ผู้ส่งออกสินค้าของไทยในปีนี้ ยังต้องเผชิญกับมรสุมที่เข้ามารุมเร้าไปไม่จบสิ้น แม้รัฐบาลจะปรับกลยุทธ์ทางการตลาด โดยเน้นการขยายตลาดในอาเซียน รวมทั้ง CLMV ซึ่งได้แก่ ประเทศกันพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม เพื่อทดแทนตลาดในสหรัฐอเมริการและยุโรปที่ชะลอตัวลง ตามภาวะเศรษฐกิจโลก
แต่การส่งออกของไทยในเดือนกุมภาพันธ์ ก็เริ่มมีสัญญาณที่น่าห่วง โดยนายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้ส่งออกเริ่มหวั่นใจกับสถานการณ์ส่งออกของไทยในตลาดเพื่อนบ้าน CLMV เนื่อง จากตัวเลขการส่งออกตลาดดังกล่าวในเดือน ก.พ.ติดลบถึง 5.8% ส่งผลให้ 2 เดือนแรกติดลบ 2.3% และหากแยกเป็นรายตลาดจะพบว่า เกือบทุกตลาดติดลบหมด ยกเว้นเวียดนามที่ยังบวกอยู่ 6.7% โดยตลาดกัมพูชามีการติดลบมากที่สุดถึง 12.2% เมียนมาติดลบ 2.1% สปป.ลาว ขยายตัวแค่ 1.8% และเวียดนามขยายตัว 2.2%
ดังนั้นผู้ที่เกี่ยวข้องจะต้องไปดูว่า ตลาดนี้มีปัญหาจากอะไร เป็นเพราะมีปัญหาภัยแล้งในประเทศเช่นเดียวกับไทย หรือมีสินค้าจากเพื่อนบ้านอย่างจีน มาเลเซีย และเวียดนามเข้ามาแย่งตลาดไทย โดยคณะประชารัฐจะต้องทำงานกันหนักขึ้นกว่าเดิมในการขับเคลื่อนตลาดCLMV ให้ยังขยายตัวต่อไป
ขณะเดียวกัน ยังต้องกำหนดยุทธ ศาสตร์ที่ชัดเจน พร้อมเข้าไปเจาะตลาดในหัวเมืองใหญ่ๆ ของประเทศเพื่อนบ้าน มากขึ้น ไม่ใช่เฉพาะแค่การค้าชายแดนเท่านั้น นอกจากนี้ ควรจะมีการจัดงานแสดงสินค้าในประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น มุ่งเน้นให้เกิดการค้าขายทั้งระยะสั้น กลาง และยาว เร่งขยายสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ในCLMV เพื่อให้ข้อมูลและผลักดันการค้า การ ส่งออกสินค้าจากไทยเข้าไป และคณะทำงานส่งเสริมการลงทุนในต่างประเทศจะต้องผสานกับสภาธุรกิจในแต่ละประเทศ
ด้านนายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ รองโฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้รับการร้องเรียนจากผู้ประกอบการว่า ขณะนี้มีสินค้าไทยจำนวนมากถูกก๊อบปี้หรือมีการปลอมเครื่องหมายการค้าจำหน่ายตามตลาดต่างๆ ในกลุ่มประเทศอาเซียน โดยเฉพาะตลาดเวียดนามและเมียนมา ที่สถานการณ์รุนแรงมากขึ้น เนื่องจากสินค้าไทยเป็นที่นิยมของผู้บริโภคเป็นอย่างมาก เพราะมีคุณภาพสูงและราคาไม่แพงเหมือนแบรนด์ดังอื่นๆ
ซึ่งสินค้าที่มีการลอกเลียนแบบหรือปลอมเครื่องหมายการค้ามากที่สุดในตลาดเวียดนาม ได้แก่ กลุ่มสินค้าแฟชั่น อาหาร และอาหารสำเร็จรูป โดยสินค้าส่วนใหญ่จะปลอมแปลงโดยพ่อค้าชาวจีน ตลอดจนพ่อค้าท้องถิ่นบางส่วน ขณะที่ตลาดเมียนมาพบว่าสินค้าที่มีการลอกเลียนแบบจะเป็นสินค้าอุปโภคบริโภคเป็นหลัก ส่วนตลาดสปป.ลาว กัมพูชา และมาเลเซีย ก็มีการก๊อบปี้สินค้าไทยเช่นกัน แต่สถานการณ์ยังไม่ถึงขั้นรุนแรง
ในเบื้องต้นกระทรวงพาณิชย์ได้มอบหมายให้ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ หรือทูตพาณิชย์ในประเทศอาเซียนเข้าไปช่วยเหลือ และการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการนำสินค้าไทยไปจดลิขสิทธิ์และเครื่องหมายการค้าในประเทศนั้นๆ
ขณะเดียวกัน นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ยังได้ประสานงานในระดับรัฐมนตรีของประเทศต่างๆ ในกลุ่มอาเซียนที่มีการก๊อบปี้สินค้าไทยสูง เพื่อขอความร่วมมือในการแก้ปัญหา ทั้งเรื่องของการป้องกันและการปราบปรามสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ เพราะนอกจากผู้ประกอบการไทยจะเสียประโยชน์แล้ว ผู้บริโภคในประเทศนั้นๆ ยังมีความเสี่ยงต่อสุขภาพ
ข่าวเด่น