เทสโก้ โลตัส ประกาศเดินหน้าลงทุนอย่างต่อเนื่องในปี 2559 เพื่อให้บริการที่ดียิ่งขึ้นแก่ลูกค้าและช่วยลูกค้าลดค่าครองชีพท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ท้าทาย โดยแผนธุรกิจในปีนี้รวมถึงการเปิดสาขาใหม่ ปรับโฉมร้านค้าและศูนย์การค้าเดิม ขยายช่องทางออนไลน์ และเน้นการลงทุนในการลดราคาสินค้าอย่างถาวร
มร. จอห์น คริสตี้ ประธานกรรมการบริหาร เทสโก้ โลตัส กล่าวว่า “เทสโก้ โลตัส มีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในปี 2558 ถึงแม้ว่าเราต้องเผชิญกับสภาวะเศรษฐกิจที่มีความท้าทาย ยอดขายและส่วนแบ่งทางการตลาดของเราเติบโตขึ้นเป็นอย่างมาก และยังมีลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นจำนวนมากอีกด้วย ซึ่งทั้งหมดเป็นผลมาจากการที่เราใส่ใจในการดูแลลูกค้าเป็นอย่างดี”
“เทสโก้ โลตัส มุ่งมั่นที่จะลงทุนในประเทศไทยต่อไป โดยยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจและพัฒนาการให้บริการลูกค้าให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงไม่ฟื้นตัวเต็มที่ในปีนี้ เทสโก้ โลตัส เล็งเห็นความสำคัญในการปรับราคาสินค้าลงเพิ่มเติมเพื่อช่วยลูกค้าของเราประหยัด โดยเฉพาะสินค้าที่ลูกค้าจำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น นมผง ผ้าอ้อม และอาหารสด นอกเหนือจากการช่วยลูกค้าลดค่าครองชีพแล้ว แผนการขยายธุรกิจในปีนี้จะมีส่วนช่วยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยผ่านการสร้างงานมากกว่า 3,000 ตำแหน่ง และสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับซัพพลายเออร์ด้วย”
ในปี 2558 เทสโก้ โลตัส เปิดสาขาใหม่ทั้งหมดจำนวน 65 สาขา โดยส่วนมากเป็นสาขาขนาดเล็ก ในปีนี้ เทสโก้ โลตัส มีแผนในการเปิดสาขาใหม่เพิ่มอีก นอกจากนั้นจะปรับปรุงสาขาเดิมอีก 18 แห่ง เพื่อประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ดีกว่าของลูกค้า ส่วนช่องทางออนไลน์นั้น ก็จะมีการลงทุนในการขยายช่องทางและการทำการตลาดของทั้งสองช่องทาง คือ เทสโก้ โลตัส ช้อป ออนไลน์ และร้านค้าบนเว็บไซท์ลาซาด้า
“เทสโก้ โลตัส ไม่ได้ลงทุนเพียงเพื่อลูกค้าเท่านั้น แต่จะลงทุนเพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศด้วย โดยเราตระหนักดีว่า ประชาชนโดยเฉพาะเกษตรกรในต่างจังหวัดกำลังเผชิญปัญหาเกี่ยวกับรายได้ ดังนั้น เทสโก้ โลตัส จึงได้ขานรับนโยบายรัฐบาลด้วยการดำเนินโครงการ “เทสโก้ โลตัส ประชารัฐ ร่วมใจ” สำหรับในปีนี้ซึ่งเทสโก้ โลตัส จะดำเนินกิจการครบ 22 ปี เราจะดำเนินโครงการประชารัฐ 22 โครงการ โดยเป็นการร่วมมือกับภาครัฐและภาคประชาชนในการช่วยสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรผ่านการพัฒนาให้ความรู้และรับซื้อผลิตผลทางการเกษตรโดยตรง ซึ่งในปีนี้ เรามีแผนที่จะเพิ่มปริมาณสินค้าทางการเกษตรที่รับซื้อเป็น 150,000 ตันต่อปี เพิ่มจากปี 2558 ที่เรารับซื้อในปริมาณ 100,000 ตัน นอกจากการช่วยเหลือเกษตรกรแล้ว เอสเอ็มอีและโอท็อป ก็จะสามารถกระจายสินค้าผ่านช่องทางของเทสโก้ โลตัสได้ ทั้งที่สาขาทั่วประเทศและช่องทางออนไลน์ ในอนาคตอันใกล้”
“เทสโก้ โลตัส มุ่งมั่นที่จะลงทุนอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย โดยการลงทุนเพิ่มในปีนี้จะนำมาซึ่งประโยชน์ไม่ใช่แต่เพียงเฉพาะแก่ลูกค้าและชุมชนเท่านั้น แต่จะสร้างประโยชน์ให้กับภาคเศรษฐกิจและประเทศไทยโดยรวมอีกด้วย” มร. จอห์น กล่าวสรุป
ข่าวเด่น