โครงการอาคารสำนักงานใหม่ๆ ในกรุงเทพฯ ที่กำลังจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปีนี้ เริ่มมีผู้เช่าเข้าจับจองพื้นที่ล่วงหน้าเพิ่มมากขึ้น โดยผู้เช่าส่วนใหญ่เป็นเป็นบริษัทขนาดใหญ่ทั้งของไทยและต่างชาติที่ต้องการขยายออฟฟิศ แต่ไม่สามารถทำได้เนื่องจากอาคารที่เช่าอยู่ในปัจจุบันไม่มีพื้นที่ว่างเหลือพอรองรับได้ ในขณะที่อาคารสำนักงานคุณภาพดีที่มีอยู่เดิม มีผู้เช่าใช้พื้นที่เต็มหรือเกือบเต็ม ตามการรายงานจากบริษัทที่ปรึกษาและบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ เจแอลแอล (โจนส์ แลง ลาซาลล์)
หนึ่งในตัวอย่างอาคารที่มีผู้เช่าเข้าจับจองพื้นที่เช่าล่วงหน้าไปมากแล้ว คืออาคารจีทาวเวอร์ ซึ่งเป็นอาคารสำนักงานที่กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างในโครงการ นิวซีบีดี เดอะ แกรนด์ พระราม 9 ของบริษัท แกรนด์ คาแนล แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ "จีแลนด์" อาคารจีทาวเวอร์มีกำหนดจะสร้างแล้วเสร็จในไตรมาส 3 ของปีนี้ และมีผู้เช่าจองพื้นที่ล่วงหน้าแล้วสูงถึง 65% โดยมีผู้เช่าพื้นที่หลักรายแรกคือ บริษัท กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ซึ่งจะเปิดสำนักงานขนาดพื้นที่ราว 15,000 ตารางเมตรหลังอาคารก่อสร้างแล้วเสร็จ
เจแอลแอลเป็นตัวแทนกรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต ในการจัดหาพื้นที่และเจรจาสัญญาเช่าดังกล่าว ซึ่งนับเป็นสัญญาเช่าสำนักงานรายการใหญ่ที่สุดที่เกิดขึ้นในกรุงเทพฯ ในปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังมีการเจรจาสัญญาเช่าอื่นๆ อีกหลายรายการที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ที่อาคารจีทาวเวอร์ ทำให้เชื่อว่า อาคารจะมีผู้เช่าเกือบเต็มหลังเปิดใช้อย่างเป็นทางการ
โครงการอาคารสำนักงานอื่นๆ ที่มีกำหนดจะสร้างเสร็จในปีนี้และมีผู้เช่าจองพื้นที่ล่วงหน้าแล้ว ได้แก่ โครงการเอฟวายไอ เซ็นเตอร์ โครงการรุ่งโรจ์ธนกุล ทาวเวอร์ 3 และโครงการเอ็มทาวเวอร์
นางสาวยุพา เสถียรภาพอยุทธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริการด้านอาคารสำนักงานของเจแอลแอลกล่าวว่า “เนื่องจากในขณะนี้ อาคารสำนักงานเกรดเอส่วนใหญ่ที่มีอยู่เดิมมีพื้นที่ว่างให้เช่าเหลือไม่มาก ดังนั้น กิจกรรมการเจรจาสัญญาเช่าพื้นที่รายการใหญ่ๆ ที่กำลังเกิดขึ้นส่วนใหญ่ในขณะนี้ จึงเป็นการเจรจาเช่าพื้นที่ในอาคารใหม่ที่สร้างใกล้เสร็จหรือที่เพิ่งสร้างเสร็จแต่ยังไม่พร้อมเปิดใช้อย่างเป็นทางการ ซึ่งโครงการเหล่านี้ส่วนใหญ่ยังคงมีพื้นที่ว่างมากพอที่จะรองรับผู้เช่ารายใหญ่ๆ ได้ และเจ้าของอาคารมีความยืดหยุ่นในการเจรจาเงื่อนไขการเช่ามากกว่าอาคารเกรดเอที่สร้างเสร็จแล้วและมีผู้เช่าเต็มหรือเกือบเต็ม”
“แนวโน้มดังกล่าวนี้ยังคงดำเนินต่อเนื่องมาถึงปีนี้ เนื่องจากอาคารสำนักงานเกรดเอที่มีอยู่ในขณะนี้ ส่วนใหญ่ไม่สามารถรับผู้เช่ารายใหญ่เพิ่มเติมได้ หรือไม่มีพื้นที่เหลือพอรองรับการขยายกิจการของบริษัทผู้เช่าที่มีอยู่เดิม” นางสาวยุพากล่าว
แนวโน้มสำคัญอีกประการหนึ่งที่จะส่งผลให้อาคารที่ยังสร้างไม่เสร็จมีผู้เช่าจับจองพื้นที่ล่วงหน้ามากขึ้น ได้แก่ การที่เจแอลแอล พบว่า เริ่มมีบริษัทขนาดใหญ่ที่พิจารณาการควบรวมหน่วยงานที่กระจายตัวในหลายๆ ทำเลมาไว้ด้วยกันภายในสำนักงานแห่งเดียว
โดยหลักการ การควบรวมสถานที่ทำการเข้าด้วยกันจะมีส่วนช่วยให้บริษัทมีการดำเนินงานที่มีประสิทธิผลมากขึ้น และยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ประโยชน์ในพื้นที่สำนักงาน โดยให้หน่วยงานต่างๆ ภายในบริษัทสามารถใช้ประโยชน์พื้นที่ส่วนกลางร่วมกันได้ ไม่ว่าจะเป็นส่วนพื้นที่ต้อนรับ ห้องประชุม และห้องครัว เป็นต้น
นางสาวยุพากล่าวว่า “บริษัทที่กำลังพิจารณาควบรวมสถานที่ทำการของหน่วยงานต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน ประกอบด้วยทั้งบริษัทไทยและบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่และส่วนใหญ่ต้องการใช้พื้นที่ในอาคารสำนักงานเกรดเอ ซึ่งนับเป็นข่าวดีสำหรับโครงการอาคารสำนักงานใหม่ที่กำลังจะสร้างเสร็จในเร็วๆ นี้ที่ยังมีพื้นที่ว่างรองรับบริษัทผู้เช่ารายใหญ่ได้”
ศูนย์บริการข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ไทยของเจแอลแอล เปิดเผยว่า อาคารสำนักงานที่สร้างเสร็จแล้วในกรุงเทพฯ มีพื้นที่ว่างเหลือเช่าเฉลี่ยไม่ถึง 10% นับตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นมา และขณะนี้ มีพื้นที่ว่างเหลือเช่าเฉลี่ยโดยรวมทั่วกรุงเทพฯ ที่ 9% ทั้งนี้ กลุ่มอาคารสำนักงานเกรดเอมีพื้นที่ว่างเหลือเช่าต่ำกว่า โดยมีอัตราการว่างเฉลี่ยที่ 7%
“อย่างไรก็ดี ไม่ได้หมายความว่า โครงการอาคารสำนักงานใหม่ที่กำลังจะสร้างเสร็จในเร็วๆ นี้ทุกโครงการมีผู้เช่าเข้าจับจองพื้นที่ล่วงหน้าไปแล้ว มีบางโครงการที่ยังไม่มีผู้เช่าจองพื้นที่ด้วยสาเหตุที่ต่างกันไป โดยบางโครงการอาจยังไม่เริ่มทำการตลาดอย่างเต็มรูปแบบ ในขณะที่บางโครงการตั้งอยู่ในทำเลไม่เหมาะสม หรือเสนอค่าเช่าสูงเหนือความคาดหวังของบริษัทผู้เช่า” นางสาวยุพาสรุป
ข่าวเด่น