สรพจน์ เตชะไกรศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอร์เรชั่น จำกัด(มหาชน) หรือ PACE เปิดเผยว่า PACE จะเริ่มมีการรับรู้รายได้จากการดำเนินการโอนห้องในโครงการมหานคร ในเดือนเมษายน 2559 ซึ่งเป็นไปตามนโยบายที่ปีนี้ PACE จะเน้นให้ความสำคัญกับการโอนห้องในโครงการมหานครที่ปัจจุบันมียอดขายแล้วกว่า 70% ในขณะที่วิลล่าในโครงการมหาสมุทรมียอดขายรอโอนประมาณ 40% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,600 ล้านบาท
โดยรายได้ที่เข้ามาจากการส่งมอบ PACE จะนําไปคืนหนี้เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งทางการเงินและเพิ่มสภาพคล่องให้กับบริษัท ขณะที่โครงการนิมิต หลังสวนที่สามารถปิดการขายได้หลังการเปิดตัวไม่นานก็คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ภายในเดือนเมษายนนี้ หลังล่าสุดโครงการขออนุมัติ EIA ผ่านเรียบร้อย โดยมีมูลค่าส่วนที่พักอาศัยของทั้ง 3 โครงการรวม 22,000 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถทอยรับรู้รายได้ในอีก 3 ปีข้างหน้า (2559-2561) โดยปัจจุบัน PACE มียอดขายรอรับรู้รายได้ ที่ 14,500 ล้านบาท โดย PACE ตั้งเป้าที่จะมีรายได้ส่วนอสังหาริมทรัพย์ต่อปีประมาณ 10,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ PACE ยังได้เตรียมเปิดโครงการคอนโดมิเนียมแบบ Duplex มูลค่า 3,000 ล้านบาท ซึ่ง PACE คาดว่าจะได้รับการตอบรับดีเช่นเดียวกับนิมิต หลังสวน นอกจากนี้ PACE กำลังทำการศึกษาความเป็นไปได้ในการเข้าไปพัฒนาโครงการที่เมืองตากอากาศนิเซโกะ ใน ฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น บนเนื้อที่ประมาณ 100 ไร่ เพื่อพัฒนาโครงการเป็น วิลล่า ระดับไฮเอนด์ เจาะกลุ่มเป้าหมายคนไทยที่ต้องการมีบ้านพักตากอากาศในญี่ปุ่น
ในส่วนของแผนการลงทุนในธุรกิจ DEAN & DELUCA นั้น PACE มีแผนที่จะขยายสาขาเพิ่มเติม ด้วยรูปแบบการตกแต่งและคอนเซ็ปต์ใหม่ โดยสาขาแรกจะเปิดตัวในมหานครนิวยอร์คเร็วๆ นี้และยังได้ว่าจ้างผู้บริหารระดับสูงเพื่อเตรียมการขยายสาขาใหม่ตามรัฐหลักต่างๆ ในสหรัฐอเมริกากว่า 100 สาขาภายในปี 2561 พร้อมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพของร้านปัจจุบันตามคอนเซ็ปต์ใหม่ภายในปีนี้ รวมถึงการขยายธุรกิจด้าน B2B และ e-commerce ภายใน 2 ปี แผนการดังกล่าวเป็นกลยุทธ์ในการสร้างรายได้และกำไรให้กับบริษัท เพื่อเตรียมตัวนำดีน แอนด์ เดลูก้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในประเทศอเมริกาในอนาคต
นอกจากนี้ PACE ยังได้บรรลุข้อตกลงในการขยายสาขารูปแบบคาเฟ่ในประเทศญี่ปุ่นในรูปแบบการร่วมทุน 50/50 โดยมีเป้าหมายที่จะเปิดคาเฟ่ในญี่ปุ่น 100 สาขาภายใน 5 ปี ปัจจุบัน DEAN & DELUCA มีสาขาใน 8 ประเทศทั่วโลก คือ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลี ไทย ฟิลิปินส์ สิงคโปร์ คูเวต และดูไบ โดยคาดว่าในปีนี้จะมีรายได้ 100 ล้านเหรียญสหรัฐ (3,500 ล้านบาท)
ข่าวเด่น