อีกไม่กี่เดือนก็จะได้เห็นโฉมใหม่ของศูนย์การค้าสยามดิสคัฟเวอรี่ ซึ่งหลังจากเปิดเซลล์ยกศูนย์การค้าไปเมื่อกลางปี 2558 ที่ผ่านมา ก็ปิดปรับปรุงทันทีภายใต้งบประมาณ 4,000 ล้านบาท
โดยเดือนนี้ก็เข้าสู่เดือนที่ 8 ของการปรับปรุงภาพลักษณ์ใหม่ของศูนย์การค้าสยามดิสคัฟเวอรี่เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งเบื้องต้นบริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด เจ้าของศูนย์การค้าสยามดิสคัฟเวอรี่ได้ออกมาประกาศว่า คนไทยและต่างชาติจะได้เห็นโฉมใหม่ที่จะแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการภายในไตรมาส 2 นี้แน่นอน
สำหรับโฉมใหม่ของศูนย์การค้าสยามดิสคัฟเวอรี่นั้น บริษัท สยามพิวรรธน์ ได้มีการแปลงโฉมให้เป็น ‘The Exploratorium’ ในรูปแบบ Lifestyle Lab ที่เปรียบเสมือนสนามทดลองอันยิ่งใหญ่อันเต็มไปด้วยประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นเร้าใจ เปิดโอกาสให้ลูกค้าทุกคนเข้ามาค้นหา ทดลองไอเดียใหม่ๆ และผสมผสานสไตล์ที่มีอยู่อย่างหลากหลายรูปแบบในสยามดิสคัฟเวอรี่ เพื่อค้นพบตัวตนที่แท้จริงของตนเอง
ซึ่งผู้ที่ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าที่ปรึกษางานออกแบบอาคารและงานออกแบบตกแต่งภายในของสยามดิสคัฟเวอรี่ คือ เนนโดะ (นายโอกิ ซาโตะ) ดีไซเนอร์ชั้นนำของโลกซึ่งได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งใน 100 ชาวญี่ปุ่นที่ได้รับการยอมรับนับถือมากที่สุดโดยนิตยสารนิวส์วีค ขณะที่บริษัท เออร์เบิ้น อาร์คิเทค จำกัด รับหน้าที่ออกแบบสถาปัตยกรรมของโครงการ นอกจากนี้ โฉมใหม่ของสยามดิสคัฟเวอรี่ ยังจะเป็นสถานที่ที่สร้างสรรค์เรื่องราว ตามเทรนด์และความสนใจของคนยุคมิลเลนเนียนผ่านรูปแบบของการนำเสนอสินค้าในพื้นที่ Discovery Lab
ขณะเดียวกันก็จะมีการสื่อสารทางการตลาดและการจัดกิจกรรมต่างๆ ภายในสยามดิสคัฟเวอรี่ โดยให้ลูกค้าเข้ามามีส่วนร่วม เพื่อให้ลูกค้ามีความรู้สึกว่าสยามดิสคัฟเวอรี่เปรียบเสมือนเป็นเพื่อนสนิทที่เชื้อเชิญให้มาร่วมสนุกับกิจกรรมต่างๆ ที่จัดขึ้น
นางชฎาทิพ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า สยาม ดิสคัฟเวอรี่โฉมใหม่ เป็นที่สุดของจุดหมายปลายทางในรูปแบบไฮบริดรีเทลแห่งแรกของประเทศไทย ที่ผสมผสานทั้งด้านสินค้าบริการและกิจกรรมต่างๆ เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตแบบไลฟ์สไตล์ล้ำยุค กับความสนใจในเรื่องนวัตกรรมด้านต่างๆ ของคนรุ่นใหม่ที่ปรารถนาการค้นพบจุดยืนที่แตกต่างของตนเอง
แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องการร่วมมีประสบการณ์ที่แปลกใหม่กับผู้อื่น ซึ่งจากคอนเซ็ปต์ใหม่ที่บริษัทสร้างขึ้นมาจะทำให้สยามดิสคัฟเวอรี่จะไม่ใช่ศูนย์การค้าอีกต่อไป แต่บริษัทกำลังจะสร้างสยามดิสคัฟวเอรี่ให้เป็น “ไลฟ์สไตล์สเปเชี่ยลตี้สโตร์” แห่งแรกของประเทศไทย เป็นสถานที่ที่ถูกเนรมิตขึ้นมาให้เข้าถึงใจของลูกค้าให้มากที่สุด และให้เป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตประจำวันของลูกค้า
จากคอนเซ็ปต์ใหม่ที่บริษัท สยามพิวรรธน์ กำลังสร้างขึ้นมาให้กับสยามดิสคัฟเวอรี่ ส่งผลให้รูปแบบการทำตลาดของสยามดิสคัฟเวอรี่ มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะการบริหารพื้นที่เช่า ซึ่งบริษัท สยามพิวรรธน์ จะเป็นผู้บริหารพื้นที่ขาย 40,000 ตร.ม. ด้วยตัวเองทั้งหมด จากเดิมพื้นที่ดังกล่าวจะถูกปล่อยเช่าให้กับร้านค้าแบรนด์ดัง เนื่องจากบริษัท สยามพิวรรธน์ ต้องการเปลี่ยนแปลงสินค้าให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
นางชฎาทิพ กล่าวต่อว่า บริษัทเรากำลังพลิกวิธีการค้าปลีกรูปแบบเดิมๆ ในอดีตให้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จากที่เคยเป็นการจัดวางสินค้าตามประเภทและตามแบรนด์ ให้กลายเป็นการนำเสนอด้วยการผสมผสานหลายกลุ่มสินค้าตามเรื่องราวและความสนใจของผู้คน เพื่อความสะดวกสบายและความสนุกสนานในการค้นหา นับเป็นคอนเซ็ปต์ค้าปลีกรูปแบบใหม่ที่บุกเบิกวงการ โดยมุ่งเน้นที่จะมอบพลังอำนาจความคิดสร้างสรรค์ให้กับลูกค้า ในการมิกซ์แอนด์แมตช์สินค้าจากหลากหลายแบรนด์และหลากหลายประเภท
นี่คือสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อนในประเทศไทยและในสเกลที่ใหญ่ระดับนี้ ซึ่งบริษัทคาดว่าจะช่วยทำให้รายได้ต่อตารางเมตรของสยามดิสคัฟเวอรี่เพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่าภายในระยะเวลา 1 ปี สำหรับกลุ่มเป้าหมายของสยามดิสคัฟเวอรี่โฉมใหม่นั้น จะเจาะไปที่กลุ่มคนทุกเพศทุกวัยที่มีไลฟ์สไตล์ในแบบคนรุ่นใหม่ (Millennial Generation) ซึ่งจะเป็นกลุ่มคนหัวใจมิลเลนเนียน ซึ่งกลุ่มดังกล่าวถือเป็นกลุ่มที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากในยุคปัจจุบันและในโลกอนาคต
ดังนั้น สยามพิวรรธน์ จึงมีแผนที่จะนำเสนอสินค้าที่จะนำมาจำหน่ายในสยามดิสคัฟเวอรี่ ในทุกระดับราคาที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้จำนวนกว่า 5,000 แบรนด์ แบ่งเป็น ประเภทสินค้าของใช้ในชีวิตประจำวันที่ตอบสนองทุกความต้องการ สินค้านำเทรนด์ ที่ก้าวล้ำทุกกระแสโลก สินค้านวัตกรรมล่าสุดที่มีดีไซน์แปลกใหม่ สินค้าที่ผลิตสร้างสรรค์จากแนวคิดใส่ใจสิ่งแวดล้อมและเพื่อความยั่งยืน (Sustainability) สินค้าในรูปแบบคอลลาโบเรชั่น ที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างแบรนด์หรือองค์กรชื่อดังที่สร้างสรรค์ขึ้นมาโดยเฉพาะ และสินค้า ลิมิเต็ดเอดิชั่น (Collaborative & Limited Collection) จำหน่ายเฉพาะที่สยามดิสคัฟเวอรี่เท่านั้น
นางชฎาทิพ กล่าวอีกว่า ตามกลยุทธ์การเติบโตของบริษัท สยามพิวรรธน์ เรากำลังสร้างจุดหมายปลายทางที่ไม่เคยมีมาก่อนในประเทศไทย ซึ่งสามารถแข่งขันกับจุดหมายปลายทางอื่นที่เป็นสุดยอดของโลกได้ เพื่อช่วยสนับสนุนประเทศไทยให้กลายเป็นสวรรค์ด้านการค้าปลีกและเอ็นเตอร์เทนเม้นต์แถวหน้าของโลก
โดยในส่วนของย่านสยามถือเป็นย่านที่มีนักท่องเที่ยวและคนไทยเข้ามาใช้บริการวันละไม่ต่ำกว่า 4 แสนคน การสร้างโฉมใหม่ให้กับสยามดิสคัฟเวอรี่ในครั้งนี้ จึงถือเป็นการเติมเต็มและสร้างประสบการณ์ที่แปลกใหม่ให้กับย่านสยาม
นอกจากนี้ ยังถือเป็นการสร้างคาแรคเตอร์ที่แตกต่างกันให้กับศูนย์การค้า 3 สยาม โดยในส่วนของสยามดิสคัฟเวอรี่ จะเป็น ‘The Exploratorium’ หรือสนามทดลองของความคิดที่สร้างสรรค์ ส่วนสยามเซ็นเตอร์ จะเป็น ‘ The Ideaopolis’ เมืองแห่งไอเดียที่ล้ำเทรนด์ และสยามพารากอน จะเป็น ‘The Pride of Bangkok’ หรือโครงการแห่งความภาคภูมิใจของคนไทย
หลังจากเปิดใฟ้บริการสยามดิสคัฟเวอรี่โฉมใหม่ ภายในปีแรกบริษัท สยามพิวรรธน์ ตั้งเป้าว่าจะมีผู้มาเยี่ยมเยือนและตกหลุมรักสยามดิสคัฟเวอรี่โฉมใหม่ไม่ต่ำกว่า 100,000 คนต่อวัน เพิ่มขึ้นจากก่อนปิดปรับปรุง ซึ่งศูนย์การค้าสยามดิสคัฟเวอรี่จะมีลุกค้าเข้ามาใช้บริการอยู่ที่ประมาณ 60,000-70,000 คนต่อวัน ในจำนวนนั้นเป็นชาวไทย 65% และเป็นชาวต่างชาติ 35% มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายอยู่ใน ทุกเพศ ทุกวัย เพราะมีการจำหน่ายสินค้าและบริการในทุกระดับราคาสำหรับทุกคน บนพื้นที่กว่า 40,000 ตร.ม. ในอาคาร 8 ชั้น ซึ่งนอกจากจะมีสินค้าที่หากหลายไม่เหมือนใครแล้ว
สิ่งหนึ่งที่บริษัท สยามพิวรรธน์ มั่นใจว่าผู้มาเยี่ยมเยือนจะต้องประทับใจ คือ มุมมองการใช้ชีวิตที่เป็นอิสระ และก้าวล้ำไปข้างหน้า ปฏิเสธที่จะใช้ชีวิตแบบเดิมๆหรือจำเจ ปัจจุบันศูนย์การค้าสยามทั้ง 3 แห่ง มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการรวมกันกว่า 4 แสนคนต่อวัน แบ่งเป็นศูนย์การค้าสยามพารากอน 2.5 แสนคนต่อวัน ศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์ 1-1.5 แสนคนต่อวัน และศูนย์การค้าสยามดิสคัฟเวอรี่หลังปรับปรุงคาด 1 แสนคนต่อวัน
โดยในส่วนของปีที่ผ่านมาบริษัท สยามพิวรรธน์ มีรายได้จากการดำเนินธุรกิจ 3 ศูนย์การค้าเติบโตอยู่ที่ประมาณ 10% ถือเป็นที่น่าพอใจ เนื่องจากมีปัจจัยลบหลายด้านเกิดขึ้น และมีการปิดปรับปรุงศูนย์การค้าสยามดิสคัฟเวอรี่ สำหรับในปีนี้ บริษัท สยามพิวรรธน์ คาดว่าจะมีรายได้รวมเติบโตมากกว่า 10% เพราะมีการเปิดให้บริการสยามดิสคัฟเวอรี่โฉมใหม่
โฉมใหม่ของสยามดิสคัฟเวอรี่ จะช่วยกระตุ้นรายได้ให้กับบริษัท สยามพิวรรธน์ ได้ตามที่วางเป้าหมายหรือไม่ หลังไตรมาส 2 ของปีนี้เป็นต้นไปคงได้เห็นแนวโน้มว่าการฉีกกฎทำธุรกิจศูนย์การค้าของบริษัท สยามพิวรรธน์ ในครั้งนี้จะเป็นการเดินที่ถูกทาง หรือหลงทาง เพราะต้องการสร้างความแตกต่าง แต่จากความสำเร็จที่ได้รับจากโฉมใหม่ของสยามเซ็นเตอร์ ถือเป็นสิ่งการันตีให้ บริษัท สยามพิวรรธน์ มั่นใจว่าเดินมาถูกทาง
ข่าวเด่น