หุ้นทอง
หลากปัจจัยกดดันแนวโน้มราคาทองคำ'ผันผวน'


 


สถานการณ์ทองคำในตลาดโลกในช่วงรอบสัปดาห์เมื่อ 29ก.พ.-4มี.ค.59 แม้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นค่อนข้างหวือหวา โดยทองคำตลาดนิวยอร์กเมื่อคืน4มี.ค.ที่ผ่านมาสัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. แตะที่ 1,270.70 ดอลลาร์/ออนซ์ ราคาทองคำทำจุดสูงสุดในรอบ 13 เดือน โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐและยังได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
 
 
 

ราคาทองคำในตลาดโลกที่ปรับขึ้นส่งผลต่อราคาทองคำของไทยที่ประกาศราคาโดยสมาคมค้าทองคำ เห็นได้จากรอบสัปดาห์29ก.พ.-4มี.ค.ราคาทองคำในประเทศปรับขึ้นบาทละ500บาทต่อบาททอง (เทียบจากราคาขายทองคำแท่งเมื่อ29ก.พ.อยู่ที่บาทละ20,800บาท กับราคาขายทองคำแท่งเมื่อ4มี.ค.อยู่ที่บาทละ21,300บาท)

ขณะเดียวกันเมื่อเทียบราคาทองคำแท่งต้นปี(เมื่อ2ม.ค.59)ทองคำแท่งรับซื้อคืนที่18,100บาทต่อบาททอง และขายที่18,200บาทต่อบาททอง เทียบกับราคาเมื่อ4มี.ค.ซึ่งทองคำแท่งรับซื้อที่21,200บาทต่อบาททอง และขายที่บาทละ21,300บาทต่อบาททอง ราคาทองปรับขึ้นบาทละ3,100บาทหรือปรับขึ้นถึงประมาณ17%ในช่วงไม่ถึง3เดือน

แต่อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ราคาทองคำในตลาดโลกที่ปรับดังกล่าว กูรูออกมาเตือนในทิศทางเดียวกันว่าราคาทองคำเป็นขาขึ้นแค่ในระยะสั้นๆเท่านั้น!!


****กูรูลุ้นทองในประเทศไปถึง22,500บ.ต่อบาททอง

 
 
"จิตติ ตั้งสิทธิภักดี" นายกสมาคมค้าทองคำ ให้ความเห็นว่า ราคาทองคำมีทิศทางเชิงบวก หากประเมินตั้งแต่ต้นปี(ต้นปี2559)ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นแล้วกว่า 3,050 บาทต่อบาททองคำ เนื่องจากราคาทองคำในตลาดโลกปรับตัวขึ้นมากสูงสุดในรอบ 1 ปี เพราะเศรษฐกิจสหรัฐฯยังย่ำแย่ และมีโอกาสชะลอการขึ้นดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.นี้รวมถึงเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงส่งผลให้นักลงทุนหันมาถือครองทองคำแทน อย่างไรก็ตาม แม้ราคาทองคำโลกจะปรับตัวสูง แต่ราคาทองคำในประเทศอาจไม่เพิ่มขึ้นมากนัก เนื่องจากเงินบาทแข็งค่าขึ้น อย่างไรก็ตามนักลงทุนต้องระมัดระวัง เพราะราคาทองปรับขึ้นมาเร็วและแรง พร้อมกันนี้ นายกสมาคมค้าทองคำยังได้คาดการณ์แนวโน้มราคาทองคำในประเทศ(ทองคำแท่ง)ภายในมี.ค.นี้ มีโอกาสปรับขึ้นไปถึงระดับ 22,500 บาท ต่อบาททองคำ
      
ขณะที่"พิชญา พิสุทธิกุล" อุปนายกสมาคมค้าทองคำ เปิดเผยว่า ประเมินว่าทองคำยังเป็นขาขึ้นระยะสั้น โดยราคาทองคำที่ปรับขึ้นเหนือความคาดหมายในช่วงที่ผ่านมา ปัจจัยหลักมาจากตลาดคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเลื่อนการขึ้นดอกเบี้ยออกไปหลังเศรษฐกิจและตัวเลขสหรัฐหลายตัวออกมาไม่ดีนัก

****หลากปัจจัยกดดันแนวโน้มราคาทองคำ

เรียกได้ว่าแนวโน้มราคาทองคำยังอยู่ในภาวะผันผวน เนื่องจากมีปัจจัยที่เป็นแรงหนุนและปัจจัยกดดันที่ส่งผลต่อความเคลื่อนไหวของราคาทองคำ ซึ่งปัจจัยหลักๆนอกเหนือจากตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ซึ่งเฟดจะมีการประชุมในวันที่ 15-16 มีนาคมนี้ ยังมีปัจจัยจากตัวเลขเศรษฐกิจของจีนและผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี) วันที่ 10มีนาคม
 
 
 
 

นัยยะต่อตลาดทองคำที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ยังไม่สะท้อนความแข็งแกร่งเพียงพอ ทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะยังไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมที่จะถึงนี้ ถือเป็นปัจจัยพยุงต่อทิศทางราคาทองคำ ซึ่งในการประชุมเฟดครั้งนี้(15-16มี.ค.)แม้มีแนวโน้มสูงว่าเฟดจะยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ย แต่ก็น่าจับตามองหลังจากที่เจ้าหน้าที่เฟดแสดงความเห็นขัดแย้งกันในนโยบายการเงินที่เหมาะสมในการตอบรับต่อภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ ด้านหนึ่งเห็นว่าเฟดยังควรใช้ความอดทนต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย  แต่อีกด้านหนึ่งยกอัตราเงินเฟ้อที่มีสัญญาณทวีความเร็วขึ้น และสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

นอกจากนี้ตัวเลขเศรษฐกิจจีนมีผลต่อตลาดทองคำ เห็นได้จากเมื่อเร็วๆนี้ จากตัวเลขข้อมูลการค้าของจีนในเดือนกุมภาพันธ์ที่แย่กว่าที่คาด โดยการส่งออกของจีนในเดือนกุมภาพันธ์ดิ่งลง 20.6% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันในปีก่อน ดิ่งลงมากที่สุดในรอบกว่า 6 ปี และการนำเข้าลดลง8% ทำให้นักลงทุนเทขายสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกประเด็นดังกล่าวสร้างแรงซื้อเข้ามายังตลาดทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย เนื่องจากนักลงทุนกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจโลกอาจได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจจีน          

ขณะที่มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ออกรายงานเตือนว่า การร่วงลงอย่างต่อเนื่องของราคาน้ำมัน และการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน จะเป็นปัจจัยกระทบการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก     และมูดี้ส์ยังได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจในกลุ่ม G20 ลง 0.3% สู่ระดับ 1.8% ในปีนี้
 

ขณะเดียวกันยังต้องจับตาผลการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 10 มีนาคม ประเด็นการประชุมอีซีบีนั้น หากเป็นไปตามที่มีการคาดการณ์ว่านายมาริโอ ดรากี ประธานอีซีบี อาจประกาศผ่อนคลายนโยบายการเงินลงไปอีก ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าจะมีการปรับลดดอกเบี้ยลงอีก -0.1 %(คาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยติดลบเพิ่มขึ้นจาก -0.3% สู่ระดับ -0.4% )หรือขยายวงเงินและระยะเวลาการซื้อสินทรัพย์(QE)ออกไปอีก(จากปัจจุบันใช้ QE ที่ 6 หมื่นล้านยูโร/เดือน) ประเด็นดังกล่าวส่งผลทางลบต่อทิศทางราคาทองคำ โดยกดดันราคาทองผ่านการอ่อนค่าของสกุลเงินยูโร และอาจส่งผลให้แรงขายทำกำไรทองคำเพิ่มขึ้น ในทางตรงกันข้าม มีการมองไว้ถึงกรณีที่อีซีบีไม่ได้มีการผ่อนคลายนโยบายการเงินอีก จะมีผลบวกต่อตลาดทองคำ เนื่องจากเงินยูโรจะแข็งค่าขึ้นมาในช่วงสั้นๆ แต่ตลาดหุ้นถูกเทขายและเงินจะไหลกลับเข้ามาที่ตลาดทองคำ

ความผันผวนของทิศทางราคาน้ำมัน ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่่ส่งผลต่อแนวโน้มราคาทองคำส่งผลให้การลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมีความผันผวนตามไปด้วย ต้องติดตามการประชุมนัดพิเศษระหว่างประเทศสมาชิกในกลุ่มโอเปคและรัสเซียที่จัดขึ้นในช่วงกลางเดือน มี.ค. โดยรัฐมนตรีกระทรวงน้ำมันของเวเนซูเอล่า คาดว่าจะมีผู้ผลิตน้ำมันดิบมากกว่า 15 ประเทศที่จะเข้าร่วมการประชุมเพื่อที่จะหารือถึงการคงระดับกำลังการผลิตเอาไว้เท่ากับเดือน ม.ค. 59 และรักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมันดิบ

ด้วยปัจจัยข้างต้นที่ล้วนมีผลต่อตลาดทองคำ คำเตือนถึงนักลงทุนรับการเริ่มต้นของปีแห่งความผันผวนต้อง"ระมัดระวัง"
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 10 มี.ค. 2559 เวลา : 10:36:06
24-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 24, 2024, 4:43 pm