ออกมาประกาศแผนเชิงรุกยาว 5 ปีไปเป็นที่เรียบร้อยสำหรับห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ซึ่งสาขาใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอีก 5 ปีนับจากปี 2559-2563 จะมีทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 14 สาขา ภายใต้งบลงทุนไม่ต่ำกว่า 16,000 ล้านบาท ซึ่งทำเลที่ห้างสรรพสินค้าโรบินสันให้ความสนใจยังคงเป็นทำเลต่างจังหวัด เนื่องจากทำเลในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลหายากขึ้น จึงทำให้ห้างสรรพสินค้าโรบินสันต้องปรับแผนรุกหันไปบุกตลาดต่างจังหวัดแทน ยิ่งเป็นทำเลใกล้กับประเทศเพื่อนบ้านยิ่งให้ความสนใจเป็นพิเศษ เพราะนอกจากจะเจาะกลุ่มลูกค้าในจังหวัดที่เข้าไปเปิดให้บริการ และจังหวัดใกล้เคียงได้แล้ว ยังสามารถขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านได้อีกด้วย
สำหรับรูปแบบที่ห้างสรรพสินค้าโรบินสันจะให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เพื่อนำไปเปิดสาขาใหม่ คือ คอนเซ็ปต์ไลฟ์สไตล์ เนื่องจากคอนเซ็ปต์ดังกล่าวสามารถก่อสร้างได้ทันทีโดยไม่ต้องรอการขยายตัวของศูนย์การค้าขนาดใหญ่ และหากมองในด้านของความคุ้มค่าทางธุรกิจคอนเซ็ปต์ไลฟ์สไตล์ ยังมีความน่าสนใจกว่า เนื่องจากสามารถนำธุรกิจถึงจุดคุ้มทุนได้เร็วกว่าคอนเซ็ปต์ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ โดยในส่วนของคอนเซ็ปต์ไลฟ์จะใช้ระยะเวลาในการถึงจุดคุ้มทุน 5 ปี ขณะที่คอนเซ็ปต์ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์จะใช้ระยะเวลาในการถึงจุดคุ้มทุน 6-7 ปี
นายอลัน ทอมสัน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า งบที่จะใช้ลงทุนสำหรับการเปิดสาขาใหม่และปรับปรุงสาขาเก่าในอีก 5 ปีนับจากนี้ บริษัทคาดว่าจะใช้ไม่ต่ำกว่า 16,000 ล้านบาท โดยในส่วนของสาขาใหม่จะใช้งบลงทุนเฉลี่ยสาขาละ 1,000 ล้านบาท ส่วนการปรับปรุงสาขาเก่าขึ้นอยู่กับแผนการปรับปรุง ซึ่งปีนี้บริษัทมีแผนที่จะเปิดตัวสาขาใหม่ 2 สาขา คือ นครศรีธรรมราช และลพบุรี ขณะเดียวกันจะปรับปรุงสาขาเก่า 4 สาขา คือ พระราม 9, เชียงใหม่ ,ราชบุรี ไลฟ์สไตล์ และจันทบุรี ไลฟ์สไตล์ ซึ่งแต่ละสาขาคาดว่าจะใช้งบปรับปรุงประมาณ 25-100 ล้านบาท
นอกจากจะมุ่งเน้นการปรับปรุงสาขาเดิมที่เปิดให้บริการไปแล้วอย่างสม่ำเสมอ เพื่อตอบโจทย์ความครบวงจรของไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคแล้ว ในปีนี้ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ยังได้มีการพลิกโฉมครั้งใหญ่ให้เป็นคอนเซ็ปต์ ไลฟ์สไตล์ ดีพาร์ทเมนท์ สโตร์ (Lifestyle Department Store) ด้วยการนำเสนอดีไซน์ความเป็น ธีมมอลล์ แฝงด้วยความสนุกสนาน และการตกแต่งบรรยากาศภายในห้างสรรพสินค้าให้มีความสดใส ด้วยการตกแต่งดิสเพลย์ที่จำลองมาจากสตรีท แฟชั่น ที่มีชื่อเสียงทั่วโลก มาเป็นองค์ประกอบหลักในการออกแบบและตกแต่ง โดยได้ทำการรีโนเวทไปแล้ว ได้แก่ สาขารังสิต สาขาแฟชั่นไอสแลนด์ สาขาศรีราชา และสาขาจังซีลอน
ปัจจุบัน ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน มีสาขาทั้งสิ้น 42 สาขา ซึ่งรวมเป็นพื้นที่รวมสุทธิ 661,710 ตารางเมตร มีพนักงานจำนวน 5,219 คน โดยมีการจ้างงาน มากถึง 44,230 คน ในธุรกิจต่างๆ ของโรบินสัน และมีลูกค้าเข้ามาจับจ่ายถึง 2 ล้านคนต่อเดือน ซึ่งหากห้างสรรพสินค้าขยายสาขาได้ตรงตามแผนที่วางไว้ จะทำให้ปี 2563 ห้างสรรพสินค้าโรบินสันจะมีจำนวนสาขาเปิดให้บริการทั้งหมดประมาณ 56 สาขาทั่วประเทศ
สำหรับแผนทำการตลาดในปีนี้ ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน มีแผนที่จะใช้กลยทุธ์ “Initiative Marketing” เพื่อเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ในการทำกิจกรรมส่งเสริมการขายทุกแคมเปญ ซึ่งแต่ละกิจกรรมที่ทำจะมีทั้งการจัดกิจกรรมด้วยตัวเองและการจับมือร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจ เพื่อผลักดันการทำการตลาดให้เหนือกว่าคู่แข่ง
ขณะเดียวกัน ก็จะรุกการทำตลาดในรูปแบบดิจิตอล ด้วยการเพิ่มช่องทางสื่อสารผ่าน Robinson Line Official account เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้ายุคใหม่ เพราะหลังจากเปิดตัวสติกเกอร์ไลน์ของโรบินสันไปเมื่อปี 2558 ที่ผ่านมาพบว่าลูกค้าให้ผลการตอบรับเป็นอย่างดี ดังนั้นในปีนี้ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน จึงมีแผนที่จะต่อยอดกลยุทธ์ดิจิตอลด้วย “Robin Bird” หรือนกโรบิน ซึ่งเปรียบเสมือนตัวแทนของแบรนด์ที่จะเชื่อมโยงแบรนด์ไปยังลูกค้า โดยปัจจุบันมีห้างสรรพสินค้าโรบินสันมีสมาชิกที่ติดตาม Line account ของโรบินสันเพิ่มเป็น 7.5 ล้านราย และในส่วนของ Facebook มียอดจำนวนแฟนเพจ จำนวน 5.4 แสนคน , Instagram มียอด Follower 44.9 หมื่นราย
นายอลัน กล่าวว่า อีกหนึ่งธุรกิจที่บริษัทจะให้ความสำคัญในปีนี้ คือ การเป็นดิสทริบิวเตอร์นำเข้าสินค้าอินเตอร์แบรนด์ เพื่อเพิ่มความหลากหลายและสร้างความแตกต่าง ภายใต้ทิศทาง “Robinson New International Brands for Differentiation” โดยในปี 2558 ที่ผ่านมาบริษัทได้มีการนำเข้าสินค้าแบรนด์ใหม่ 5 แบรนด์เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย ประกอบด้วย Payless ShoeSource (เพย์เลส ชูซอร์ส) ร้านรองเท้าแบรนด์ดังสัญชาติ อเมริกา ในรูปแบบคอนเซ็ปต์ “มัลติแบรนด์ชอป” นำเสนอแฟชั่นรองเท้า แบรนด์ดัง ดีไซน์เก๋ สำหรับทุกคนในครอบครัว ตอนนี้เปิดไปแล้ว 20 สาขา แบรนด์ Claire’s (แคลร์สโตร์) แบรนด์เครื่องประดับและสินค้าแฟชั่นระดับโลก สัญชาติอเมริกา เปิดไปแล้ว 15 สาขา
นอกจากนี้ ยังมีแบรนด์ Baby Shop (เบบี้ ชอป) จากแลนด์มาร์ค กรุ๊ป กลุ่มค้าปลีกยักษ์ใหญ่ใน ตะวันออกกลาง กับร้านรวมสินค้าเด็กครบวงจร ในรูปแบบ “มัลติแบรนด์ ชอป” นำเสนอเสื้อผ้าแฟชั่น, ของเล่น และ เครื่องใช้ทุกประเภทสำหรับเด็ก เปิดไปแล้ว 3 สาขา แบรนด์ Mades Cosmetics (เมดส์ คอสเมติก) ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมและผิวกาย จากประเทศ เนเธอแลนด์ ซึ่งมีวางจำหน่ายในหลายประเทศทั่วโลก โดยได้รับความนิยมมากในโซนยุโรป เป็นผลิตภัณฑ์คุณภาพผ่านการรับรองมาตรฐาน GMP เปิดไปแล้ว 28 สาขา และYVES ROCHER” (อีฟ โรเช)แบรนด์ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ ประสบความสำเร็จติดอันดับขาย ดีที่สุดในฝรั่งเศษ เปิดชอป ใน โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ไปแล้ว 10 สาขา
สำหรับปีนี้ห้างสรรพสินค้าโรบินสันมีแผนที่จะนำเข้าแบรนด์สินค้าเข้ามาทำตลาดเพิ่มเติม เพื่อเสริมความแข็งกร่งให้กับขาธุรกิจอินเตอร์เนชั่นแนลแบรนด์ โดยล่าสุด ได้มีการนำเข้าแบรนด์ แอโรโพสทอล เข้ามาทำตลาดในเมืองไทยเป็นครั้งแรก ด้วยจุดเด่นของแบรนด์ทั้งในแง่ดีไซน์ ที่ตรงกับ เทรนด์ของตลาดและคุณภาพ ในราคาที่คุ้มค่า โดยขณะนี้ได้นำร่องเปิดสาขาแรกไปแล้วที่ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน สาขาแฟชั่นไอส์แลนด์ รังสิต ศรีราชา ชลบุรี และพระราม 9 คาดภายใน 5 ปีนับจากนี้จะขยายสาขาได้ครอบคลุมทั่วประเทศ
นายอลัน กล่าวต่อว่า ในส่วนของการขยายธุรกิจในต่างประเทศภายใต้ชื่อห้างสรรพสินค้าโรบินส์นั้น ขณะนี้ยังไม่มีแผนที่จะขยายเพิ่ม เนื่องจากการนำธุรกิจเข้าไปขยายในแต่ละประเทศต้องทำการศึกษาตลาดเป็นอย่างดีไม่ว่าจะเป็นภาพรวมการแข่งขัน พฤติกรรมผู้บริโภค หรือกฎหมายการเข้าไปทำตลาดของแต่ละประเทศ ดังนั้นในช่วงนี้จึงขอเน้นมำตลาดห้างสรรพสินค้าโรบินส์ ใน 2 สาขา ที่เปิดให้บริการในเมืองโฮจิมินห์ และฮอานอย ในประเทศเวียดนามไปก่อน
หลังจากออกมาเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องห้างสรรพสินคาโรบินสันคาดว่าภายในอีก 5 ปีนับจากนี้ หรือประมาณปี 2563 ห้างสรรพสินค้าโรบินสันจะต้องมีรายได้รวมไม่ต่ำกว่า 35,000 ล้านบาท อย่างแน่นอน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2558 ที่มียอดขายรวมอยู่ที่ประมาณ 25,185 ล้านบาท เติบโตจากปี 2557 ที่ประมาณ 5% ขณะที่กำไรสุทธิมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 2,153.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.7% จากปี 2557 เนื่องจากมีการขยายสาขาใหม่ และทำกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้มียอดขายเติบโตสวนกระแสปัจจัยลบหลายๆ เศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ชะลอตัวในปีที่ผ่านมา
ข่าวเด่น