TKS วางเป้ารายได้ปีนี้โต 20% จากปีก่อน หลังตุน Backlog แล้วที่ 1,200 ลบ. "ศิริวรรณ สุกัญจนศิริ" บอสใหญ่ เล็งเห็นโอกาสในการขยายธุรกิจใหม่ และลงทุนในต่างประเทศ ล่าสุดร่วมทุนกับพันธมิตรจากประเทศญี่ปุ่นแล้วโดยบริษัทฯถือหุ้น 51% โดยเริ่มดำเนินการติดตั้งตัวเครื่องจักรในไตรมาส 2/2559 และจะเริ่มมีรายได้เข้ามาในช่วงไตรมาส 2/2559 เชื่อเป็นปัจจัยหนุนภาพรวมธุรกิจให้เติบโตแข็งแกร่งขึ้นในอนาคต นอกจากนี้ได้ร่วมทุนกับนักธุรกิจลาวรับงาน Turn Key ภาครัฐ พร้อมตอกย้ำการเป็นหุ้นปันผลดีอย่างต่อเนื่อง โดยบอร์ดบริษัทฯ ไฟเขียวจ่ายปันผลในงวดครึ่งปีหลังอีกหุ้นละ 0.40 บ. โดยก่อนหน้านี้ได้จ่ายปันผลระหว่างกาลไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท รวมจ่ายเงินปันผลงวดปี 58 ทั้งสิ้น 0.50 บาทต่อหุ้น
นางสาวศิริวรรณ สุกัญจนศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ที.เค.เอส.เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ TKS ผู้ประกอบการธุรกิจงานพิมพ์ครบวงจรรายใหญ่ในประเทศ เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าผลงานปี 2559รายได้เติบโตแตะ 1,650 ล้านบาท หรือเติบโต 20% จากปี 2558 อยู่ที่ 1,368.09 ล้านบาท โดยปัจจุบันมีงานในมือที่รอรับรู้เป็นรายได้อยู่แล้วทั้งสิ้น (Backlog) 1,200 ล้านบาท จะทยอยรับรู้รายได้ทั้งหมดในปีนี้ พร้อมเดินหน้าประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการรักษาอัตรากำไรสุทธิที่ดี ควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และได้วางงบลงทุนในปีนี้ที่ 100 ล้านบาท เพื่อใช้ปรับปรุงเครื่องจักรให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และใช้สำหรับการลงทุนอื่นๆ
ทั้งนี้ แม้สถานการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจในประเทศมีความชัดเจนในทางที่ดีขึ้น แต่มองว่างานโครงการต่างๆ ของภาครัฐบาล การบริโภคในประเทศ และการลงทุนจากภาคเอกชนยังออกมาไม่มากเท่าที่ควร จึงประเมินภาพรวม TKS จะเป็นไปในทิศทางเดียวกับสัดส่วนการเติบโตของลูกค้าในประเทศ ทั้งการขยายสาขาของลูกค้ากลุ่มธนาคาร และการออกโปรโมชั่นต่างๆ รวมถึงกิจกรรมการตลาดของลูกค้ากลุ่ม Discount Store เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มองหาโอกาสจากการลงทุนอื่นๆ เพื่อสนับสนุนให้ TKS เติบโตยิ่งขึ้น โดยในช่วงปลายปีที่ผ่านมา บริษัทฯได้ข้อสรุปในการร่วมทุนกับพันธมิตรจากประเทศญี่ปุ่นแล้ว โดย TKS ได้ให้บริษัทลูก คือ บริษัท เทคโน พริ้นท์ แอนด์ เพ็ค จำกัด ที่บริษัทฯ ถือหุ้นอยู่ 100% เข้าไปถือหุ้นร่วมกับญี่ปุ่น โดยบริษัทฯถือหุ้น 51% โดยเริ่มดำเนินการติดตั้งตัวเครื่องจักรในไตรมาส 2/2559 และจะเริ่มมีรายได้เข้ามาในช่วงไตรมาส 2/2559 ทั้งนี้วางงบลงทุนรวม 100 ล้านบาท คาดว่า 3 ปีจะถึงจุดคุ้มทุนสำหรับธุรกิจนี้ โดยจะร่วมมือกันเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสิ่งพิมพ์บรรจุภัณฑ์เดิมของ บริษัทฯ ให้สามารถขยายตลาดด้านสิ่งพิมพ์บรรจุภัณฑ์ไปยังลูกค้ารายใหม่ๆ หลีกเลี่ยงการแข่งขันในตลาดสิ่งพิมพ์บรรจุภัณฑ์ในประเทศแบบ เดิม ส่วนการเจรจากับพันธมิตรเพื่อนบ้าน สำหรับประเทศที่บริษัทฯ สนใจเข้าไปลงทุนเป็นประเทศแรกคือ สปป.ลาว ในการเข้าไปรับงานสิ่งพิมพ์ปลอดการทำเทียม (แบบพิมพ์ซีเคียวริตี้) แบบTurn Key ของภาครัฐหลังจากนั้นจะขยายไปในประเทศอื่นๆได้แก่กัมพูชาและเมียนมาร์ ตามลำดับ
"ในปีที่ผ่านมา ภาพรวมเศรษฐกิจและการลงทุนต่างๆ ยังไม่ออกมาตามที่เราคาดไว้ จึงต้องติดตามปัจจัยดังกล่าวอย่างใกล้ชิด พร้อมตั้งเป้าหมายรายได้ปี 59 นี้เติบโต 20% หรืออยู่ที่ประมาณ 1,650 ล้านบาท โดยบริษัทฯ วางงบลงทุนปีนี้ไว้ราว 100 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นในส่วนของการร่วมทุนพันธมิตรญี่ปุ่นและที่เหลือใช้ใน การซื้อ เครื่องจักร ปัจจุบันมีงานในมือ (Backlog) 1,200 ล้านบาท จะรับรู้ในปี 2559 ทั้งหมด " นางสาวศิริวรรณ กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทฯ งวดประจำปี 2558 บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 1,368.09ล้านบาท เปรียบเทียบกับปีก่อนอยู่ที่ 1,558.33 ล้านบาท หรือลดลง 12.20 % ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 285.36 ล้านบาท เปรียบเทียบกับปีก่อนอยู่ที่ 270.70 ล้านบาท คิดเป็นการปรับเพิ่มขึ้น 5.41 %
ด้านที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานปี 2558 และกำไรสะสม จากก่อนหน้านี้ได้จ่ายปันผลระหว่างกาลไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท โดยจะจ่ายปันผลในงวดครึ่งปีหลังอีกในอัตราหุ้นละ 0.40 บาท รวมเป็นการจ่ายเงินปันผลในรอบปี 2558 ในอัตราหุ้นละ 0.50 บาท โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) 31 มีนาคมนี้ และกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 19 พฤษภาคม 2559
"ภาพรวมผลงานในปี 2558 มีรายได้เติบโตไม่มากนัก ส่วนกำไรสุทธิเติบโตขึ้น 5.41% จากการได้รับงานโครงการของรัฐบาล รวมทั้งงานพิมพ์พิเศษและแบบพิมพ์ปลอดการทำเทียมซึ่งมีสัดส่วนมาร์จิ้นสูง เข้ามาสนับสนุน พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญในการเป็นหุ้นที่มีการจ่ายปันผลอย่างสม่ำเสมอ โดยบอร์ดบริษัทฯ มีมติจ่ายปันผลเป็นเงินสดในงวดครึ่งปีหลังอีก ในอัตราหุ้นละ 0.40 บาท จากก่อนหน้านี้ได้จ่ายปันผลระหว่างกาลไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท รวมเงินจ่ายปันผลในรอบปี 2558 จำนวน 0.50 บาทตี่อหุ้น" นางสาวศิริวรรณ กล่าว
ข่าวเด่น