เริ่มแล้วกับงาน “ บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 37 ภายใต้แนวคิด “NO BOUNDARIES MOBILITY : นวัตกรรมขับเคลื่อน...ไร้ขีดจำกัด” ที่จัดขึ้นโดย บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้จัดเป็นประจำทุกปี ครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากราชยานยนต์สมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์, กระทรวงอุตสาหกรรม, กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, สมาคมวิศวกรรมยานยนต์ไทย, สมาคมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทย และสมาคมชิ้นส่วนและอุปกรณ์ตกแต่งรถมอเตอร์ไซค์ และมีบริษัทผู้ผลิตรถยนต์, จักรยานยนต์ และอุปกรณ์ประดับยนต์ ร่วมออกบูธจัดแสดงและจำหน่ายยนตรกรรมรุ่นใหม่ๆ
พร้อมเพิ่มพื้นที่การจัดงานมากที่สุดในเอเชีย กว่า 140,000 ตารางเมตร มีบริษัทรถยนต์กว่า 30 บริษัท, จักรยานยนต์ 10 บริษัท รวมไปถึงเครื่องเสียงติดรถยนต์จากแบรนด์ชั้นนำ และอุปกรณ์ตกแต่งประดับยนต์กว่า 175 บูธ เพื่อเป็นการผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยด้วยมูลค่าไม่ต่ำกว่า 4 หมื่นล้านบาท
ดร.ปราจิน เอี่ยมลำเนา ประธานกรรมการบริหาร / ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ในฐานะ ประธานจัดงาน “บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 37” เผยว่า “สำหรับงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 37 จัดขึ้นภายใต้แนวคิด "NO BOUNDARIES MOBILITY: นวัตกรรมขับเคลื่อน...ไร้ขีดจำกัด" ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่สะท้อนให้เห็นถึงอุตสาหกรรมยานยนต์ในระดับสากล ที่ได้รับการพัฒนาให้ก้าวหน้าด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีล้ำสมัย จนสามารถทลายกำแพงและข้อจำกัดในเรื่องต่างๆ ลงได้ อุตสาหกรรมยานยนต์จึงเปรียบเสมือนเป็นตัวแทนแห่งความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของมนุษยชาติ ซึ่งได้รับการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงให้ทันสมัยมาโดยตลอด รวมถึงความพร้อมของการก้าวเข้าสู่ประตูของอาเซียน”
“ โดยในปีนี้ผู้เข้าชมงานจะมีโอกาสได้เห็นนวัตกรรมยานยนต์ที่มีความล้ำสมัยมากขึ้น เช่น รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า, รถยนต์แบบปลั๊กอิน ไฮบริด ซึ่งใช้การเสียบปลั๊กไฟเพื่อชาร์จพลังงานเข้าสู่แบตเตอรรี่, รถยนต์ไฮบริด และรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์เทอร์โบ ทั้งหมดล้วนเป็นทางเลือกทางด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี ซึ่งช่วยให้เรามีความประหยัดมากยิ่งขึ้น และยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย ” ดร.ปราจิน กล่าวทิ้งท้าย
และในงานครั้งนี้ค่ายรถหลายๆค่ายได้มีการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่จะนำมาจำหน่ายในบ้านเรา ไม่ว่าจะเป็น ค่ายรถจากยุโรป เช่น BMW , Mercedes-Benz , Rolls-Royce , Volvo และค่ายรถจากญี่ปุ่น เช่น Toyota , Honda , Nissan , Mazda และอีกหลายๆค่าย
มาชมบางส่วนของรถที่น่าสนใจในงานนี้
BMW 330e ยานยนต์ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี eDrive เช่นเดียวกันกับบีเอ็มดับเบิลยู i8 และบีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive40e ที่ให้ทั้งสมรรถนะและความประหยัดที่เป็นเลิศ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์บีเอ็มดับเบิลยู ทวินเพาเวอร์ เทอร์โบ ดีเซล 4 สูบ รุ่นใหม่ล่าสุด 1,998 ซี.ซี. และมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 88 แรงม้า ให้กำลังรวมสูงสุด 252 แรงม้าเมื่อขับด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าในโหมด EV สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แบตเตอรี่ไฮบริดสามารถชาร์จไฟได้จากปลั๊กไฟบ้านทั่วไป และขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าได้ไกลถึง 40 กิโลเมตร
Mercedes-Benz ในปีนี้จะได้พบกับ New E-Class เจเนอเรชั่นที่ 10 ในตระกูล E-Class ได้รับการยกย่องให้เป็นที่สุดแห่งยนตรกรรมซีดานอัจฉริยะ ทั้งในเรื่องสมรรถนะเครื่องยนต์ที่ช่วยลดอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันและการปล่อยก๊าซ CO2 ลงได้อย่างดีเยี่ยม ตลอดจนเทคโนโลยีต่างๆ ที่ช่วยให้การขับขี่และโดยสารมีความสะดวกสบายและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น อาทิ ระบบไฟหน้า MULTIBEAM LED แบบความละเอียดสูง ระบบไฟส่องสว่าง (Intelligent Light System) ที่ทำงานด้วยระบบดิจิทัลทั้งหมด รวมถึงระบบ Active Light ที่ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้าเป็นครั้งแรกของโลก สำหรับ The new E-Class ในประเทศไทย มีให้เลือกสรร 2 ดีไซน์ คือ The new E 220 d Exclusive และ The new E 220 d AMG Dynamic นอกจากนั้นยังมี The new C-Class Coupé เจเนอเรชั่นล่าสุด เป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับกลุ่มยนตรกรรมสปอร์ตสองประตูระดับพรีเมียมที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นาน คือ The new C 250 Coupé AMG Dynamic และ The new C 250 Coupé Edition 1
Rolls-Royce ได้นำ “คชมงคล” Ghost Extended Wheelbase สร้างสรรค์เฉพาะประเทศไทย คันเดียวในโลก ยนตรกรรมหรูที่ได้รับการออกแบบสั่งทำพิเศษ โดยนำรถที่นำมาสั่งทำพิเศษเป็นรถ “โรลส์-รอยซ์ โกสต์” รุ่นขยายฐานล้อ “คชมงคล” ประดับด้วยลวดลายช้างทั้งด้านนอกและด้านในรถ เนื่องจากได้รับแรงบันดาลใจจาก “ช้าง” ที่เป็นสัญลักษณ์สำคัญประจำประเทศไทย
Honda ถือโอกาสงานในครั้งนี้เปิดตัว ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ เจเนอเรชั่นที่ 10 เน้นการออกแบบตัวรถที่ดูสปอร์ต ล้ำสมัย มาพร้อมรูปลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยว และหรูหรา ด้วยเส้นสายด้านข้างตัวรถที่คมชัด ดุดันยิ่งขึ้นด้วยกระจังหน้าโครเมียมรูปร่างคล้ายปีกเชื่อมต่อกับไฟหน้าสไตล์สปอร์ต พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ทั้งยังโดดเด่นยิ่งขึ้นด้วยไฟท้ายรูปทรงตัว C แบบ LED พื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างขวางในระดับ D-Segment พร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัยระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเปิดเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Engine Remote Start) สั่งการได้จากระยะไกล เพื่อช่วยอุ่นเครื่องและปรับอุณหภูมิภายในห้องโดยสารให้เย็นสบายล่วงหน้าก่อนออกเดินทาง โดยขณะนั้น ประตูรถยังคงล็อกอยู่เช่นเดิม แต่รถจะไม่สามารถออกตัวได้ จนกว่าผู้ขับจะเข้าไปสตาร์ทรถตามปกติ
เครื่องยนต์ มีให้เลือก 2 ขนาดคือ เครื่องยนต์ 1.8 ลิตร SOHC i-VTEC พร้อมด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT ที่ได้รับการพัฒนาภายใต้เทคโนโลยีเอิร์ธดรีม กำลังสูงสุด 141 แรงม้า ที่ 6,500 รอบต่อนาที ด้วยแรงบิดสูงสุดที่ 174 นิวตัน-เมตร ที่ 4,300 รอบต่อนาที ทั้งยังรองรับพลังงานทางเลือก E85 เครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร DOHC VTEC TURBO ใหม่ ระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT ใหม่ ซึ่งทั้งเครื่องยนต์และระบบเกียร์ดังกล่าว ได้รับการพัฒนาภายใต้เทคโนโลยีเอิร์ธดรีม ให้กำลังสูงสุด 173 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที ด้วยแรงบิดสูงสุดที่ 220 นิวตัน-เมตร ที่ 1,700-5,500 รอบต่อนาที ซึ่งให้กำลังเทียบเท่าเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร แต่ประหยัดน้ำมันเทียบเท่าเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร
นี่เป็นเพียงบางส่วนของรถยนต์ที่หน้าสนใจในงานครั้งนี้ ยังมีทั้งรถยนต์และยนตกรรมอื่นๆอีกพร้อมทั้งอุปกรณ์ตกแต่งประดับยนต์อีกมากมายที่น่าสนใจ งาน Bangkok International Motor Show ครั้งที่ 37 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 23 มีนาคม - 3 เมษายน 2559 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 1-3 อิมแพค เมืองทองธานี สามารถขอรายละเอียดเพิ่มเติม www.bangkok-motorshow.com
ข่าวเด่น