กองทุนรวม
KSAM เสนอขายกองทุน KFFAI3M18 ประมาณการผลตอบแทน 1.95%ต่อปี


 



บลจ.กรุงศรี เสนอขายกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้ต่างประเทศเอไอ3M18 (KFFAI3M18)  อายุประมาณ 3 เดือน  เสนอขายตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 4 เม.ย. 59  เหมาะกับนักลงทุนที่มิใช่รายย่อยและผู้ที่มีเงินลงทุนสูง เงินลงทุนขั้นต่ำ 510,000 บาท ประมาณการผลตอบแทน 1.95% ต่อปี   
 
 
 
 
 
น.ส.ศิริพร  สินาเจริญ กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงศรี เปิดเผยว่า “บริษัทเปิดเสนอขายกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้ต่างประเทศเอไอ3M18 (KFFAI3M18) อายุประมาณ 3 เดือน มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศหรือเงินฝาก ได้แก่ เงินฝากธนาคาร Commercial Bank of Qatar (ประเทศการ์ต้า) สัดส่วนการลงทุน 16% เงินฝาก
ธนาคาร First Gulf Bank (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) สัดส่วนการลงทุน 23% เงินฝากธนาคาร Union National Bank (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) สัดส่วนการลงทุน 15% ตราสารหนี้ EMTN ออกโดยธนาคาร Turkiye Vakiflar Bankasi (ประเทศตุรกี) สัดส่วนการลงทุน 23%  และตราสารหนี้ EMTN ออกโดยธนาคาร Turkiye Isbank Bankasi (ประเทศตุรกี) สัดส่วนการลงทุน 23% ทั้งนี้ กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน โดยนักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนจากการขายคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติประมาณ 1.95% ต่อปี (ประมาณการค่าใช้จ่ายของกองทุนที่ 0.12% ต่อปีของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ) และหลังครบกำหนดอายุโครงการบริษัทจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติและสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนไปยังกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารเงิน (KFCASH) ซึ่งเป็นกองทุนรวมตลาดเงิน  เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนต่อไป”  
 
 
“กองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้ต่างประเทศเอไอ3M18 (KFFAI3M18)  เป็นทางเลือกสำหรับการลงทุนในตราสารหนี้เหมาะกับนักลงทุนที่มิใช่รายย่อยและผู้ที่มีเงินลงทุนสูง  ที่ต้องการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากและสามารถลงทุนได้เป็นระยะเวลาประมาณ 3 เดือน”  

สำหรับภาวะตลาดตราสารหนี้โลกนั้น  ข้อมูล PMI เบื้องต้นของยูโรโซนบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจดีขึ้น  ในส่วนของอัตราเงินเฟ้อทั่วไปของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 0.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน  ด้านเฟดส่งสัญญาณว่ามีความเป็นไปได้ที่จะขึ้นดอกเบี้ยในเดือน เม.ย.  ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ภาครัฐของสหรัฐฯปรับตัวขึ้น 0.02 – 0.04%”
             
ภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยนั้น   กนง. มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% โดยระบุว่าเศรษฐกิจยังคงฟื้นตัวอย่างช้าๆ จากแรงหนุนของการใช้จ่ายภาครัฐ ภาคการท่องเที่ยว และภาคเอกชนที่มีการลงทุนมากขึ้น ด้านธนาคารแห่งประเทศไทยได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจในปีนี้ลงสู่ 3.1% จากคาดการณ์เดิมที่ 3.5% ทั้งนี้  อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยแกว่งตัวในกรอบแคบๆระหว่าง 0.01 – 0.03%



 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 30 มี.ค. 2559 เวลา : 11:27:38
24-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 24, 2024, 9:39 pm