เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
ก.อุตฯหนุนลงทุนช่วงดอกเบี้ยต่ำ




 



ในช่วงที่ต้นทุนทางการเงินอยู่ในระดับที่ลดต่ำลงมาก   อัตราดอกเบี้ยนโยบายลดลงเหลือเพียง 1.5%  และมีแนวโน้มที่จะทรงตัวไปตลอดทั้งปีนี้   ถือเป็นโอกาสดีที่จะกระตุ้นการลงทุนทั้งของภาครัฐและเอกชน    ซึ่งนับเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทยปีนี้ 

โดยจะเห็นได้จากการให้นโยบายในด้านการลงทุน  ที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ของนายสมคิด  จาตุศรีพิทักษ์   รองนายกรัฐมนตรี  ที่ระบุว่า   ขณะนี้สัญญาณการลงทุนเริ่มเป็นบวก   เห็นได้จากไตรมาส 1/2559 มียอดคำขอรับส่งเสริมการลงทุน 311 โครงการ   คิดเป็นมูลค่า 8.99 หมื่นล้านบาท  เพิ่มขึ้นเกือบ 4 เท่าตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 2.6 หมื่นล้านบาท จำนวน 157 โครงการ
 
         
ซึ่งสะท้อนว่า บีโอไอเดินนโยบายมาถูกทางแล้ว  โดยคำขอรับการส่งเสริมที่มีเข้ามากเป็นอันดับหนึ่งคือ ญี่ปุ่น คิดเป็น 30% ของมูลค่าการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ  ส่วนใหญ่เป็นการผลิตชิ้นส่วนระบบเครื่องยนต์ 7.2 พันล้านบาท และการผลิตรถยนต์ 2.8 พันล้านบาท รองลงมาคือ เนเธอร์แลนด์ จีน เกาหลีใต้ และสิงคโปร์   ที่มียอดคำขอรับส่งเสริมเข้ามาอย่างมีนัยสำคัญ   จึงได้สั่งการให้บีโอไอตั้งทีมเฉพาะกิจเป็นเหมือนหน่วยรบพิเศษทำหน้าที่วิเคราะห์ ติดตามการยื่นคำขอรับการส่งเสริม เจาะลึกการลงทุนจริง แยกแยะอุปสรรค เพื่อวางแผนดึงดูดการลงทุนจาก 4 ประเทศดังกล่าวให้มากขึ้น   จึงน่าจะทำให้มูลค่าคำขอรับส่งเสริมทั้งปีเกินเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ 4.5 แสนล้านบาท
 

ซึ่งนอกจากการลงทุนในระดับประเทศแล้ว   รัฐบาลยังสนับสนุนการลงทุนท้องถิ่น   โดยนางหิรัญญา   สุจินัย   เลขาธิการบีโอไอ   เปิดเผยความคืบหน้ามาตรการส่งเสริมการลงทุนท้องถิ่น(โลคอล อินเวสเมนต์)  ให้มีการลงทุน“1 ตำบล 1 กิจการ” กระจายใน 3 กิจการ   ได้แก่  โรงงานแปรรูปเกษตร แหล่งท่องเที่ยวชุมชน และศูนย์จำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน  ซึ่งคาดว่า ภายในเดือนเม.ย.นี้   บีโอไอจะออกประกาศส่งเสริมลงทุนในมาตรการดังกล่าวอย่างเป็นทางการ เพื่อบังคับใช้ตามกฎหมาย จากปัจจุบันอยู่ระหว่างตรวจสอบรายละเอียด
         
ซึ่งผลการหารือเบื้องต้นกับผู้ประกอบการรายใหญ่ที่สนใจลงทุน  และจากการประเมินความพร้อมของวิสาหกิจชุมชนที่กระจายใน 7,000 ตำบล หรือกว่า 800 อำเภอทั้งประเทศ พบว่าได้รับความสนใจจากผู้ลงทุน  บีโอไอจึงได้ตั้งเป้าหมายกิจการที่ขอส่งเสริมการลงทุนเป็นมากกว่า 1,000 ราย    แบ่งเป็นกิจการแปรรูปเกษตร 900 แห่ง   แหล่งท่องเที่ยวชุมชนมากกว่า 90 โครงการ  และศูนย์จำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน 9 แห่ง           
 
 
 
 
 
 
โดยมาตรการส่งเสริมการลงทุนท้องถิ่น  คาดว่าจะแบ่งเป็น 3 แนวทางคือ แนวทางที่ 1 ส่งเสริมให้เกิดโรงงานแปรรูปผลิตผลการเกษตรสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิตทางการเกษตรในท้องถิ่น โรงงานจะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 5 ปี   และการผ่อนปรนลดขนาดการลงทุนขั้นต่ำจาก 1 ล้านบาท เหลือ 1 แสนบาท และอนุญาตให้นำเครื่องจักรใช้แล้วในประเทศบางส่วนมาใช้ในโครงการได้
         
แนวทางที่ 2  ส่งเสริมกิจการศูนย์จำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน มีช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าที่มีประสิทธิภาพและเป็นแหล่งสนับสนุนการท่องเที่ยว ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 3 ปี และแนวทางที่ 3  ส่งเสริมกิจการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวชุมชน เพื่อสนับสนุนการสร้างจุดขายใหม่ๆ ด้านการท่องเที่ยว   ได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 3-5 ปี





 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 15 เม.ย. 2559 เวลา : 06:51:00
26-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 26, 2024, 1:42 am