PPS คว้างานใหม่ 2 โครงการ เดินหน้าบุกเมกะโปรเจคภาครัฐ เล็งเข้าประมูลไตรมาส 2 นี้ พร้อมแนะนำธุรกิจขยายงานกลุ่มประเทศ AEC โชว์ Backlog 300 ล้านบาท ตั้งเป้ารายได้โต 25% เตรียมเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นจ่ายปันผลเป็นหุ้นและเงินสด พร้อมแจก PPS-W1 ให้ผู้ถือหุ้นเดิม
นายธัช ธงภักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โปรเจค แพลนนิ่ง เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (PPS) เปิดเผยว่าปัจจุบันบริษัทได้เข้าเสนองานวิศวกรที่ปรึกษาบริหารโครงการก่อสร้างทั้งในส่วนของภาครัฐและเอกชนอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงไตรมาสแรกบริษัทได้รับงานใหม่จำนวน 2 โครงการ ประกอบด้วย โครงการปรับปรุงห้างสรรพสินค้า และโครงการก่อสร้างคอนโดมิเนียม ขณะที่โครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐบริษัทจะเข้าร่วมประมูลงานโครงการอีกหลายโครงการที่หน่วยงานของรัฐหลายหน่วยงานจะเริ่มเปิดให้เสนองานตั้งแต่ไตรมาสสองเป็นต้นไป
ส่วนงานในกลุ่มประเทศ AEC บริษัทได้เริ่มเข้าไปทำงานบริหารโครงการห้างสรรพสินค้าในประเทศมาเลเซียตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ขณะที่งานโรงพยาบาลในประเทศลาว มีการชะลอโครงการออกไปอีกระยะหนึ่ง อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงเดินหน้าแผนการขยายงานในกลุ่มประเทศ AEC อย่างต่อเนื่อง และหาพันธมิตรทางธุรกิจที่มีความน่าเชื่อถือ แนะนำธุรกิจและบริการของ PPS ให้เป็นที่รู้จักของผู้ประกอบการในภาคธุรกิจต่างๆ เพื่อเตรียมความพร้อมในการเข้ารับงานในอนาคตอันใกล้
"PPS ยังคงเดินหน้าเสนองานในส่วนต่างๆตามแผนธุรกิจที่วางไว้ แม้จะมีงานบางส่วนชะลอตัวออกไปแต่ก็ไม่กระทบกับ Backlog ของบริษัท เนื่องจากเป็นงานที่มีมูลค่าไม่สูงและมีงานใหม่เข้ามาทดแทน ปัจจุบันบริษัทมีBacklog อยู่ที่ 300 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ถึงปี 2561 และตั้งเป้ารายได้รวมไว้ที่ 300 ล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 25% จากปีก่อน" นายธัช กล่าว
นายธัช กล่าวต่อไปว่า จากการประชุมของคณะกรรมการบริษัทมีมติเสนอขออนุมัติต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 59 ให้จัดสรรกำไรเป็นเงินปันผลจากกำไรสุทธิของปี 58 ในอัตราหุ้นละ 0.0556 บาท เป็นจำนวนทั้งสิ้น22.24 ล้านบาท เงินปันผลดังกล่าวจะจ่ายเป็นหุ้นปันผลจำนวน 20.00 ล้านบาท (หุ้นสามัญจำนวน 80 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นละ 0.25 บาท) และเงินสดปันผลจำนวน 2.24 ล้านบาท ในวันที่ 19 พ.ค. 59
นอกจากนี้คณะกรรมการยังมีมติเสนอขออนุมัติต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 59 เพื่อพิจารณาอนุมัติการออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทรุ่นที่ 1 ("PPS-W1") จำนวนไม่เกิน 240ล้านหน่วย ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมโดยไม่คิดมูลค่า (รวมทั้งผู้ถือหุ้นที่ได้รับหุ้นปันผล) อายุ 2 ปี 6 เดือน นับตั้งแต่วันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิฯ ใบสำคัญแสดงสิทธิฯ 1 หน่วย มีสิทธิซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนได้ 1 หุ้น ราคาการใช้สิทธิเท่ากับ0.40 บาท/หุ้น และเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 100 ล้านบาท (หุ้นสามัญ 400 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นละ 0.25 บาท) เป็น180 ล้านบาท (หุ้นสามัญ 720 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นละ 0.25 บาท) โดยหุ้นสามัญที่ออกใหม่จำนวน 80 ล้านหุ้น ใช้รองรับการจ่ายหุ้นปันผลดังกล่าว และหุ้นสามัญที่ออกใหม่จำนวน 240 ล้านหุ้น ใช้เพื่อรองรับการใช้สิทธิ PPS-W1
ส่วนผลประกอบการปี 58 บริษัทมีรายได้รวมจำนวน 238.92 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่มีรายได้รวม266.81 ล้านบาท หรือลดลง 10 % และมีกำไรสุทธิจำนวน 3.39 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิจำนวน17.72 ล้านบาท หรือลดลง 81 % ผลประกอบการของบริษัทปรับตัวลดลง เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศ การลงทุนโครงการก่อสร้างทั้งของภาครัฐและเอกชนมีการชะลอตัว ส่งผลให้ปริมาณงานวิศวกรที่ปรึกษาบริหารโครงการก่อสร้างซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทปรับตัวลดลงตาม อีกทั้งขนาดของโครงการของกลุ่มลูกค้าในบางธุรกิจมีขนาดเล็กลง และโครงการในภาครัฐที่บริษัทฯวางเป้าหมายไว้ไม่ได้มีความคืบหน้าตามแผน อย่างไรก็ตามบริษัทยังสามารถทำกำไรได้ในระดับที่น่าพอใจ เนื่องจากมีการบริหารจัดการต้นทุนในด้านต่างๆ ที่สอดคล้องกับสภาวะของธุรกิจ
ข่าวเด่น