ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องสำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซในประเทศไทย เพราะนอกจากจะมีผู้ประกอบการค้าปลีกหันมาขยายช่องทางจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้นแล้ว ในกลุ่มของผู้ประกอบการรายย่อยที่ผลิตและนำเข้าสินค้าก็ยังขอโดดร่วมเข้าสู่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซกันอย่างคึกคัก ภายหลังเห็นเทรนด์พฤติกรรมการช้อปปิ้งของคนไทยเปลี่ยนไป หลังจากเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตคนไทยมากขึ้น ซึ่งจากแนวโน้มที่เกิดขึ้นดังกล่าว ส่งผลให้ผู้ประกอบการธุรกิจอีคอมเมิร์ซจากต่างประเทศเริ่มทยอยเข้ามาเปิดธุรกิจในประเทศไทย
ลาซาด้า ถือเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการธุรกิจอีคอมเมิร์ซต่างชาติที่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา และประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี เนื่องจากมีสินค้าที่หลากหลาย เพราะนอกจากจะนำสินค้ามาจำหน่ายเองแล้ว ยังเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการขนาดกลาง และขนาดเล็กนำสินค้าเข้ามาจำหน่ายผ่านช่องทางขายของ ลาซาด้า ด้วย โดยปัจจุบัน ลาซาด้า มีช่องทางขายด้วยกัน 2 รูปแบบ คือ เว็บไซต์ [http://www.lazada.co.xn--th%20-7dr3dug/]www.lazada.co.th และแอพพลิเคชั่น Lazada
นอกจากนี้ ในด้านของบริการไม่ว่าจะเป็นการชำระเงิน หรือการจัดส่งสินค้า ลาซาด้า ก็มีบริการอย่างครบวงจร โดยในส่วนของพันธมิตรที่จัดส่งสินค้าปัจจุบัน ลาซาด้า มีมากถึง 8 ราย เพิ่มจากเมื่อ 4 ปีก่อนที่มีพันธมิตรเพียง 1 รายเท่านั้น ขณะที่ช่องทางการชำระเงินก็มีมากกว่า 10 ช่องทาง เพิ่มขึ้นจากช่วง 4 ปีก่อนที่มีเพียง 5 ช่องทางเท่านั้น
จากความหลากหลายของสินค้าที่มีมากกว่า 2.8 ล้านรายการ ส่งผลให้ปัจจุบัน ลาซาด้า กลายเป็นผู้นำธุรกิจอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยไปเป็นที่เรียบร้อย เห็นได้จากช่องทางการสื่อสารกับผู้บริโภคไม่ว่าจะเป็นเฟซบุ๊คที่มีผู้ติดตามมากถึง 14 ล้านคน และไลน์ ที่มีผู้สนใจเข้ามาติดตามรับข้อมูลข่าวสารไม่ต่ำกว่า 13 ล้านคนในประเทศไทย ทำให้ ลาซาด้า ยังคงมุ่งมั่นที่จะตอกย้ำการเป็นผู้นำธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ด้วยการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นการจับมือร่วมกับผู้ค้ารายย่อย หรือพันธมิตรในด้านของบริการต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าที่เข้ามาซื้อสินค้าภายในร้านของ ลาซาด้า
ด้วยศักยภาพตลาดอีคอมเมิร์ซของไทยที่ยังสามารถเติบโตได้อีกมาก ส่งผลให้บริษัทแม่ของ ลาซาด้า เล็งเห็นโอกาสในการขยายธุรกิจในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน ด้วยการตั้งสำนักงานใหญ่ระดับอินเตอร์เนชั่นแนลภายในประเทศไทย หรือ IHQ (internation headquarters) เพื่อเป็นศูนย์กลางทางธุรกิจอีคอมเมิร์ซของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน ขณะที่สำนักงานใหญ่ในประเทศสิงคโปร์ จะเป็นศูนย์กลางของการทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซทั่วโลก หรือ Global headquarters
ปัจจุบัน ลาซาด้า เข้ามาทำธุรกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แล้ว 6 ประเทศ ประกอบด้วย ไทย สิงคโปร์ เวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ ซึ่งประเทศที่สร้างรายได้หลักให้กับภูมิภาค คือ ไทย และอินโดนีเซีย โดยในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาที่ ลาซาด้าได้ทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้ง 6 ประเทศมีการซื้อขายคิดเป็นมูลค่ากว่า 46,000 ล้านบาท
สำหรับในส่วนของประเทศไทย ณ เดือน พ.ย.ปีที่ผ่านมา มีมูลค่าการซื้อขายสินค้าอยู่ที่ประมาณ 10,000 ล้านบาท ถือเป็นมูลค่าที่เติบโตสูง เนื่องจากมีการเพิ่มสินค้าและพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อให้สินค้ามีความหลากหลายและมีบริการที่สะดวกสบายให้กับลูกค้าที่เข้ามาซื้อสินค้าภายในเว็บไซต์ และแอพพลิเคชั่นของ ลาซาด้า
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการฉลองครบรอบการดำเนินธุรกิจ 4 ปีในประเทศไทย ลาซาด้า มีแผนที่จะทำกิจกรรมส่งเสริมการขายในช่วงเดือน มี.ค.นี้ เพื่อเป็นการขอบคุณลูกค้าผ่านแคมเปญ “Birthday Sale! เกิดต้องช้อป” ด้วยการทำโปรโมชั่นซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง สำหรับสินค้าที่ร่วมรายการ นอกจากนี้ยังจะมีการทำแฟลชเซลส์สุดเอ็กซ์คลูซีฟทุก 4 ชั่วโมง และนำสินค้ากว่า 400 ชิ้น ที่นำมาลดราคาล้างสต๊อกโดยเริ่มต้นที่ 40% ทุกวัน ขณะเดียวกันลูกค้ายังจะได้พบกับสินค้าวันละหนึ่งชนิด ในราคาสุดเซอร์ไพรส์เพียง 4 บาท ในช่วงเวลาต่างๆ ระหว่างวันที่ 7 – 14 มี.ค. นี้ พร้อมกันนี้ยังเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้ร่วมเล่นเกมชิงรางวัลจากเว็บไซด์ และโซเชียลมีเดียของลาซาด้า รวมไปถึงการลุ้นรับตั๋วเครื่องบินไปประเทศญี่ปุ่นทันที เมื่อเลือกซื้อสินค้าในเทสโก้ โลตัส บนเว็บไซด์ของลาซาด้า
นายอเล็กแซนดรอ บิสชินี ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร บริษัทลาซาด้า ประเทศไทย กล่าวว่า สินค้าที่จะนำมาทำตลาดผ่านแคมเปญ “Birthday Sale! เกิดต้องช้อป” บริษัทได้มีการเลือกสรรสินค้าไฮไลท์จากหลากหลายหมวดหมู่ สินค้าจากแบรนด์ชั้นนำ และจัดโปรโมชันร่วมกับธนาคาร พันธมิตร และบริษัทด้านการโทรคมนาคม เพื่อสร้างความตื่นเต้นให้กับลูกค้า ซึ่งจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 15 – 18 มี.ค.นี้ ซึ่งลูกค้าสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการเฉลิมฉลองครั้งนี้ได้ ด้วยการเข้าไปที่ http://www.lazada.co.th/birthday-sale หรือแอปพลิเคชันของลาซาด้า บนสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ และไอโอเอส
นอกจากนี้ ลาซาด้า ยังเตรียมเปิดให้บริการใหม่ เพื่อมอบความสะดวกสบายที่เหนือกว่าให้แก่ทั้งผู้บริโภคและผู้ค้าออนไลน์ ด้วยการเปิดตัวบริการชำระเงินออนไลน์ เพื่อช่วยให้การช้อปปิ้งออนไลน์ง่ายขึ้น เช่น การจับมือกับ helloPay บริการจัดส่งสินค้าด่วน และการเปิด Fulfilment Center สำหรับผู้ค้าออนไลน์ โดย ลาซาด้า จะทำหน้าที่เป็นคลังเก็บสินค้า ให้บริการแพ็คและจัดส่งสินค้าให้ถึงมือผู้บริโภค เพื่อลดเวลาในการดำเนินการของผู้ค้าชาวไทย รวมไปถึงการนำฟีเจอร์ Shop in Shop มาใส่ไว้ในแอปพลิเคชันของลาซาด้า เพื่อให้แบรนด์สินค้าสามารถเชื่อมต่อกับผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น
แนวทางการดำเนินธุรกิจดังกล่าว ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ ลาซาด้า ประเทศไทย มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนามาร์เก็ตเพลส เพื่อดึงดูดผู้ค้าให้เข้ามาร่วมกับลาซาด้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งลาซาด้า มาร์เก็ตเพลส เป็นแพลตฟอร์มการขายสินค้าออนไลน์ที่เปิดโอกาสให้ธุรกิจขนาดย่อมและขนาดกลางได้มีหน้าร้านเพื่อจำหน่ายสินค้าให้แก่ผู้บริโภคทั่วประเทศ โดย ลาซาด้า ทำหน้าที่เป็นผู้ให้บริการแก่ผู้ค้าชาวไทยอย่างครบวงจร ตั้งแต่การรับรายการสั่งซื้อสินค้าไปจนถึงการจัดส่งถึงหน้าประตูผู้บริโภค รวมไปถึงการเข้าถึงศูนย์ข้อมูลของลาซาด้าโดยตรง เจ้าของธุรกิจจึงสามารถดูการวิเคราะห์โครงสร้างทางธุรกิจและรายงานผลประกอบการ เพื่อนำไปต่อยอดในการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จได้เป็นอย่างดี
นายอเล็กแซนดรอ กล่าวว่า บริษัทได้เห็นการเจริญเติบโตทางธุรกิจอย่างรวดเร็วโดยธุรกิจเอสเอ็มอีในประเทศไทย ได้ให้ความสนใจใน อีคอมเมิร์ซอย่างเพิ่มมากขึ้น โดยตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมาเราพบพฤติกรรมการช้อปปิ้งออนไลน์ของนักช้อปชาวไทยที่มีการเปลี่ยนแปลงไปโดยหันมาสนใจในโซเชียลมีเดียมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการที่คนไทยมีความคุ้นเคยกับการช้อปปิ้งออนไลน์มากยิ่งขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีคนไทยจำนวนมากหันมาช้อปปิ้งออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชั่น ลาซาด้ายังคงมุ่งมั่นที่จะทำให้การช้อปปิ้งออนไลน์เป็นเรื่องง่ายและสะดวกสบายสำหรับผู้บริโภคทุกคน ในปัจจุบันเรามีผู้ค้าออนไลน์บนแพลตฟอร์มกว่า 8,400 ราย และคาดว่าจะมีจำนวนผู้ค้าออนไลน์เพิ่มขึ้นอีกในอนาคต
ปัจจุบัน ลาซาด้ากรุ๊ป ถือเป็นผู้นำด้านการช้อปปิ้งและแพลตฟอร์มพื้นที่ขายของออนไลน์ ทั้งยังเป็นผู้บุกเบิกอี-คอมเมิร์ซในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้เติบโตอย่างมั่นคงขึ้นอีกปี หลังจากช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ล่าซาด้า มีมูลค่าซื้อขายสินค้าโดยรวมกันที่ 46,000 ล้านบาท จาก 6 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และเวียดนาม
นอกจากนี้ ยังพบว่ายอดขายสินค้าผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน คิดเป็น 60% ของยอดขายทั้งหมดในช่วงสิ้นปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีผู้บริโภคเริ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรมมาสู่การช้อปปิ้งออนไลน์ผ่านสมาร์ทโฟนมากขึ้น โดยมีผู้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันลาซาด้าผ่าน แอนดรอยด์ หรือ ไอโอเอส กว่า 30 ล้านครั้ง ในช่วงที่มีฟีเจอร์ใหม่ รวมไปถึงการมีนักช้อปออนไลน์หน้าใหม่เข้ามาช้อปปิ้งผ่านลาซาด้าอย่างต่อเนื่อง ด้วยแรงดึงดูดจากการจัดโปรโมชั่น
นายอเล็กแซนดรอ กล่าวปิดท้ายว่า ลาซาด้า เป็นห้างสรรพสินค้าออนไลน์ขนาดใหญ่ที่มอบสินค้าให้เลือกสรรกว่า 16 ล้านชิ้น จากร้านค้าขนาดย่อม ขนาดกลาง และแบรนด์สินค้าชั้นนำ ซึ่งจากธุรกิจที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับที่จะเข้ามาขยายสินค้าใน ลาซาด้า โดยในปลายปี 2558 ที่ผ่านมา ลาซาด้า มีศูนย์กลางกระจายสินค้ากว่า 10 แห่งทั่วประเทศ ศูนย์กระจายสินค้าอีกมากกว่า 80 แห่ง และพันธมิตรทางโลจิสติกส์ในท้องถิ่นที่ร่วมมือกับลาซาด้า เอ็กซ์เพรสอีกกว่า 100 บริษัท
หลังจาก ลาซาด้า ออกมาประกาศแผนเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง คาดว่าเป้าหมายที่จะเพิ่มมูลค่าการขายสินค้าให้เติบโตปีละไม่ต่ำกว่า 10% อาจจะน้อยเกินไป เพราะหากมาดูภาพรวมของธุรกิจอีคอมเมิร์ซในไทยที่เติบโตต่อเนื่องปีละไม่ต่ำกว่า 15-20% เช่นเดียวกับปีนี้ ส่งผลให้ปัจจุบันมูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซ ในประเทศไทยมีมูลค่าไม่กว่า 2.3 -2.4 แสนล้านบาท ส่วนปีนี้จะแตะ 3 แสนล้านหรือเปล่าคงต้องรอดูแผนการทำตลาดของผู้ประกอบการธุรกิจอีคอมเมิร์ซแต่ละรายว่าจะมีหมัดเด็ดอะไรมาเรียกลูกค้าให้เข้าไปช้อปปิ้ง
ข่าวเด่น