กรณีผู้บริหารบริษัท แจส โมบาย บรอดแบนด์ (JAS) ไม่มาชำระค่าใบอนุญาตคลื่น 900 MHz ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)กำหนด นอกจากจะกระทบต่ออุตสาหกรรมโทรคมนาคมของไทยแล้ว แต่ในแวดวงตลาดทุนที่มีการซื้อขายหุ้นบริษัทJAS ก็ได้รับผลกระทบไม่น้อย
ซึ่งในมุมมองของนายไพบูลย์ นลินทรางกูร นายกสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุนและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ทิสโก้ เห็นว่า กรณีดังกล่าว ทำให้ประเทศเสียหน้าครั้งใหญ่และความน่าเชื่อถือของประเทศลดลง และกรณีนี้ถือเป็นครั้งแรกในโลกที่ผู้ชนะการประมูลไม่นำเงินมาชำระ จึงจะต้องมีการเร่งชี้แจงกับต่างประเทศที่กำลังจับตามองเรื่องนี้
ขณะเดียวกันก็ยอมรับว่า ขณะนี้นักวิเคราะห์ทำงานลำบาก เนื่องจากข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน เพราะ JAS ชี้แจงว่าผลเสียหายต่อ JAS เพียงแค่ยึดเงินประกันการประมูล ขณะกสทช. ประเมินมูลค่าเสียหายมากกว่านั้น ทำให้ต้องรอข้อมูลที่ชัดเจนกว่านี้ ส่วนการจัดประมูลใหม่จะต้องรัดกุมมากขึ้นและต้องแก้ไขกติกาที่มีปัญหา เช่น ผู้ประมูลจะต้องมีศักยภาพแท้จริงที่สามารถ นำเงินมาชำระได้
ด้านผู้บริหารระดับสูงในตลาดทุนเปิดเผยถึงกรณี JAS ไม่จ่ายค่าใบอนุญาต 4จี ว่า ทางตลาดหลักทรัพย์ฯ และสำนักงาน ก.ล.ต. ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลตลาดทุน จะต้องทำหน้าที่เข้าไปตรวจสอบ เพราะหลัง JAS ชนะการประมูลคลื่น 900 MHz ราคาหุ้นของ JAS มีความผันผวนเคลื่อนไหวไปตามข่าวที่ปรากฏออกมา
โดยขั้นตอนแรกในการตรวจสอบ ควรต้องเรียงลำดับเหตุการณ์นับตั้งแต่ JAS ชนะการประมูล เพื่อจะได้เห็นภาพรวมทั้งหมดและเข้าไปตรวจสอบ JAS ว่ามีความพยายามหาแหล่งเงินเพื่อนำมาชำระค่าประมูลหรือไม่ รวมถึงหลักฐานในการเจรจากับพันธมิตรที่สนใจเข้ามาร่วมทุนใน บริษัท แจส โมบาย บรอดแบรนด์ ต้องนำหลักฐานเหล่านี้มาประกอบเพื่อแสดงให้เห็นถึงเจตนาว่ามีความตั้งใจจริงในการประมูลคลื่น 900 MHz เพื่อก้าวเข้าสู่ธุรกิจโทรคมนาคมและเมื่อรู้แนวทางและผลแล้วก็นำผลตรวจสอบมาประมวลว่า JAS เข้าองค์ประกอบความผิดตลาดทุนหรือไม่และเข้าข่ายความผิดข้อไหน เพราะจะมีหลายประเด็นที่เข้าข่าย ไม่ว่าจะเป็นการให้ข้อมูลเท็จ การสร้างราคาหุ้น
นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ควรจะต้องตรวจสอบเรื่องการกำหนดราคาที่จะซื้อหุ้นคืนที่ 5 บาท/หุ้น ว่า ปัจจัยพื้นฐานของ JAS มีประเด็นอะไรที่จะสนับสนุนราคาที่กำหนดจะซื้อคืน เพราะการตั้งราคาที่จะรับซื้อคืนที่ 5 บาทนั้นถือว่าเป็นการชี้นำราคาขึ้นไปแล้ว ทั้งๆ ที่ราคาในตลาดที่แท้จริงซื้อขายไม่ถึงระดับนั้น ซึ่งเรื่องทั้งหมดนี้จะต้องดูเจตนาของ ผู้บริหาร JAS ที่เกิดขึ้นด้วย
การไม่มาชำระค่าใบอนุญาตคลื่น 4 จี ของJAS ต้องยอมรับเป็นกรณีประวัติศาสตร์ในวงการโทรคมนาคม และยังสะท้อนไปถึงการกำกับดูแลของผู้บริหารในตลาดทุนว่า จะมีความเข้มงวดมากน้อยแค่ไหน ในการรองรับกับความท้าทายที่เกิดขึ้น
ข่าวเด่น