นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากการประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2559 ได้มีมติให้นำเสนอในที่ประชุมผู้ถือหุ้น ที่จะจัดในวันที่ 28 เมษายน 2559 เพื่อจะขอให้ที่ประชุมพิจารณาอนุมัติแผนการปรับโครงสร้างกิจการ ซึ่งจะจัดตั้งบริษัท ภายใต้ชื่อ "บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)" โดยมีวัตถุประสงค์หลักคือ เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการขยายธุรกิจไปสู่ธุรกิจใหม่ที่สามารถสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มเสถียรภาพด้านรายได้และกำไรในระยะยาว โดยคาดว่าการปรับโครงสร้างกิจการ จะแล้วเสร็จภายในเดือนพฤศจิกายน 2559
"ทั้งนี้ ในการประชุมของคณะกรรมการบริษัทฯ ที่ประชุมได้รับทราบแนวทางให้บริษัทฯ เกิดการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน โดยได้รับทราบผลของการศึกษาวิเคราะห์จากทีมที่ปรึกษาของบริษัทฯ โดยที่ประชุมได้ร่วมกันพิจารณาแล้ว เห็นว่าข้อเสนอให้ปรับโครงสร้างเป็น Holding Company ครั้งนี้น่าจะเกิดผลดีแก่ผู้ถือหุ้น เพราะบริษัทโฮลดิ้งมีโอกาสในการขยายกิจการไปยังธุรกิจอื่นๆ ที่มีความสามารถในการสร้างรายได้ที่มั่นคงและต่อเนื่อง สร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว โดยผู้ถือหุ้นจะไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากจะมีขั้นตอนในการแลกเปลี่ยนหลักทรัพย์ (หุ้น) ของพฤกษา เรียลเอสเตท กับ พฤกษา โฮลดิ้ง ในอัตราเท่าเดิม คือ 1 ต่อ 1 ในราคาตลาด ณ วันที่มีการแลกเปลี่ยนหลักทรัพย์ (ระยะเวลาเสนอซื้อหลักทรัพย์ประมาณเดือนกันยายน ถึง ตุลาคม 2559)
โดยบริษัทฯ จะประกาศรายละเอียดขั้นตอนการแลกเปลี่ยน และช่วงเวลาที่แน่นอนให้ทราบอีกครั้ง และหลังการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์เสร็จสิ้น พฤกษา โฮลดิ้ง จะเข้าเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในหมวดธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เหมือนเดิม แทน พฤกษา เรียลเอสเตท ที่จะเพิกถอนออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในเวลาเดียวกัน ส่งผลให้ผู้ถือหุ้นเดิมของพฤกษา เรียลเอสเตท จะกลายเป็นผู้ถือหุ้นของ พฤกษา โฮลดิ้ง"
อย่างไรก็ดี ภายหลังการปรับโครงสร้างเป็นโฮลดิ้ง บริษัทฯ จะยังคงประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นหลัก ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการที่จะบริหารภายใต้หลัก CG (ธรรมภิบาล) เหมือนเช่นในปัจจุบัน โดยวาง 3 กลยุทธ์หลัก ที่จะขับเคลื่อนใน 5 ปีข้างหน้า เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการสร้างธุรกิจที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน คือ 1.คงความเป็นผู้นำในตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้ระดับน้อยถึงปานกลาง (Value) 2.เพิ่มส่วนแบ่งการตลาดของบริษัทในตลาดที่อยู่อาศัยระดับบน (Premium) 3.หาโอกาสในการดำเนินธุรกิจใหม่ๆ โดยมุ่งเน้นธุรกิจที่มีความสามารถในการสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง (Recurring Income) ที่มั่นคงและยั่งยืน
ข่าวเด่น