปี 2559 และทยอยเพิ่มขึ้นปีละ 10% จนครบ 100% ในปี 2563 ซึ่งธนาคารสามารถดำรงเกณฑ์ LCR อยู่ที่ระดับเกิน 100% ตั้งแต่ปีแรก แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการบริหารสภาพคล่องที่อยู่ในระดับสูงและเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ฝากเงินและลูกค้าของธนาคารได้เป็นอย่างดี อีกทั้งธนาคารได้รับการจัดอันดับเครดิตโดยทริสเรทติ้งที่ระดับ  A- แนวโน้มอันดับเครดิตเป็น “Stable” หรือ “คงที่” แสดงถึงสถานะของกลุ่มธุรกิจทางการเงินแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง

 

นางศศิธร กล่าวเพิ่มเติมว่า ธนาคารคาดว่าเศรษฐกิจไทย ปี 2559 ที่มาจากการลงทุนของภาครัฐจะเริ่มประคองตัวได้ จึงมีแผนปรับโฉมไอทีเพื่อรองรับการทำธุรกรรมด้วยระบบดิจิตอล การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างของลูกค้า การสร้างแบรนด์ LH Bank ให้เกิดการรับรู้ในวงกว้างผ่าน Social Media ต่างๆ เช่น LINE Facebook YouTube  รวมถึงการขยายสาขาเพิ่มอีก 8 สาขา ซึ่งจะทำให้สิ้นปี 2559 ธนาคารจะมีสาขารวมทั้งสิ้น 134 สาขา ที่ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ และธนาคารยังคงร่วมเป็นพันธมิตรกับบริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) (HomePro) ในการขยายสาขาไปในทุกจังหวัดที่ HomePro ตั้งอยู่ รวมถึงพื้นที่ที่มีศักยภาพ เพื่อขยายฐานลูกค้า

ด้าน นายธานี  ผลาวงศ์  ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานเทคโนโลยีสารสนเทศ  กล่าวเพิ่มเติมว่า ธนาคารมีแผนปรับระบบเทคโนโลยี เพื่อรองรับการเป็นธนาคารดิจิตอล (Digital Banking) และเน้นเพิ่มประสิทธิภาพการบริการให้มีศักยภาพในการแข่งขัน อาทิ

- การให้บริการแอพพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือ ที่เรียกว่า LH Bank M Choice Application ที่สามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้สะดวก รวดเร็ว สามารถเช็คยอดเงิน โอนเงิน เติมเงิน ชำระค่าสินค้าและบริการ ดูกองทุน  รวมไปถึงการค้นหาสาขาและตู้เอทีเอ็มของธนาคาร  ซึ่งสามารถใช้บริการได้ทุกวัน ทุกที่ ทุกเวลา โดยธนาคารมีแผนเปิดให้บริการประมาณเดือนพฤษภาคมนี้

- การออกบัตรเดบิตร่วมกับ UnionPay International (UPI) ด้วยเห็นว่าปัจจุบันมีฐานผู้ถือบัตรเดบิต UnionPay อยู่ทั่วโลก และมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น  ธนาคารจึงมีแผนออกบัตรเดบิต LH Bank UnionPay ที่ช่วยตอบโจทย์ในการเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้า นักท่องเที่ยว นักเรียน นักศึกษา และผู้ที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศ ในการเบิกถอนเงินสดหรือซื้อสินค้าจากร้านค้าต่างๆ ได้ทั่วโลก ซึ่งมีแผนเปิดให้บริการประมาณไตรมาส 2 ปี 2559

– การปรับระบบมาตรฐานความปลอดภัยในการเข้าถึงข้อมูลทางการเงินในบัตรอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ได้แก่ บัตร ATM และบัตร Debit จากเดิมเป็นบัตรที่ใช้แถบแม่เหล็ก ซึ่งมีการโจรกรรมเงินโดยการใช้เทคนิค Skimmer คัดลอกบัตรบ่อยครั้ง ธนาคารจึงปรับมาตรฐานความปลอดภัยโดยการเปลี่ยนมาเป็นบัตรแบบ “ชิปการ์ด” (Chip Card) ที่มีความปลอดภัยสูง ป้องกันการปลอมแปลงจากภัย Skimmer  โดยธนาคารจะให้บริการบัตร ATM และ บัตร Debit ในรูปแบบบัตรชิปการ์ด ประมาณเดือนพฤษภาคม 2559

ด้าน นางจันทนา กาญจนาคม  กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์  จำกัด หรือ LH Fund เผยตัวเลขภาพรวมธุรกิจกองทุนภายใต้การบริหารจัดการของบลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ว่ามีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิอยู่ที่ 49,858 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.7 โดยมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ในอันดับที่ 11 ของอุตสาหกรรม และด้วยความชำนาญในการบริหารกองทุนรวม กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ และทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ บลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ สามารถสร้างผลงานบริหารกองทุนได้ดีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกองทุนรวมหน่วยลงทุนอสังหาริมทรัพย์อย่างกองทุนเปิด แอล เอช ไทย พร็อพเพอร์ตี้ (LHTPROP) ที่มีผลการดำเนินงานโดดเด่นและได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นจำนวนมากจนทำให้ต้องเพิ่มขนาดกองทุนและออกกองทุนที่มีลักษณะการลงทุนคล้ายคลึงกันอีก 1 กองทุน  ในปีที่ผ่านมาผลตอบแทนโดยเฉลี่ยของกองทุนย้อนหลัง 3 เดือน  6 เดือน และ 1 ปี อยู่ที่ประมาณร้อยละ 2.95  ร้อยละ 5.26 และ ร้อยละ 13.98  ตามลำดับ

ขณะที่ดัชนีกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (PF&REIT) อยู่ที่ประมาณร้อยละ 1.98 ร้อยละ 0.36 และร้อยละ 5.64 ตามลำดับ

 

นายมนรัฐ ผดุงสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ กล่าวเพิ่มเติมว่าใน 2559 บลจ.จะเดินหน้าขยายขนาดกองทุน โดยตั้งเป้า AUM ให้ได้ประมาณ 70,000 ล้านบาท โดยเน้นบริหารกองทุนในเชิงรุกเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดี มีการกระจายความเสี่ยงการลงทุนด้วยการเพิ่มการลงทุนในต่างประเทศ เพื่อสร้างโอกาสการลงทุนพร้อมผลตอบแทนที่ดีกว่าการลงทุนภายในประเทศ โดยมีปัจจัยที่เกื้อหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในต่างประเทศและผลตอบแทนจากการลงทุนในประเทศที่กำลังมีแนวโน้มลดลง ซึ่งมีแผนออกกองทุนประเภท Feeder Fund เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ลงทุนที่ต้องการเพิ่มช่องทางการลงทุนที่หลากหลายและรับความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้ โดยจะจับจังหวะการลงทุนที่เหมาะสมรวมทั้งคัดเลือกกองทุนต่างประเทศหรือหลักทรัพย์ที่มีศักยภาพการเติบโตสูงหรือกองทุนที่มีประวัติผลการดำเนินงานที่ดีและมีความเสี่ยงในระดับที่เหมาะสม

ทั้งนี้ บลจ. ยังมีความโดดเด่นในด้านการกำหนดความเสี่ยงของประเภททรัพย์สินในแต่ละกองทุนอย่างชัดเจนและให้ความสำคัญต่อการให้คำแนะนำเรื่องการกระจายความเสี่ยง ด้วยการจัดสัดส่วนการลงทุน (Asset Allocation) ให้ลูกค้าเป็นรายบุคคล

ด้าน นายกานต์ อรรถธรรมสุนทร กรรมการผู้จัดการและรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (LH Securities) กล่าวว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยในปี 2558 มีการปรับตัวลดลงค่อนข้างมากถึง -14% จากดัชนีที่ระดับ 1,497.67 จุด ณ สิ้นปี 2557 มาปิดที่ระดับ 1,288.02 จุด ณ สิ้นปี 2558 และมูลค่าการซื้อขายค่อนข้างบางตา

ปี 2558 บริษัทมีการเติบโตของรายได้จากธุรกิจหลักทรัพย์ดีพอควร โดยมีรายได้รวมทั้งสิ้น 93.9 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการทำการตลาดที่มากขึ้น จากการสร้างทีมวิทยากรแนะนำกลยุทธ์การลงทุน (Equity and TFEX Product Specialist) ที่ประสบผลสำเร็จเป็นอย่างมาก ประกอบกับความร่วมมือจากธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ในการขยายฐานไปยังลูกค้าของธนาคาร โดยมีจำนวนบัญชีลูกค้าใหม่ที่เปิดผ่านสาขากว่า 600 บัญชี และมียอดรวมบัญชีลูกค้าถึง 3,400 บัญชี ณ สิ้นปี 2558 ในส่วนของธุรกิจซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า บริษัทได้รับรางวัล TFEX Top IC Awards by Company จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ต่อเนื่อง 3 ไตรมาส และเจ้าหน้าที่การตลาดของบริษัทได้รับรางวัล TFEX IC Star of the Month

กลยุทธ์ปี 2559 บริษัทยังมุ่งเน้นการขยายฐานลูกค้ารายใหม่ พร้อมรักษาฐานลูกค้าเดิม เสริมความแข็งแกร่งของบุคลากรทั้งในด้านปริมาณและคุณภาพ การขยายสาขาอีก 8 สาขา เพื่อให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น การให้บริการผลิตภัณฑ์การลงทุนใหม่ๆ  การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย ซึ่งปัจจุบันมี Campaign “อัดแจกกันแบบไม่ยั้งกับ LHS Loyalty Program” เป็นการสะสมแต้มจากค่าธรรมเนียมการซื้อขาย ยิ่งเทรดมากยิ่งได้มาก  การจัดอบรมให้ความรู้ด้านการลงทุนแก่ลูกค้า เพื่อเพิ่มโอกาสแห่งความสำเร็จในการลงทุนของลูกค้า และการพัฒนาระบบเทคโนโลยีเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า ซึ่งบริษัทต้องการทำให้เทคโนโลยีเป็นส่วนหนึ่งในเกือบทุกฟังก์ชั่นของการทำงาน  การทำการตลาดร่วมกับธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) เพื่อให้ลูกค้าสามารถเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์และอนุพันธ์ผ่านระบบออนไลน์ LH Bank SPEEDY ได้ และระบบการชำระเงินแบบ Bill Payment ซึ่งเป็นระบบการชำระเงินที่สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย และเชื่อถือได้ เป็นต้น

 

นางศศิธร กล่าวเสริมว่า  นอกจากกลยุทธ์การดำเนินงานให้เติบโตอย่างต่อเนื่องแล้ว กลุ่มการเงินแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ยังให้ความสำคัญต่อการพัฒนาบุคลากร โดยการพัฒนาความรู้ความสามารถของพนักงานในทุกระดับอย่างต่อเนื่อง  ตลอดจนยึดมั่นในการประกอบธุรกิจตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีควบคู่ไปกับการ ยึดมั่นในจรรยาบรรณและจริยธรรมธุรกิจ ความรับผิดชอบต่อสังคม การต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น การเคารพสิทธิมนุษยชน การร่วมพัฒนาชุมชนและสังคม การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมอันเป็นการสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม  ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่นำมาซึ่งการที่บริษัทได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 100  บริษัทจดทะเบียน ที่มีความโดดเด่นในการดำเนินธุรกิจด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social and Governance: ESG) จากสถาบันไทยพัฒน์


ส่วนเรื่องการเพิ่มทุนจดทะเบียนในปีนี้ นางศศิธรกล่าวว่า การเพิ่มทุนเป็นหนึ่งในทางเลือกเพื่อรองรับแผนขยายสินเชื่อในอนาคต ซึ่งในช่วง 3 ปีนี้ (2559-2561) ธนาคารตั้งเป้าการเติบโตของสินเชื่อไว้ที่ 10-15% ต่อปี โดยในปีนี้จะเน้นสินเชื่อผู้ประกอบการขนาดใหญ่เป็นหลัก เพื่อรองรับการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของรัฐ

 

เพิ่ม ทุนจดทะเบียนภายในปีนี้ เพื่อรองรับกับแผนขยายสินเชื่อในอนาคต - See more at: http://www.moneychannel.co.th/news_detail/8806/LH-Bank-%E0%B8%88%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%99-%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%81%E0%B8%9C%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD-3-%E0%B8%9B%E0%B8%B5#sthash.OSnr3dXn.dpufศศิธร พงศธร (ฉัตรศิริวิชัยกุล) กรรมการผู้จัดการ ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮาส์ (LH Bank) บอกว่า โอกาสในการเพิ่มทุนครั้งนี้ เป็นหนึ่งในทางเลือกเพื่อรองรับการขยายตัวของสินเชื่อในอนาคต ซึ่งธนาคารตั้งเป้าไว้ที่ 10-15% ต่อปี ในช่วง 3 ปีข้างหน้า หรือระหว่างปี 2559-2561มีโอกาสที่จะเพิ่มทุนจดทะเบียนภายในปีนี้ เพื่อรองรับกับแผนขยายสินเชื่อในอนาคตในทางเลือกเพื่อรองรับการขยายตัวของสินเชื่อในอนาคต ซึ่งธนาคารตั้งเป้าไว้ที่ 10-15% ต่อปี ในช่วง 3 ปีข้างหน้า หรือระหว่างปี 2559-2561

 

 

"การขยายตัวของสินเชื่อในระดับ 10-15% ตามแผน 3 ปี ธนาคารจำเป็นต้องเพิ่มทุนเพื่อรักษาระดับเงินกองทุนขั้นที่ 1 (Teir 1) ให้อยู่ในระดับ 10.5-11% ซึ่งใกล้เคียงกับอุตสาหกรรมที่ 10.5% แต่ถือว่าสูงกว่าข้อกำหนดของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่กำหนดไว้ขั้นต่ำอยู่ที่ 8.5% ในเบื้องต้น มูลค่าของการเพิ่มทุนในครั้งนี้จะอยู่ในระดับพันล้านบาท อย่างไรก็ตาม การหาพันธมัตรทางธุรกิจ เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ธนาคารจะใช้รองรับการเติบโตของสินเชื่อ ซึ่งที่ผ่านมา ธนาคารเองได้พยายามสร้างผลประกอบการให้ดีขึ้นมาโดยตลอด เพื่อให้เป็นที่สนใจ แต่ขณะนี้ยังตอบไม่ได้ว่าจะได้ข้อสรุปเร็วแค่ไหน แต่ในการหาพันธมิตร ธนาคารตั้งเป้าหมายที่จะให้เข้ามาเติมเต็มธุรกิจด้านเทรดไฟแนนซ์เป็นหลัก เพื่อรองรับกับการเปิดประชาคมอาเซียนหรือเออีซี"นางศศิธรกล่าว




 


บันทึกโดย : วันที่ : 18 ก.พ. 2559 เวลา : 09:13:57
10-01-2025
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ January 10, 2025, 1:46 am