บริษัท ซัยโจ เด็นกิ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศสัญชาติไทยภายใต้แบรนด์ 'ซัยโจ เด็นกิ' ถือเป็นอีกหนึ่งบริษัทที่เล็งเห็นโอกาสในการเข้าไปขยายธุรกิจในตลาดต่างประเทศ เนื่องจากปีนี้ภาพรวมเศรษฐกิจของไทยยังอยู่ในภาวะชะลอตัว การหารายได้เสริมจากการส่งออก จึงถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ผู้ประกอบการในธุรกิจต่างๆ เลือกที่จะนำมาใช้ แม้ว่าขณะนี้ภาพรวมเศรษฐกิจของโลกจะยังอยู่ในภาวะซบเซาเหมือนกัน แต่ขณะเดียวกันก็ยังมีอีกหลายประเทศที่ยังมีเศรษฐกิจเติบโตในทิศทางที่ดี พร้อมปูทางธุรกิจที่ดีสู่การขยายตลาดไปยังประเทศอื่นๆ
ปัจจุบัน ซัยโจเด็นกิ มีการส่งเครื่องปรับอากาศเข้าไปทำตลาดในหลายประเทศทั่วโลก แต่ประเทศที่จะให้ความสำคัญเป็นพิเศษสำหรับการทำตลาดส่งออกในปีนี้ คือ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ เนื่องจากมาตรฐานการใช้เครื่องปรับอากาศของผู้บริโภคในประเทศดังกล่าวมีลักษณะใกล้เคียงกับผู้บริโภคในตลาดยุโรป ซึ่ง ซัยโจ เด็นกิ มีแผนที่จะเข้าไปขยายธุรกิจในอนาคตอันใกล้นี้
นายสมศักดิ์ จิตติพลังศรี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซัยโจ เด็นกิ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า แผนการดำเนินธุรกิจนับจากนี้ บริษัทจะหันมาให้ความสำคัญกับตลาดส่งออกมากขึ้น เพื่อชดเชยตลาดในประเทศที่มียอดขายลดลง ซึ่งตลาดต่างประเทศที่บริษัทจะเข้าไปทำตลาดอย่างจริงจังในปีนี้ คือ นิวซีแลนด์ และออสเตรเลีย เนื่องจากเป็นตลาดที่มีศักยภาพ ผู้บริโภคมีมาตรฐานในการใช้สินค้าเหมือนกับผู้บริโภคในยุโรป บริษัทจึงอยากจะส่งออกเครื่องปรับอากาศเข้าไปทำตลาดในประเทศดังกล่าว เพื่อสร้างแบรนด์สินค้าเครื่องปรับอากาศซัยโจ เด็นกิ ให้เป็นที่รู้จัก ก่อนที่จะนำสินค้าเข้าไปทำตลาดในกลุ่มประเทศยุโรป
อย่างไรก็ดี ในส่วนของแผนการเข้าไปทำตลาดในกลุ่มประเทศยุโรปนั้น ซัยโจ เด็นกิ มองว่า คงต้องใช้ระยะเวลาในการศึกษาตลาดอีกพักใหญ่ เนื่องจากตลาดเครื่องปรับอากาศในยุโรปมีความแข็งแกร่ง และแบรนด์สินค้าส่วนใหญ่ที่เข้าไปทำตลาดเครื่องปรับอากาศล้วนแต่เป็นแบรนด์ชั้นนำ ดังนั้น ซัยโจ เด็นกิ จึงขอสร้างแบรนด์สินค้าในตลาดออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ให้แข็งแกร่งก่อนที่จะเดินหน้าเข้าไปขยายธุรกิจในกลุ่มประเทศยุโรป ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะใช้ระยะเวลาประมาณ 3 ปี
อีกตลาดที่ ซัยโจ เด็นกิ ให้ความสนใจจะเข้าไปทำตลาด คือ ประเทศสิงคโปร์ เนื่องจากสิงคโปร์เป็นประเทศที่มีการแข่งขันกันในด้านของสินค้าแบรนด์ชั้นนำค่อนข้างสูงหาก ซัยโจ เด็นกิ สามารถนำสินค้าเข้าไปทำตลาดได้ จะทำให้แบรนด์เครื่องปรับอากาศของซัยโจ เด็นกิเป็นที่รู้จักและยอมรับในสายตาผู้บริโภคทั่วโลกมากขึ้น
สำหรับตลาดต่างประเทศที่จะให้ความสำคัญด้วยการเข้าไปทำตลาดอย่างจริงจังอีกประเทศหนึ่ง คือ เวียดนาม เนื่องจากเป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดี ขณะเดียวกันผู้บริโภคก็มีกำลังซื้อสูง และเป็นประเทศที่มีประชากรมากกว่าประเทศไทย แม้ว่าทางภูมิศาสตร์เวียดนามจะมีขนาดประเทศที่เล็กกว่าไทย แต่ด้วยศักยภาพในด้านต่าง จึงทำให้เวียดนามเป็นประเทศที่น่าสนใจอย่างมากสำหรับการเข้าไปทำตลาดเครื่องปรับอากาศ
ทั้งนี้ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการขยายตลาดในต่างประเทศ ซัยโจ เด็นกิ ได้เตรียมใช้งบ 100 ล้านบาท ในการวิจัยและพัฒนาสินค้า เพื่อให้สินค้ามีเทคโนโลยีที่ทันสมัยและตรงกับความต้องการของลูกค้า โดยล่าสุดได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีจีพีเอส อินเวอร์เตอร์เข้ามาทำตลาดเป็นรายแรกในประเทศไทย เพื่อช่วยให้ผู้บริโภคประหยัดพลังงานและหนีการแข่งขันในด้านของราคา
ขณะเดียวกัน ซัยโจ เด็นกิ ยังได้มีการพัฒนานวัตกรรมผลิตเครื่องปรับอากาศสารทำความเย็นR32 โดยได้รับคำแนะนำและการช่วยเหลือด้านเงินทุนจากธนาคารโลก ธนาคารออมสิน บีโอไอ และกรมโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อปรับปรุงอุปกรณ์เครื่องจักรสายการผลิตที่เกี่ยวข้องเพื่อลดการก่อภาวะโลกร้อน ด้วยคุณสมบัติของสารทำความเย็นR32 ซึ่งมีประสิทธิภาพทำความเย็นสูงขึ้น ประหยัดไฟได้มากขึ้น และลดภาวะเรือนกระจกอันนำไปสู่การลดภาวะโลกร้อน
นอกจากนี้ ซัยโจ เด็นกิ ยังมีแผนที่จะใช้งบลงทุน 1,000 ล้านบาท ในการขยายโรงงานใหม่ในอีก 3 ปีนับจากนี้ เพื่อรองรับการขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ เนื่องจากโรงงานแห่งใหม่จะมีกำลังการผลิต 2 เท่าตัวจากปัจจุบันมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 3 แสนชุดต่อปี เพิ่มเป็น 1 ล้านชุดต่อปี
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า สิ่งที่อยากให้ภาครัฐเข้ามาช่วยตอนนี้คือ สนับสนุนการลงทุนของภาคเอกชนที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะการลงทุนด้านการทำตลาดในต่างประเทศ ซึ่งภาคเอกชนยังขาดการสนับสนุนอย่างมาก ทำให้สินค้าแบรนด์ไทยยังไม่สามารถสู้แบรนด์ต่างชาติได้ โดยเฉพาะในด้านของราคาที่กำไรจากการทำธุรกิจยังน้อยกว่า ซึ่งสินค้าของบริษัทปัจจุบันถ้าเป็นเครื่องปรับอากาศทั่วไปราคาขายเราจะแพงกว่าเกาหลี 10% แบรนด์จีนเราขายถูกกว่า20% และแบรนด์ญี่ปุ่นเราขายถูกกว่า 5% แต่ถ้าเป็นระบบอินเวอร์เตอร์เราจะขายแพงกว่าเกาหลี 20% แต่ขายถูกกว่าญี่ปุ่น 40% ดังนั้นคู่แข่งโดยตรงของ ซัยโจ เด็นกิ คือ แบรนด์เครื่องปรับอากาศจากประเทศญี่ปุ่น
แม้ว่าจะหันไปให้ความสำคัญกับการทำตลาดเครื่องปรับอากาศต่างประเทศ ในส่วนของตลาดในประเทศ ซัยโจ เด็นกิ ก็ให้ความสำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน โดยล่าสุดได้หันมาทำการตลาด ด้วยการขายเครื่องปรับอากาศให้กับหน่วยงานภาครัฐมากขึ้น เพื่อหารายได้เสริมให้กับการทำตลาดลูกค้าทั่วไป ซึ่งหน่วยงานภาครัฐที่ให้ความร่วมมือในขณะนี้ คือ กระทรวงพลังงาน
หลังจากเดินหน้าขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศควบคู่กันไปคาดว่าสิ้นปีจะมีรายได้รวมอยู่ที่ 3,000 ล้านบาท แบ่งเป็นส่งออก 40% ในประเทศ 60% เพิ่มขึ้นจากปี 2558 ที่มีรายได้ 1,300 ล้านบาท แบ่งเป็นส่งออก 25% ในประเทศ 75% และในอีก 3 ปีคาดว่าจะมีรายได้รวมอยู่ที่ 5,000 ล้านบาท แบ่งเป็นส่งออก 60% ในประเทศ 40%
สำหรับภาพรวมตลาดเครื่องปรับอากาศในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 5% ถือเป็นอัตราการเติบโตที่น้อยมาก เนื่องจากกำลังซื้อของผู้บริโภคภายในประเทศอยู่ในภาวะชะลอตัว จึงทำให้ยอดขายเครื่องปรับอากาศชะลอตัวตามไปด้วย ทั้งที่มีปัจจัยบวกในเรื่องของสภาพอากาศที่ร้อนจัดเข้ามาช่วยกระตุ้นตลาด ซึ่งหากกำลังซื้อของผู้บริโภคในช่วงนี้ดีเชื่อว่าตลาดรวมเครื่องปรับอากาศในช่วงหน้าร้อนนี้น่าจะมียอดขายเติบโตไม่ต่ำกว่า 25%
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า แม้ว่าภาพรวมตลาดเครื่องปรับอากาศจะชะลอตัว แต่ยอดขายเครื่องปรับอากาศของบริษัทยังคงมีอัตราการเติบโตสูงถึง 39% เนื่องจากบริษัทมีการปรับแผนการทำตลาดด้วยการหันไปขยายตลาดส่งออกมากขึ้น เพื่อชดเชยตลาดในประเทศที่มียอดขายลดลง ซึ่งตลาดต่างประเทศที่บริษัทจะเริ่มเข้าไปทำตลาดอย่างจริงจังในปีนี้ คือ นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย และเวียดนาม ขณะเดียวกันกันในด้านของตลาดเดิมที่ทำตลาดมาแล้วก่อนหน้านี้ เช่น ลาว กัมพูชา และตะวันออกกลาง บริษัทก็มีแผนที่จะเข้าไปขยายตลาดเพิ่มขึ้น
จากแนวทางการดำเนินธุรกิจที่ ซัยโจ เด็นกิ ออกมาประกาศแผนเชิงรุกในครั้งนี้ น่าจะช่วยให้ภาพรวมผลประกอบการมีอัตราการเติบโตสวนกระแสภาพรวมตลาดเครื่องปรับอากาศต่อเนื่องไปอีก แต่จะเติบโตได้ในหลักเดียวกับช่วง 3 เดือนแรกของปี 2559 ที่ทำได้หรือไม่นั้น คงต้องรอดูผลการตอบรับของผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศว่า เทคโนโลยีที่ซัยโจ เด็นกิ พัฒนาออกมา เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคจะตรงกับความต้องการมากน้อยแค่ไหน
ข่าวเด่น