เศรษฐกิจโลกที่ยังชะลอตัวมาอย่างยาวนาน ได้เริ่มส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยมากขึ้นตามลำดับ โดยเฉพาะประชาชนที่มีรายได้น้อย ซึ่งม.ล. ปุณฑริก สมิติ ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวถึงสถานการณ์ด้านแรงงานในช่วงที่ผ่านมาว่าแนวโน้มการว่างงานยังต้องติดตาม เนื่องจากตัวเลขของผู้ขอรับผลประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานในระบบประกันสังคมในเดือนก.พ.2559 มีจำนวน 123,087 คน มีอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้น 25.58% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปี 2558 และเพิ่มขึ้น 7.83% เมื่อเทียบกับเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา ที่มีจำนวนผู้ขอรับเงินทดแทน 114,150 คน
โดยในจำนวนดังกล่าวมีผู้ที่ขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานจากการเลิกจ้าง เดือน ก.พ.2559 อยู่ที่ 7,915 คน มีอัตราการเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 26.06% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2558 แต่ภาพรวมยังถือว่าการเลิกจ้าง 26.06% ยังต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ย 3 ปี ในช่วงเศรษฐกิจมีเสถียรภาพ ซึ่งอยู่ที่ 41.01%
ซึ่งขณะนี้แนวโน้มภาพรวมในตลาดแรงงา น การจ้างงาน ว่างงาน และการเลิกงานยังถือว่าอยู่ในภาวะปกติจากการเฝ้าระวังสถานการณ์จากระบบเตือนภัยด้านแรงงาน โดยใช้ดัชนีชี้นำทางเศรษฐกิจในรูปแบบดัชนีผสม 13 ตัว ส่งสัญญาณด้านการจ้างงานในสภาพปกติอยู่ในเกณฑ์สีเขียว ซึ่งถ้าไม่เกิน 5 ตัวจะแสดงภาวะปกติ ซึ่งมีเพียงดัชนี 1 ตัว คือ มูลค่าการส่งออกที่ชะลอตัว
ส่วนแนวโน้มการว่างงานจากระบบเตือนภัยด้านแรงงานซึ่งอาศัยข้อมูลการว่างงานผู้มีงานทำภาคเอกชนของสำนักงานสถิติแห่งชาติแสดงสถานะปกติ แนวโน้มการเลิกจ้าง จากระบบเตือนภัยด้านแรงงาน ซึ่งอาศัยข้อมูลการแจ้งและตรวจพบจากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ก็ยังแสดงสถานะปกติ
แต่กระทรวงแรงงานได้ให้ส่วนราชการในพื้นที่ทุกจังหวัดติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์ด้านแรงงานโดยให้รายงานเฝ้าระวังสถานการณ์ด้านแรงงานทุกเดือน รวมถึงจับตาแนวโน้มและสัญญาณตัวเลขการเลิกกิจการการเลิกโรงงานและความเคลื่อนไหวของการจ้างงานของธุรกิจทุกขนาดในพื้นที่จังหวัดอย่างใกล้ชิดพร้อมจัดทำทะเบียนกลุ่มเสี่ยงเพื่อป้องกันปัญหาและสามารถให้คำแนะนำช่วยเหลือแก้ไขได้ทันท่วงที
สถานการณ์การเลิกจ้างแรงงานที่เพิ่มขึ้น ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในประเทศเท่านั้น แต่ในต่างประเทศก็มีทิศทางไม่ต่างกัน โดยหนังสือพิมพ์วอลสตรีท เจอร์นัล เปิดเผยว่า ปี 2558 ถือเป็นปีที่สิงคโปร์ปลดพนักงานออกครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจโลกปี 2552 เนื่องจากภาวะราคาพลังงานตกต่ำ โดยเฉพาะพนักงานในกลุ่มบริษัทสำรวจและขุดเจาะพลังงานนอกชายฝั่งและบริษัทด้านการเดินเรือ
ทั้งนี้ในปีที่ผ่านมา มีการปลดพนักงานในภาคการผลิตไปแล้วกว่า 5,200 อัตรา หรือเพิ่มขึ้นจากปี 2557 ถึง 22% คิดเป็นพนักงาน 1,680 อัตรา ในบริษัทผู้ผลิตสินค้าที่ทำจากโลหะประดิษฐ์ เครื่องจักร และอุปกรณ์ รวมถึงแท่นขุดเจาะน้ำมันด้วย โดย เซมบ์คอร์ป มารีน บริษัทอู่ต่อเรือขนาดใหญ่ของสิงคโปร์ ปลดพนักงานราว 3,000-4,000 อัตรา ขณะที่ ไรวัล เคปเปล คอร์ป บริษัทแท่นขุดเจาะน้ำมันรายใหญ่ ปลดพนักงานกว่า 6,000 อัตรา
ข่าวเด่น