บริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ “PACE” ผู้พัฒนา “มหานคร” โครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับไฮเอนด์ เปิดตัว โครงการมหาสมุทร วิลล่า หัวหิน บ้านพักตากอากาศที่ผสานความลักชัวรี่และการพักผ่อนอย่างลงตัว พร้อมวิวมหาสมุทร ลากูน ทุกหลัง เจ้าของวิลล่าและครอบครัวรับสิทธิ์ในการเข้าใช้บริการของ “มหาสมุทร คันทรี่ คลับ” ทุกประเภทตลอดชีพ สนนราคาเริ่มต้นที่ 50 ล้านบาท พร้อมเข้าอยู่ ไตรมาส 4 ปี 2559
นายสรพจน์ เตชะไกรศรี ประธานเจ้าหน้าบริหาร บมจ. เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า ปัจจุบันการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ในหัวหินมีการเติบโตอย่างมาก เนื่องจากเป็นเมืองตากอากาศยอดนิยมที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ สะดวกด้วยการเดินทางโดยรถยนต์เพียง 2-3 ชั่วโมง
หัวหินจึงเป็นเมืองที่ตอบโจทย์การลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับโลกของ PACE ที่เจาะกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์ โดยจุดเด่นของโครงการมหาสมุทร วิลล่าที่แตกต่างจากโครงการบ้านพักตากอากาศอื่นๆ ในหัวหิน คือ วิลล่าทุกหลังตั้งอยู่ติดกับลากูนขนาดใหญ่ และเจ้าของวิลล่าและครอบครัวมีสิทธิในการใช้บริการมหาสมุทร คันทรี่ คลับ ซึ่งเป็นคลับที่ให้บริการด้านกีฬา สังคม ความบันเทิง มาตรฐานระดับเวิลด์คลาส ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่บริเวณเดียวกันรวมกว่า 130 ไร่
“มหาสมุทร” ประกอบด้วย “โครงการมหาสมุทร วิลล่า” ซึ่งเป็นไพรเวท ลักชัวรี่ วิลล่า จำนวน 80 หลัง และ “โครงการมหาสมุทร คันทรี่ คลับ” ไพรเวทคันทรี่ คลับแห่งแรกในหัวหิน ที่ให้บริการเฉพาะสมาชิกเท่านั้นซึ่งได้เปิดตัวไปก่อนหน้าเมื่อปี 2558
“เราต้องการสร้างความแตกต่างให้กับเมืองหัวหิน ด้วยการนำองค์ประกอบระดับโลก ทั้งคันทรี่ คลับ มาตรฐานระดับโลก และลากูนแมน-เมดสีเทอร์ควอยซ์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย รวมถึงบ้านพักตากอากาศริมทะเลสาบสไตล์รีสอร์ทลักชัวรี่รวมอยู่ในที่เดียว ซึ่งเจ้าของวิลล่าจะได้สัมผัสรูปแบบการพักผ่อนอย่างแท้จริงจากทั้ง 3 องค์ประกอบอย่างเต็มที่” นายสรพจน์กล่าว
“มหาสมุทร วิลล่า” จะเป็นบ้านเพื่อการพักผ่อนอย่างแท้จริง โดยรูปแบบวิลล่าได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด “Relaxing Luxury Home” ที่ให้ความรู้สึกของการพักผ่อนแต่ยังคงกลิ่นอายของความลักชัวรี่ที่เรียบง่ายและอบอุ่น โดยการออกแบบทั้งภายนอกและภายในได้รับอิทธิพลของบ้านสไตล์ Japanese Modern Living ที่เน้นความเรียบง่ายแบบเซนแต่แฝงด้วยรายละเอียดและความเรียบหรู
โดยคุมโทนสีด้วยการเลือกใช้วัสดุไม้สีอ่อนให้ความอบอุ่นและผ่อนคลายเสมือนบ้าน มอบเพดานสูงเน้นความโปร่งสบาย เปิดรับแสงธรรมชาติ ผนังและหน้าต่างกระจกความสูงจากพื้นจรดฝ้า เพิ่มความโปร่งและมอบทิวทัศน์ที่สวยงามของ “มหาสมุทร ลากูน” ตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาเยือนตัวบ้าน
การออกแบบพื้นที่ใช้สอยจะให้น้ำหนักกับส่วนห้องนั่งเล่นและห้องครัวเกือบ 50% ของพื้นที่ตัวบ้าน เนื่องจากเป็นศูนย์รวมของทุกคนในบ้าน และเป็นพื้นที่สำหรับการทำกิจกรรมร่วมกัน โดยจะเปิดให้เห็นวิวมหาสมุทร ลากูน ตลอดความยาวของตัวบ้าน เพราะเป็นไฮไลท์สำคัญของมหาสมุทร วิลล่า
โดยพื้นที่บริเวณเทอร์เรซหน้าบ้านซึ่งติดกับลากูนยังมีความกว้างเป็นพิเศษถึง 3.3 เมตร (ขึ้นอยู่กับขนาดที่ดินและแบบของตัวบ้าน) ที่นอกจากจะไว้สำหรับนั่งรับลมชมวิวมหาสมุทร ลากูนแล้ว ยังสามารถปรับเป็นลานกิจกรรมเอ้าท์ดอร์ของสมาชิกทุกคนในบ้านได้อีกด้วย
มหาสมุทร วิลล่า มีให้เลือก 4 แบบ ตามดีไซน์ของหลังคา และลักษณะของพื้นดิน ได้แก่
• วิลล่าไทรแองเกิล (Villa Triangle)
• วิลล่าไทรแองเกิล ออน สโลป (Villa Triangle on Slope)
• วิลล่าเกเบิล (Villa Gable)
• วิลล่าเกเบิล ออน สโลป (Villa Gable on Slope)
โดยวิลล่าแต่ละหลังประกอบด้วย 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ และห้องแม่บ้าน พร้อมที่จอดรถ 3 คันในราคาเริ่มต้น 50 ล้านบาท
ทั้งนี้ โครงการมหาสมุทรทั้งมหาสมุทร คันทรี คลับและวิลล่ามูลค่ารวม7พันล้านบาท
“สำหรับการดำเนินการก่อสร้างวิลล่า PACE ได้ร่วมมือกับ บริษัท ไทยโอบายาชิ จำกัด บริษัทก่อสร้างจากประเทศญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงด้านมาตรฐานการก่อสร้างและความเรียบร้อยอันดับต้นๆ ของเมืองไทย จึงมั่นใจได้ว่าทุกรายละเอียดของวิลล่าจะได้รับการดูแลและก่อสร้างที่ได้มาตรฐานอย่างแน่นอน โดยคาดว่าจะสามารถสร้างวิลล่าเสร็จและพร้อมโอนภายในไตรมาสที่ 4 ปี 2559 เป็นต้นไป”
ด้านยอดขายวิลล่าและสมาชิกคันทรี่ คลับ โดยหลังจากการจัดงานเอ็กซ์คลูซีฟ พรีวิว “The Sound Of MahaSamutr” เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ผลตอบรับด้านการรับรู้แบรนด์เพิ่มขึ้น มีผู้สนใจติดต่อสอบถามข้อมูลเข้ามาเป็นจำนวนมาก โดยปัจจุบันมียอดขายวิลล่าประมาณ 40%
อย่างไรก็ตาม มหาสมุทร คันทรี คลับให้บริการสมาชิกเท่านั้นโดยมีอัตราค่าสมาชิกแรกเข้า 500,000บาทบาทต่อคน ค่าธรรมเนียมรายปี24,000บาท สามารถรับสมาชิกเข้ามาใช้บริการได้ถึง10,000ราย ซึ่งขณะนี้ตั้งแต่เปิดรับสมาชิกมีเข้ามาสมัครแล้ว200-300ราย
นอกจากโครงการมหาสมุทร ปัจจุบัน PACE มีโครงการที่พักอาศัยที่อยู่ระหว่างการพัฒนาอีก 2 โครงการ ได้แก่ เดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน เรสซิเดนเซส บางกอก ในโครงการมหานคร และโครงการนิมิต หลังสวน โดยมีมูลค่าส่วนที่พักอาศัยของทั้งสามโครงการรวม 22,000 ล้านบาท ที่สามารถจะทยอยรับรู้รายได้ในอีกสามปีนับตั้งแต่ปีนี้ (2559-2561) และขณะนี้บริษัทฯ มียอดขายรอโอน (backlog) มูลค่า 14,000 ล้านบาท
เมื่อเร็วๆ นี้ได้ประกาศการลงทุนโครงการใหม่อีก 1 แห่ง ได้แก่โครงการที่พักอาศัยย่านถนนนราธิวาสราชนครินทร์ และบริษัทประกาศความเป็นไปได้ที่จะวางแผนพัฒนาโครงการที่เมืองตากอากาศนิเซโกะ จังหวัดฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น
"การพัฒนาโครงการที่เมืองตากอากาศนิเซโกะ จังหวัดฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่นนั้นกำลังศึกษาตลาดอยู่โดยทางบริษัทของญี่ปุ่นซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวกับที่ดินและรีสอร์ทชวนเพซฯให้เข้าไปร่วมลงทุนด้วย"นายสรพจน์กล่าว
ส่วนความคืบหน้าโครงการนิมิต หลังสวนได้ปิดการขายไปแล้ว ขณะที่โครงการมหานครจะเริ่มโอนเดือนมิถุนายนนี้ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วห้องที่ขายในโครงการนี้ ห้องขนาดเล็กจะเป็นชาวเอเชีย เช่น ฮ่องกงที่ซื้อ ส่วนห้องขนาดใหญ่จะเป็นชาวยุโรปซื้อโดยราคาของโครงการมหานครในช่วงแรกที่เปิดขายโครงการราคาอยู่ที่2.3แสนบาทต่อตารางเมตรแต่ขณะนี้ราคาเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่3.6แสนบาทต่อตารางเมตรแล้ว
สำหรับร้านดีนแอนด์เดลูก้าที่ขยายสาขาไปทั่วโลกแล้ว ทั้งสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น ไทย เกาหลีใต้ สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์คูเวต ดูไบ ซึ่งบริษัทเพซฯเป็นเจ้าของกิจการนั้น ปีนี้มีแผนที่จะขยายสาขาไปที่สหรัฐอเมริกาเป็นหลักจากปัจจุบันที่มีอยู่14สาขา โดยในแผน3ปีตั้งเป้าเปิดสาขาที่นครนิวยอร์คเป็นหลัก
"ที่อเมริกาจะเริ่มเปิดสาขาใหม่สิ้นปีนี้เนื่องจากต้องรอให้โครงการมหานครโอนไปส่วนหนึ่งตามเป้าก่อนแล้วค่อยเอาเงินที่โอนไปขยายสาขาที่อเมริกา
นี่คือแผนการเงินของบริษัทเพซฯที่จะลงทุนอะไรใหม่จะต้องได้รับเงินโอนจากโครงการเก่าที่เปิดขายก่อน"ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เพซฯกล่าว
นายสรพจน์ กล่าวต่อว่า สาขาดีนแอนด์เดลูก้าในประเทศไทยมีแผนจะเปิดสาขาเพิ่มเช่นกันแต่ไม่มากประมาณ2-3สาขาเท่านั้น ส่วนที่ญี่ปุ่นซึ่งขณะนี้มีอยู่26สาขาสิ้นปีนี้มีแผนที่จะเริ่มขยายสาขาใหม่เช่นกัน
"แผนของเพซ ดีเวลลอปเมนท์ในปีนี้ในภาพรวมปีนี้ เราไม่ได้ตั้งเป้ายอดขายแต่ปีนี้เราตั้งเป้ายอดโอนมากกว่านอกจากนี้ปีนี้เพซฯตั้งเป้าเงินที่จะลงทุนในปีนี้6พันล้านบาท โดย2พันล้านบาท เราตั้งงบไว้ที่จะนำไปซื้อที่ดินเพื่อนำมาพัฒนาโครงการ และอีก3พันล้านบาทเราจะลงทุนในโครงการที่พักอาศัยย่านถนนนราธิวาสราชนครินทร์"
นายสรพจน์ กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าโครงการมหาสมุทรใช้น้ำจำนวนมากเพื่อมาทำทะเลน้ำจืด ในขณะที่ชาวหัวหินขาดแคลนน้ำในภาวะภัยแล้งว่าโครงการมหาสมุทรใส่และเติมน้ำเข้าลากูนนานแล้ว ซึ่งตอนที่ใส่และเติมน้ำเข้ายังไม่เข้าสู่ภาวะภัยแล้ง มันเป็นเรื่องในอดีตเมื่อ6เดือนที่แล้ว ซึ่งเราเลือกเติมน้ำตอนช่วงหน้าฝนด้วยซ้ำเพราะเราเกรงผลกระทบจะเกิดกับชาวบ้าน แต่พอช่วงที่จะแถลงข่าวก็เกิดภาวะภัยแล้ง น้ำขาดแคลน ช่วงนี้เราไม่ได้ใช้น้ำด้วยซ้ำไป
ข่าวเด่น