ใกล้วันแรงงานแห่งชาติในเดือนหน้า สิ่งจะต้องมีการกล่าวถึงในทุกปีที่ผ่านมา หนีไม่พ้นเรื่องการปรับขึ้นค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำ ซึ่งนายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ให้ความเห็นในเรื่องดังกล่าว โดยอ้างถึงว่า ผลสำรวจค่าครองชีพไทยแพงจริงหรือไม่ในภาวะภัยแล้ง และเงินเฟ้อติดลบ จากตัวอย่าง 1,356 รายทั่วประเทศ พบว่าจากปัญหาภัยแล้ง เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยที่ซึมอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ผลสำรวจรายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือนในปี 2558 อยู่ที่ 26,915 บาท รายจ่าย 21,157 บาท และ 75.2% มีหนี้สินครัวเรือนเฉลี่ย 156,770 บาท ส่งผลให้ประชากรส่วนใหญ่มองว่า มีรายได้น้อยกว่ารายจ่าย โดยเฉพาะในกลุ่มเกษตรกรและกลุ่มรับจ้างรายวัน ทำให้ต้องกู้ยืมเงินทั้งในและนอกระบบ คิดเป็นสัดส่วน 62% เป็นสาเหตุของหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งคาดว่าปัญหาภัยแล้งจะยาวนานถึงเดือน ก.ค. ส่งผลให้เม็ดเงินหายจากระบบ 1.2 แสนล้านบาท
ดังนั้นรัฐบาลและคณะกรรมการไตรภาคีจึงน่าจะพิจารณาปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำใน อัตรา 5-7% หรืออยู่ที่อัตรา 310-315 บาท/วัน หลังจากที่ไม่ได้ปรับขึ้นค่าแรง มา 3 ปี เพื่อให้สอดคล้องกับค่าครองชีพในปัจจุบัน แต่การพิจารณาปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำต้องพิจารณาความเหมาะสมในแต่ละพื้นที่ด้วย
ทั้งนี้การปรับขึ้นค่าแรงต้องหารือในคณะกรรมการไตรภาคี แต่มองว่าหากขึ้นค่าแรงขั้นต่ำในอัตรา 3-5% น่าจะยอมรับได้ ทั้งยังช่วยเพิ่มกำลังซื้อให้กับประชาชน ซึ่งขณะนี้มีความรู้สึกว่าของแพงขึ้น ขณะที่รายได้ไม่เพิ่มมา 3 ปี
ด้านม.ล.ปุณฑริก สมิติ ปลัดกระทรวงแรงงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการค่าจ้าง(บอร์ดค่าจ้าง) กล่าวถึงผลสำรวจค่าครองชีพของผู้ใช้แรงงานของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ซึ่งพบว่าควรจะขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำรายวัน 5-7% หรือประมาณ 15-21 บาท ภายในปีนี้ว่า เรื่องค่าจ้างขั้นต่ำ จะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการค่าจ้างในเดือนพ.ค.นี้ เพื่อประกอบการพิจารณาร่วมกับรายงานสถานการณ์ค่าครองชีพของอนุกรรมการค่าจ้าง ที่รวบรวมมาจากแต่ละพื้นที่
แต่จากรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันยังพบว่า ไม่มีผลกระทบที่ร้ายแรงจนต้องปรับขึ้นค่าจ้างในทันที แต่ผลการศึกษาดังกล่าวน่าจะเป็นเกณฑ์อ้างอิงหนึ่งในการพิจารณาการปรับขึ้นค่าจ้างหลังเดือนมิ.ย. ตามมติบอร์ดค่าจ้างที่ให้คงอัตราค่าจ้างขั้น ต่ำประจำปี 2559 เป็นระยะเวลา 6 เดือน
ขณะที่น.ส.วิไลวรรณ แซ่เตีย ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย(คสรท.) กล่าวว่า ผลวิจัยของนักวิชาการที่บอกให้รัฐบาลปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 15-21 บาท นั้นถือว่ายอมรับได้ แม้จะไม่เท่ากับข้อเสนอของ คสรท. ที่ขอให้ปรับเป็น 360 บาทเท่ากันทั่วประเทศก็ตาม เพราะเข้าใจถึงสถานการณ์และสภาพเศรษฐกิจในขณะนี้ แต่อย่างน้อยก็ขอให้รัฐบาลนำไปพิจารณาและขอให้ปรับขึ้นบ้าง เนื่องจากที่ผ่านมาคงอัตราค่าจ้างวันละ 300 บาท มากว่า 4 ปีแล้ว
ข่าวเด่น