หลังจากหายไปนาน 1 ปีวันนี้ บิ๊กโคล่า พร้อมแล้วที่จะออกมาเปิดเกมรบในตลาดน้ำอัดลมในประเทศไทย ซึ่งกลับมาครั้งนี้ บิ๊กโคล่า ได้พาภาพลักษณ์ทั้งในด้านของบรรจุภัณฑ์ ฉลาก และโลโก้ มาสร้างสีสันและความแตกต่างจากคู่แข่งในตลาดที่ส่วนใหญ่จะเน้นสีแดงและสีฟ้าเป็นหลัก เนื่องจากการกลับมาของ บิ๊กโคล่า ในครั้งนี้จะใช้สีเหลืองเป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์สินค้า จากเดิมจะเป็นสีดำอึมครึมไม่สดใส
นอกจากนี้ ในวันที่ 15 มี.ค.นี้ บิ๊กโคล่า ยังเตรียมที่จะนำสินค้ารสชาติใหม่ คือ รสสละ มีให้ผู้บริโภคชาวไทยได้ลิ้มลองความอร่อย เพิ่มอีก 1 รสชาติ จากเดิมจะมีเพียงน้ำดำ (โคล่า) น้ำแดง น้ำส้ม น้ำเขียว และน้ำใส เข้าทำตลาดเท่านั้น ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ บิ๊กโคล่า ตัดสินใจเลือก “น้ำสละ” เป็นสินค้ารสชาติใหม่ เพราะเป็นผลไม้ที่คนไทยชื่นชอบและมีการดัดแปลงสละนำไปทำเป็นอาหารและเครื่องดื่มหลากหลายประเภท
นายโซเรน เลาริดเซน ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคเอเชีย และกรรมการผู้จัดการ บริษัท อาเจไทย จำกัด กล่าวว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจนับจากนี้ บริษัทจะใช้กลยุทธ์ 4 หมัดเข้าทำตลาด ประกอบด้วย 1. “บิ๊ก” รสโคล่าสูตรใหม่ 2.“บิ๊ก” โฉมใหม่ 3.“บิ๊ก” ขนาดใหม่ ราคาใหม่ และ 4. “บิ๊ก” โปรโมชั่นสุดยิ่งใหญ่แห่งปี โดยในส่วนของหมัดแรกคือ “บิ๊ก” รสโคล่าสูตรใหม่ เพิ่มอรรถรสในการดื่ม ด้วยการปรับรสชาติให้ซ่าสดชื่นกว่าเดิม เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค
ขณะที่หมัดต่อมา คือ “บิ๊ก” โฉมใหม่ ในปีที่ผ่านมา บริษัท อาเจไทย ได้มีการปรับเปลี่ยนทั้งรูปทรง ขวดใหม่ ฉลากใหม่ ฝาใหม่ ให้กับเครื่องดื่ม “บิ๊ก” ทุกรสชาติ ซึ่งถือเป็นการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้กับแบรนด์ ด้วยการดีไซน์รูปทรงขวดให้ดูทันสมัยขึ้น โค้งมนจับถนัดมือพร้อมลายนูนโลโก้ BIG อันเป็นเอกลักษณ์ที่ตัวขวด นอกจากนี้ ได้นำสีเหลืองมาสร้างการจดจำและเสริมความเป็นเอกภาพทั้งที่ฉลากและฝาขวดใหม่ พร้อมเลื่อนตำแหน่งของฉลากให้มาอยู่ด้านบน ที่จะมาสร้างความโดดเด่นชวนสะดุดตา และยังเข้าถึงคนไทยมากเข้าไปด้วยการเพิ่มฉลากภาษาไทยเข้าไปอีกด้วย
หมัดต่อมา คือ “บิ๊ก” ขนาดใหม่ ราคาใหม่ ซึ่งในส่วนของกลยุทธ์ดังกล่าวตลอดระยะเวลา 12 ปีที่ผ่านมาที่บริษัท อาเจไทย เข้ามาทำตลาดน้ำอัดลมในประเทศไทยได้ยึดถือกลยุทธ์ความคุ้มค่า คุ้มราคา มาโดยตลอด และในปีนี้ได้มีการเปิดตัวสินค้าใหม่ 5 ขนาด เพื่อตอกย้ำกลยุทธ์ ประกอบด้วย ขนาดซิงเกิ้ลเสิร์ฟมา 2 ขนาด คือ 300 มล. ราคา 8 บาท และขนาด 465 มล. ที่เพิ่มปริมาณฟรี 40 มล. ราคา 10 บาท ส่วนขนาดมัลติเสิร์ฟจะมีด้วยกัน 3 ขนาด คือ ขนาด 1.3 ลิตร ปรับราคาเหลือเพียง 22 บาท ขนาด 1.8 ลิตร ราคา 25 บาท เพิ่มปริมาณฟรี 300 มล. จากขนาด 1.5 ลิตร และขนาดใหญ่สุด 3.1 ลิตร ลดราคาขายเหลือเพียง 39 บาท
สำหรับหมัดสุดท้าย คือ “บิ๊ก” โปรโมชั่นสุดยิ่งใหญ่แห่งปี หลังจากปี 2558 ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากกับโปรโมชั่น “ซิ่งไกลถึง...อังกฤษ” พาแฟนบิ๊กผู้โชคดีจากประเทศไทยไปเชียร์ฟุตบอลทีมชาติอังกฤษที่สนามกีฬาเวมบลีย์” ที่ทุบสถิติยอดส่งฝาร่วมรายการสูงสุดในประวัติศาสตร์เท่าที่เคยมีมาของแบรนด์ “บิ๊ก” ในปีนี้ “บิ๊ก” จึงขอตอกย้ำความสำเร็จดังกล่าว ด้วยการส่ง “บิ๊ก” โปรโมชั่นที่สุดแห่งปี 2559 ที่ครบวงจรมาเอาใจผู้บริโภคทุกเพศ ทุกวัย ด้วยตั๋วชมและเชียร์ทีมชาติอังกฤษในศึกฟุตบอลยูโรป 2016 ที่ฝรั่งเศส จำนวน10 รางวัล รถกระบะโตโยต้า รีโว 10 รางวัล รถมอเตอร์ไซค์ฮอนด้า เอ็มเอสเอ็กซ์125 จำนวน 100 รางวัล และโทรศัพท์ซัมซุงโน้ต 5 จำนวน 100 รางวัล รวม 220 รางวัล มูลค่ากว่า 19 ล้านบาท ซึ่งช่วงที่มีการทำแคมเปญโปรโมชั่นดังกล่าวบริษัท อาเจไทย คาดว่าจะมียอดขายเติบโตจากปกติไม่ต่ำกว่า 20%
นายภาณุวัตร แตงงาม ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท อาเจไทย จำกัด กล่าวว่า แรงผลักดันหลักในการคิดค้นแผนการตลาดในครั้งนี้เกิดขึ้นจากการมุ่งความสำคัญกับความต้องการของผู้บริโภคคนไทย เพราะก่อนที่บริษัทจะมีการออกมาประกาศแผนการทำตลาดในปีนี้ บริษัทได้ศึกษาพฤติกรรมความต้องการของผู้บริโภคมาเป็นอย่างดี จึงทำให้บริษัทมั่นใจว่า การปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ของ บิ๊ก ในครั้งนี้ภายใต้แนวคิด “คิดให้ใหญ่...ไปให้สุด” น่าจะได้ผลการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคเป้าหมาย
นอกจากจะให้ความสำคัญในด้านของภาพลักษณ์ผลิตภัณฑ์ และรสชาติของสินค้าแล้ว ในด้านของช่องทางการจัดจำหน่าย บริษัท อาเจไทย ก็ให้ความสำคัญเช่นกันโดยเฉพาะช่องทางจำหน่ายในร้านค้าทั่วไป ซึ่งปัจจุบันมีอยู่กว่า 5 แสนรายทั่วประเทศไทย โดยที่ผ่านมาบริษัท เอเจไทย สามารถนำสินค้ากระจายเข้าไปในช่องทางจำหน่ายได้เพียง 50% เท่านั้น เนื่องจากถูกสกัดโดยคู่แข่งรายใหญ่ในตลาด แต่หลังจากออกมาปรับแผนรุก พร้อมกับเดินหน้าขยายช่องทางการจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง บริษัท อาเจไทย มั่นใจว่าสิ้นปีนี้จะสามารถเพิ่มสัดส่วนช่องทางการจำหน่ายในร้านค้าทั่วไปได้ไม่ต่ำกว่า 75% อย่างแน่นอน
หลังจากออกมาปรับแผนรุกอย่างหนักในปีนี้ บริษัท อาเจไทย คาดว่าสิ้นปี 2559 ผลิตภัณฑ์ “บิ๊ก” น่าจะมียอดขายสินค้าเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% และมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 10% เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ประมาณ 7.6% เป็นอันดับ 4 ในตลาดรวมน้ำอัดลมในประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 40,000 ล้านบาท เติบโตอยู่ที่ประมาณ 8% แต่หากมองในด้านของปริมาณการขายน้ำอัดลมในปี 2558 ที่ผ่านมา จะมียอดขายอยู่ที่ประมาณ 1,663 ลิตร เติบโต 6% เมื่อเทียบกับปี 2557 ที่มียอดขายอยู่ที่ 1,543 ลิตร
ทั้งนี้ ในจำนวนยอดขายดังกล่าว ส่งผลให้ปัจจุบันยอดขายที่มาจากผลิตภัณฑ์น้ำอัดลมใสอยู่ที่ประมาณ 9% น้ำอัดลมสี 25% และน้ำอัดลมดำ หรือโคล่า 66% แต่หลังจากนี้ต่อไปอีก 12 เดือน คาดว่าสัดส่วนยอดขายของน้ำอัดลมสีจะเปลี่ยนไปเป็น 26% น้ำอัดลมใส 8% และน้ำอัดลมดำ หรือโคล่า 66% เนื่องจากผู้ประกอบการในตลาดหันมาให้ความสำคัญกับการทำตลาดน้ำอัดลมสีมากขึ้น
อย่างไรก็ดี หากทุกอย่างเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ บริษัท อาเจไทย มั่นใจว่าภายใน 2-3 ปีนับจากนี้ ผลิตภัณฑ์ “บิ๊ก” จะมีส่วนแบ่งการตลาดขึ้นมาเป็นอันดับ 3 เหมือนเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาอย่างแน่นอน เนื่องจากปัจจุบันผู้บริโภครู้จักแบรนด์ “บิ๊ก” มากขึ้น และมีการกระจายสินค้าครอบคลุมไปยังกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมาย
แม้ว่าจะออกมาประกาศแผนเชิงรุกช้าไปกว่าคู่แข่ง แต่ดูจากกลยุทธ์ที่บริษัท อาเจไทย ประกาศออกมาโดยเฉพาะราคาขายเชื่อว่าจะถูกใจผู้บริโภคมากพอสมควร โดยเฉพาะผู้บริโภคในตลาดต่างจังหวัด เนื่องจากปัจจัยราคาถือเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจซื้อสินค้าในยามที่เศรษฐกิจชะลอตัว และรายได้ในครัวเรือนถดถอย งานนี้ใครจะเพี้ยงพร้ำยอดขายให้กับคู่แข่งบ้าง สิ้นปีเปิดโพยรายได้รู้แน่
ข่าวเด่น