การแข่งขันของธุรกิจทีวีดิจิทัลในปีนี้ยังคงรุนแรงเหมือนกับช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากแต่ละช่องก็พยายามจะเพิ่มผู้ชมให้เข้ามาชมช่องของตัวเองเพิ่มขึ้น ซึ่งคอนเทนต์ส่วนใหญ่ก็จะเป็นละคร และรายการวาไรตี้ จากการแข่งขันที่รุนแรงของ 2 คอนเทนต์ดังกล่าวส่งผลให้ช่องพีพีทีวี ต้องออกมาประกาศกลยุทธ์ใหม่ ด้วยการวางภาพลักษณ์เป็นช่องกีฬา หลังคว้าลิขสิทธิ์กีฬาดังมาอยู่ในมือไม่ต่ำกว่า 10 รายการ แต่ที่สร้างความฮือฮาให้มากที่สุดก็น่าจะเป็นการนับเป็นฟรีทีวีรายแรกของประเทศไทยที่ได้ลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกรวม 3 ฤดูกาล ผ่านช่องพีพีทีวี เอชดี หมายเลข 36 และเว็บไซต์ของพีพีทีวี ในฤดูกาล 2016-2017
นอกจากนี้ยังมีลิขสิทธิ์ฟุตบอลอีก 5 รายการดัง คือ บุนเดสลีกา เยอรมัน,ลา ลีกา สเปน, กัลโช่ เซเรียอา อิตาลี และ 2 บอลถ้วยใหญ่ระดับโลก คือ ยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก และยูฟ่า ยูโรป้า ลีก รวมกับลิขสิทธ์เดิม คือฟุตบอลสโมสรโลก FIFA Club World Cup และ ICC มาช่วยสร้างสีสัน และเรียกสายตาผู้ชมคอกีฬาให้หันมาดูช่องพีพีทีวี จากแนวทางดังกล่าวทำให้ช่องพีพีทีวี กวาดการถ่ายทอดสดฟุตบอลทั้งหมดไว้ในมือถึง 4 ฟุตบอลลีก และ 4 ฟุตบอลถ้วยระดับโลก รวม 8 รายการ กว่า 200 แมชต์ต่อฤดูกาล
นายเขมทัตต์ พลเดช กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บางกอก มีเดีย แอนด์ บรอดคาสติ้ง จำกัด ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์พีพีทีวี กล่าวว่า พีพีทีวีมีความมุ่งมั่นที่จะนำกีฬาระดับโลกมาให้แฟนๆชาวไทยได้ชม ซึ่งในฤดูกาลใหม่ที่จะถึงนี้บริษัทยินดีที่จะมอบของขวัญให้คนไทยได้ชมลีกฟุตบอลอันดับ 1 ของโลก ซึ่งแม้แต่คนอังกฤษเองยังหาดูยาก ที่ต่างประเทศต้องเข้าไปดูที่สนาม หรือไม่ก็เสียรายเดือน แต่ที่เมืองไทยสามารถดูฟรีผ่านพีพีทีวีแบบคมชัด ซึ่งฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เป็นลีกฟุตบอลที่พิสูจน์แล้วว่าเป็นที่ชื่นชอบและได้รับความนิยมเป็นอย่างมากสำหรับผู้ชมชาวไทย โดยพีพีทีวีจะถ่ายทอดสดให้ชมฟรี ถึง 26 แมตซ์ ต่อฤดูกาล และยังต้องการที่จะรวมพลังแฟนบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษในประเทศไทยด้วยการจัดกิจกรรมใหม่ๆ เพื่อให้แฟนๆพีพีทีวี และแฟนๆฟุตบอลพรีเมียร์ลีกได้สนุกไปกับฟุตบอลพรีเมียร์ลีก แบบทั้งหน้าจอ และกิจกรรมลงพื้นที่ที่จะเกิดขึ้นตลอดทั้ง 3 ฤดูกาล
สำหรับแพ็คเกจการขายโฆษณาคอนเทนต์กีฬานั้น ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการวางแผน เนื่องจากลิขสิทธิ์กีฬาที่พีพีทีวีได้รับมามีหลากหลายรายการ ดังนั้นพีพีทีวี จึงมีแผนที่จะขายโฆษณาเป็นในรูปแบบของแพ็คเกจ เบื้องต้นจะมีแพ็ตเกจให้เลือกเป็นแบบแพ็คเกจขนาดใหญ่ และแพ็คเกจขนาดกลาง
นอกจากจะได้คอนเทนต์กีฬาดังหลายรายการมาแล้ว พีพีทีวี ยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่องในการหาคอนเทนท์กีฬาดีๆ และเป็นที่สุดมาเพิ่มให้สมกับคำว่า “PPTV Premium Sport” มาให้คอกีฬาชาวไทยได้ชมกันฟรีๆ ซึ่งจากจำนวนคอนเทนต์กีฬาที่มีเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ปัจจุบันช่องพีพีทีวีมีสัดส่วนคอนเทนต์กีฬาอยู่ที่ประมาณ 30% ข่าว 30% และวาไรตี้บันเทิง 40% โดยในส่วนของสัดส่วนดังกล่าวมีความแตกต่างไปจากปี 2558 ที่สัดส่วนคอนเทนต์กีฬาจะอยู่ที่ 10% ข่าว 25% และวาไรตี้บันเทิง 75% เนื่องจากพีพีทีวี ต้องการสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งในตลาด ซึ่งปัจจุบันจะแข่งขันในด้านของคอนเทนต์ละคร
จากการปรับแผนการดำเนินงานดังกล่าวทำให้ พีพีทีวี ต้องใช้งบการตลาดเพิ่มขึ้นจากเดิมที่เตรียมไว้ 200-300 ล้านบาท ส่วนจะเพิ่มเป็นเท่าไหร่นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการวางแผนการตลาด ขณะเดียวกัน พีพีทีวี ยังมีแผนที่จะเพิ่มงบลงทุนในด้านของบุคคลากรที่มีความเชี่ยวชาญในด้านของกีฬา การปรับปรุงซอฟท์แวร์ เพื่อรองรับการถ่ายทอดสดคอนเทนต์กีฬา ซึ่งปัจจุบันมีหลากหลายรายการ รวมไปถึงการลงทุนสตูดิโอ เพื่อรองรับการจัดรายการกีฬาต่างๆ
นายเขมทัตต์ กล่าวต่อว่า 2 ปีที่ผ่านมาถือเป็นปีแห่งการลองผิดลองถูก และจากการที่บริษัทได้ลิขสิทธิ์กีฬาดังหลายรายการมาถ่ายทอดสดถือเป็นการรถน้ำพรวนดินที่ตอนนี้เริ่มผลิดอกออกผล ซึ่งบริษัทมีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับ บีอิน สปอร์ต ซึ่งเป็นแบรนด์ระดับสากลในด้านคอนเทนต์กีฬา โดยบริษัทและบีอิน จะร่วมมือกันทำงานอย่างใกล้ชิด เพื่อที่จะขยายการรับรู้และประชาสัมพันธ์การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในประเทศไทยให้กว้างขวางยิ่งขึ้น
ด้าน นายยูเซฟ อัล-โอเบดลี ประธานกรรมการ และประธานคณะผู้บริหารของบีอิน สปอร์ต กล่าวว่า บริษัทรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ร่วมงานกับพีพีทีวีเป็นอย่างมาก และหวังว่าความร่วมมือกันครั้งนี้ระหว่างบีอินและพีพีทีวีจะทำให้ผู้ชมคนไทยได้เข้าถึงฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ได้อย่างกว้างขวางมากขึ้นในประเทศไทย ซึ่งการจับมือเป็นพันธมิตรครั้งนี้ของพีพีทีวี เอชดี และ บีอิน สปอร์ต ในการนำ “ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ” มาถ่ายทอดสดถึง 3 ปี นับเป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นในประเทศไทยอีกด้วย คอลูกหนังพรีเมียร์ลีกที่ไม่อยากพลาดการถ่ายทอดสดกีฬาระดับพรีเมียม สามารถรับชม และติดตามรายละเอียดได้ที่สถานีโทรทัศน์พีพีทีวี เอชดี ดิจิทัลทีวีช่อง 36 หรือ www.pptvthailand.com
หลังจากพีพีทีวี เดินหน้าลุยคอนเทนต์กีฬาอย่างต่อเนื่องในปีนี้ มั่นใจว่าสิ้นปีจะสามารถขยายฐานผู้ชมได้เป็นที่น่าพอใจ ส่วนจะมีฐานผู้ชมเป็นเท่าไหร่นั้น พีพีทีวี ยังไม่ขอประกาศเป้าหมายที่แน่ชัด เนื่องจากขณะนี้ระบบการจัดเรตติ้งของไทยยังอยู่ในช่วงของการเปลี่ยนผ่านระหว่างบริษัทจัดเรตติ่งรายใหม่ และรายเก่า ซึ่งขณะนี้ก็ยังไม่มีความแน่ชัดว่าผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลส่วนใหญ่จะใช้บริษัทไหนเป็นผู้จัดเรตติ้ง
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าขณะนี้จะยังไม่มีความชัดเจนในด้านดังกล่าวไม่ว่าใครจะเป็นผู้ได้รับความไว้วางใจให้จัดเรตติ้ง แต่หากมีการนำการใช้งานจอที่สอง (Second Screen) มาวัดรวมกับหน้าจอหลักที่ดูผ่านหน้าจอทีวี ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลก็ล้วนพอใจทั้งสิ้น เนื่องจากปัจจุบันพฤติกรรมของผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงไป คือ หันมาดูทีวีผ่าน Second Screen มากขึ้น
สำหรับภาพรวมของอุตสาหกรรมทีวีดิจิทัลในปี 2560 จะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นปีที่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นหลายอย่างภายในประเทศไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้ง การหมดวาระของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) การมีโครงข่ายทีวีดิจิทัลครอบคลุมทั่วประเทศไทย หรือการมีบริษัทใหม่เข้ามาดูแลการวัดเรตติ้ง ซึ่งปัจจัยดังกล่าวน่าจะทำให้ภาพของอุตสาหกรรมทีวีดิจิทัลมีความชัดเจนและคึกคักมากขึ้น
ส่วนเรื่องของการจ่ายค่าใบอนุญาติบงวดที่ 3 ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 24 พ.ค.นี้ บรรดาผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลอีกประมาณ 8 ช่องมีแผนที่จะเข้าไปยื่นหนังสือถึง กสทช.อีกครั้งหนึ่งภายในต้นเดือน พ.ค.นี้ เพื่อขอยืนยันแนวทางการเรียกร้องตามหนังสือฉบับเดิมที่เคยไปเมื่อก่อนหน้านี้ เนื่องจากต้องการให้ กสทช.เข้าใจการทำงานของผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล และขอความเห็นใจโดยเฉพาะในเรื่องของการเลื่อนจ่ายค่าใบอนุญาตงวดที่ 3 ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวก็จะรอการตัดสินจากศาลปกครองควบคู่ไปด้วย
ปัจจัยที่ทำให้ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลยังคงเดินหน้าที่จะยื่นหนังสือ เพื่อร้องความเป็นธรรมจากศาลปกครอง เพราะเห็นว่า กสทช. ซึ่งเป็นผู้อนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่บริการโทรทัศน์ในระบบดิจิทัลกับพวกได้ละเว้นละเลยการปฏิบัติหน้าที่ในการเปลี่ยนผ่านระบบการรับส่งสัญญาณวิทยุโทรทัศน์เป็นระบบดิจิทัล นอกจากนี้ยังมีความล่าช้าในการควบคุมดูแลมาตรฐานหรือคุณภาพของกล่องรับสัญญาณทีวีดิจิทัล การละเลยต่อหน้าที่ในการแจกคูปองสนับสนุนประชาชน การละเลยต่อหน้าที่ในการขยายโครงข่ายทีวีดิจิทัล และกำกับดูแลผู้ประกอบการโครงข่ายทีวีดิจิทัลให้สามารถขยายโครงข่ายทีวีดิจิทัลให้ทันตามที่กำหนด การละเลยในการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับรู้ในการเปลี่ยนแปลงมารับชมทีวีดิจิทัล รวมถึงยังเห็นว่า กสทช.กับพวกให้ข้อมูลไม่ถูกต้อง ทำให้กลุ่มทีวีดิดิจิทัลหลงเชื่อเข้าร่วมการประมูล
ข่าวเด่น