เป็นอีกหนึ่งปีที่ภาพรวมตลาดหมากฝรั่งยังอยู่ในภาวะชะลอตัวต่อเนื่องจากช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวภาพรวมตลาดหมากฝรั่งมีอัตราการเติบโตติดลบอยู่ที่ประมาณ 5% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบเศรษฐกิจและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีการเปลี่ยนแปลงไป เพราะปัจจุบันผู้บริโภคมีทางเลือกในการบริโภคมากขึ้น จึงทำให้ผู้บริโภคซื้อหมากฝรั่งน้อยลง
จากปัจจัยลบที่เกิดขึ้นดังกล่าว ส่งผลให้บริษัท มอนเดลีซ อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจหมากฝรั่งเดนทีน คลอเร็ท และไทรเด้นท์ ต้องออกมาตอกย้ำการเป็นผู้นำในตลาดหมากฝรั่ง ด้วยการใช้แบรนด์ผู้นำตลาดอย่างเดนทีน ออกมาปรับโฉมภาพลักษณ์ของสินค้าใหม่ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นรสชาติ หรือแพ็คเกจจิ้ง รวมไปถึงการทำกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นให้ตลาดหมากฝรั่งมีความคึกคัก
ปัจจุบันตลาดรวมหมากฝรั่งมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 2,579 ล้านบาท มีหมากฝรั่งในเครือบริษัท มอนเดลีซฯ เป็นผู้นำตลาดด้วยการครองส่วนแบ่งทางการตลาดรวมอยู่ที่ประมาณ 68.5% แบ่งเป็นส่วนแบ่งการตลาดของหมากฝรั่งเดนทีน 52.4% คลอเร็ท 9% และไทรเด้นท์ 6%
นายฐานันท์ สุวรรณรักษ์ ผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทย บริษัท มอนเดลีซ อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การที่บริษัทยังสามารถครองความเป็นผู้นำในตลาดหมากฝรั่งประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เพราะบริษัทมีความตั้งใจทที่จะส่งมอบผลิตภัณฑ์ และนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ดีที่สุด ให้กับผู้บริโภคอยู่เสมอ ด้วยการพัฒนาที่ไม่หยุดนิ่ง ซึ่งในปีนี้บริษัทได้มีการนำเสนอนวัตกรรมใหม่ของหมากฝรั่งเดนทีน ด้วยการเพิ่ม ‘คริสตัลบีด’ เข้าไปอยู่ในตัวเนื้อหมากฝรั่ง เพื่อสร้างความตื่นเต้นแปลกใหม่ให้กับตลาดง และขยายกลุ่มเป้าหมายให้กว้างขึ้น โดยมุ่งเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่
นอกเหนือจากการเป็นผู้นำในตลาดหมากฝรั่งมาอย่างยาวนานกว่า 37 ปี เดนทีนยังเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งที่ผู้บริโภครู้จักและนึกถึงเป็นอันดับแรก จากผลสำรวจของบริษัท อิปซอสส์ ประเทศไทย จำกัด บวกกับรางวัลการันตีคุณภาพสุดยอดแบรนด์จากซูเปอร์แบรนด์ ในปี พ.ศ. 2557 ซึ่งทั้งหมดนี้ ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า เดนทีนได้พัฒนาสินค้าเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค อีกทั้งยังสื่อสารแคมเปญไปยังกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ นับตั้งแต่ทำตลาดในประเทศไทยกว่า 37 ปี ที่ผ่านมา
ด้าน น.ส.ปิยดา ธราธิป ผู้จัดการกลุ่มผลิตภัณฑ์หมากฝรั่ง บริษัท มอนเดลีซ อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในฐานะผู้นำของตลาดหมากฝรั่งในประเทศไทย เดนทีนยังมุ่งกระตุ้นตลาดหมากฝรั่งให้กลับมาคึกคัก มีสีสันอีกครั้ง ด้วยการเปิดตัว เดนทีน สูตรใหม่ล่าสุด ที่มาพร้อมกับนวัตกรรม“คริสตัลบีด” ที่ให้ความรู้สึกปากสะอาด สดชื่น และสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค
นอกจากนี้ บริษัท มอนเดลีซฯ ยังได้มีการกำหนดกลยุทธ์ทางการตลาด เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจทุกช่องทางผ่านกลยุทธ์ 4 ด้าน ประกอบด้วย 1.การสร้างพฤติกรรมการเคี้ยวหมากฝรั่งหลังอาหาร ถือเป็นต่อยอดกลยุทธ์การจับคู่เดนทีนกับมื้ออาหารจากปีที่ผ่านมา เพื่อตอกย้ำถึงคุณสมบัติของหมากฝรั่งกับความสะอาด สดชื่น มั่นใจทุกเมื่อ โดยสื่อสารผ่านทางแคมเปญการสื่อสารทุกช่องทางของเดนทีน 2. การสร้างความตื่นเต้นและแปลกใหม่ให้กับตลาดหมากฝรั่ง ด้วยสินค้านวัตกรรมใหม่
กลยุทธ์ที่ 3. คือ การขยายกลุ่มเป้าหมายไปยังคนรุ่นใหม่: สร้างการรับรู้ผ่านช่องทางการสื่อสารแบบบูรณาการ ภายใต้งบประมาณกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งในปีนี้บริษัท มอนเดลีซฯ ยังคงให้ความสำคัญการโฆษณาผ่านช่องทางโทรทัศน์ เพราะเป็นช่องทางที่สามารถสะท้อนถึงจุดขายอย่างชัดเจน และมีเอกลักษณ์ โดยปีนี้ยังคงใช้ ต่อ-ธนภพ และเก้า-สุภัสสรา มาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้กับเดนทีนเหมือนกับปีที่ผ่านมา เพื่อตอกย้ำกระแสความแรงของหมากฝรั่งเดนทีน
นอกจากนี้ บริษัท มอนเดลีซฯ ยังมีแผนที่จะให้ความสำคัญกับช่องทางการทำตลาดในสื่อดิจิตอล และเอนเตอร์เทนเมนท์มากขึ้น เนื่องจากสื่อดังกล่าวสามารถเจาะกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่นได้โดยตรง ด้วยการทำกิจกรรมการตลาดผ่านสื่อออนไลน์และทีวีออนไลน์ ขณะเดียวกันก็จะเดินหน้ากระตุ้นยอดขายผ่านโปรโมชั่นแบบเรียลไทม์ ด้วยการสนับสนุนทีวีซีรีส์ “โอเนกาทีฟ รักออกแบบไม่ได้” ซึ่งออกอากาศผ่านทางช่อง GMM Channel 25, YouTube และ LINETV ซึ่งนอกจากจะให้ความสำคัญกับสื่อทีวี และสื่อออนไลน์แล้ว ในส่วนของสื่อโฆษณานอกบ้านก็เป็นอีกหนึ่งสื่อที่จะให้ความสำคัญในปีนี้ ด้วยการซื้อสื่อโฆษณาให้ครอบคลุมทั่วประเทศมากขึ้น เพื่อสร้างการรับรู้ในตัวหมากฝรั่งเดนทีนครอบคลุมทุกพื้นที่ในประเทศไทย
สำหรับกลยุทธ์ที่ 4 ซึ่งเป็นกลยุทธ์สุดท้าย คือ การส่งเสริมการขายแบบเต็มสูบ ด้วย เดนทีน คาราวาน แจกตัวอย่างผลิตภัณฑ์กว่า 1.5 ล้านชิ้นไปตามแหล่งชุมชนต่าง ๆ รวมถึงมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ ขณะเดียวกันก็เดินหน้าขยายช่องทางการจัดจำหน่ายเพิ่มเติม เพื่อให้ผู้บริโภคสังเกตเห็นแบรนด์เดนทีนได้ง่าย และเพื่อสร้างแรงจูงใจให้กับผู้บริโภคหันมาซื้อหมากฝรั่งเดนทีนเพิ่มขึ้น บริษัท มอนเดลีซฯ มีแผนที่จะทำโปรโมชั่น ณ จุดขาย และทำโปรโมชั่นร่วมกับร้านค้าต่างๆ ควบคู่กันไป
น.ส.ปิยดา กล่าวต่อว่า บริษัทเชื่อมั่นว่า หมากฝรั่ง เดนทีน สูตรใหม่ ที่มาพร้อมกับ ‘คริสตัลบีด’ และแคมเปญการตลาดแบบครบวงจรที่บริษัทได้ประกาศกลยุทธ์ไปในปีนี้ จะมีส่วนสำคัญในการกระตุ้นตลาดหมากฝรั่งในประเทศไทยให้มีการขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยสิ้นปีคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 5-10% ขณะที่ภาพรวมยอดขายของเดนทีนคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นตรงตามเป้าหมายที่วางไว้ พร้อมตอกย้ำความสำเร็จของเดนทีน ในฐานะผู้นำตลาดหมากฝรั่งในประเทศไทย
ทั้งนี้ ในส่วนของหมากฝรั่งเดนทีน สูตรใหม่ ที่มีคริสตัลบีด ที่ได้มีการเปิดตัวเข้าทำตลาดในครั้งนี้ ประกอบไปด้วยสินค้า 6 รสชาติ คือ สเปียร์มินต์, เมนโทลิบตัส,เฟรชมินต์, บลูเบอร์รี, เมลอน และเรดแอปเปิ้ลมินต์ ในรูปแบบ แผ่น 2 บาท แท่ง 5 บาท และกล่อง 12 บาท ซึ่งหลังจากเปิดตัวสินค้าใหม่ดังกล่าวเข้าทำตลาดตั้งแต่ต้นเดือนพ.ค. ที่ผ่านมา ณ ร้านสะดวกซื้อ ไฮเปอร์มาร์เก็ต ซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านค้าชั้นนำทั่วประเทศพบว่า ลูกค้าให้ผลการตอบรับเป็นอย่างดี
จากความสำเร็จที่ได้รับดังกล่าว ทำให้หมากฝรั่งเดนทีน มั่นใจว่าปีนี้ภาพรวมตลาดหมากฝรั่งจะต้องเติบโตดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา แต่จะถึงเป้าหมายที่วางไว้ 5-10% หรือไม่คงต้องดูที่พฤติกรรมของผู้บริโภค และภาพรวมเศรษฐกิจของไทย รวมไปถึงการออกมาทำกิจกรรมการตลาดของคู่แข่งในตลาดหมากฝรั่งว่าจะออกมาช่วยเดนทีน กระตุ้นตลาดได้มากน้อยแค่ไหน เพราะถ้าหากทำได้และทุกอย่างดำเนินเนินไปตามเป้าหมายที่วางไว้ การที่ภาพรวมตลาดหมากฝรั่งจะกลับมามีมูลค่าเกือบ 3,000 ล้านบาทอีกครั้งก็น่าจะเป็นเรื่องที่ไม่ยากนัก
ส่วนคู่แข่งในตลาดจะออกมาเปิดตัวกลยุทธือะไร เพื่อชิงส่วนแบ่งการตลาดจากเดนทีน และกระตุ้นตลาดให้มีอัตราการเติบโต เชื่อว่าหลังจากนี้น่าจะมีความเคลื่อนไหว เพราะท่ามกลางเศรษฐกิจชะลอตัวเช่นนี้ หากยังคงนิ่งเงียบไม่ออกมาทำกิจกรรมการตลาดอะไรก็จะทำให้ภาพรวมยอดขายชะลอตัวตามไปด้วยเหมือนที่ผ่านมา
ข่าวเด่น