แม้ว่าหลายคนจะมองว่าภาพรวมเศรษฐกิจครึ่งปีหลังจะยังอยู่ในภาวะชะลอตัว แต่สำหรับเครือสหพัฒน์มองว่า ภาพรวมเศรษฐกิจของไทยในช่วงครึ่งปีหลังจะต้องฟื้นตัวกว่าครึ่งปีแรกอย่างแน่นอน เนื่องจากขณะนี้ยอดขายสินค้าในกลุ่มอาหารเริ่มปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งสัญาณที่เกิดขึ้นดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า กำลังซื้อของผู้บริโภคเริ่มฟื้นตัว และจะส่งผลให้สินค้าในกลุ่มอื่นๆ ฟื้นตัวตามมาอย่างแน่นอน
จากความมั่นใจที่เกิดขึ้นดังกล่าว ส่งผลให้เครือสหพัฒน์เริ่มออกมาขยับแข้งขยับขาในการลงทุนขยายธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ ขณะเดียวกันก็เดินหน้าเปิดตัวสินค้าใหม่เข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการพัฒนาช่องทางขายใหม่ๆ เพื่อเอาใจกลุ่มผู้บริโภคในยุคดิจิทัล เรียกได้ว่าไม่ตกกระแสดิจิทัลฟีเวอร์กันเลยที่เดียว
ด้วยความมั่นใจว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัว ประกอบกับพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมค่อนข้างมาก เนื่องจากปัจจุบันผู้บริโภคหันมาเสพติดเทคโนโลยีมากขึ้น ทำให้เครือสหพัฒน์ ตัดสินใจที่จะเปิดตัวสินค้าใหม่ เทคโนโลยีส่งเสริมการขายแบบใหม่ในงานสหกรุ๊ปแฟร์ ครั้งที่ 20 ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 30 มิ.ย.-3 ก.ค.นี้
บุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ กล่าวว่า การที่บริษัทหันมารุกทำการตลาดในรูปแบบดิจิทัลมากขึ้น เพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคหันมาให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีมากขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจดิจิทัลมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งหากบริษัทออกมาทำการตลาดในรูปแบบดิจิทัลช้าก็จะทำให้เสียโอกาส ด้วยเหตุนี้บริษัทจึงใช้โอกาสดีในการจัดงานสหกรุ๊ปแฟร์ ครั้งที่ 20 เปิดตัวบริการใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือในการทำตลาด เพื่อให้ลูกค้าได้มีส่วนร่วมพร้อมทดลองใช้บริการใหม่ต่างๆ
สำหรับไฮไลต์ของนวัตกรรม สินค้า และบริการ ที่เครือสหพัฒน์เตรียมนำมาเปิดตัวในงานสหกรุ๊ปแฟร์ ครั้งที่ 20 นี้ จะแบ่งออกเป็น 4 หมวดประกอบด้วย หมวดบริการ ซึ่งจะมีในส่วนของการแสดงร้านค้าเสมือจริง 3D ด้วยการจำลองห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ และพนักงานขายเสมือน เพื่อให้ลูกค้าเข้าไปใช้บริการเหมือนอยู่ในห้างสรรพสินค้าและร้านสะดวกซื้อ
ด้านนายบุญเกียรติ โชควัฒนา ประธานกรรมการบริษัทและประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ในฐานะประธานจัดงานสหกรุ๊ปแฟร์ กล่าวว่า ปัจจุบัน เทคโนโลยีดิจิทัลได้เพิ่มบทบาทความสำคัญต่อชีวิตประจำวันของคนไทยมากขึ้น โดยเฉพาะการซื้อ-ขายสินค้า ซึ่งได้เปลี่ยนรูปแบบมาเป็นการซื้อ-ขายผ่านอินเทอร์เน็ตมากขึ้น จากปัจจัยดังกล่าวทางเครือสหพัฒน์ได้เล็งเห็นแนวโน้มของการเปลี่ยนแปลงนี้ ด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้ในงานสหกรุ๊ปแฟร์ เพื่อให้การซื้อ-ขายสินค้าทำได้สะดวกรวดเร็ว ทุกที่ทุกเวลา ตอบรับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่ รวมทั้งกลุ่มลูกค้าในประเทศอาเซียน
ในส่วนของการจัดงานสหกรุ๊ปแฟร์ปีนี้ เครือสหพัฒน์ได้จัดภายใต้แนวคิด An Honest Digital World ซึ่งจะสื่อถึงการยึดมั่นในคุณภาพที่มีต่อโลกและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนความซื่อสัตย์และคุณธรรมที่มีต่อลูกค้าและสังคม ขณะเดียวกันยังได้นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้ในการซื้อ-ขายสินค้า ด้วยการสร้าง ร้านค้าเสมือนจริง QR Code เพื่อนำเสนอสินค้าผ่านจอทีวี วิดีโอ หรือ Light Box โดยลูกค้าสามารถใช้สมาร์ตโฟนสแกน QR Code เพื่อเชื่อมโยงเข้าสู่เว็บไซต์ ethailandbest.com และสั่งซื้อสินค้าได้ทันที พร้อมตัดชำระเงินผ่านระบบธนาคาร ePayment และยังมีบริการส่งสินค้าถึงบ้านฟรีเช่นเดียวกับการซื้อสินค้าปกติ ซึ่งนับครั้งแรกของงานแสดงสินค้าในเมืองไทยที่มีการสร้างร้านค้าเสมือนจริงเพื่อเป็นช่องทางการขายสินค้าเพิ่มเติมจากวิธีการขายปกติ
พร้อมกันนี้ ภายในงานยังมี ร้านค้าเสมือนจริง 3D (Virtual Augmented Reality Store) โดยจำลองห้างสรรพสินค้า ร้านค้าสะดวกซื้อ พร้อมพนักงานขายเสมือน เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าไปยังโลกเสมือน 3 มิติ เลือกซื้อสินค้าเสมือนตนเองยืนอยู่กลางห้างสรรพสินค้า มีพนักงานขายเสมือนคอยบริการ ทำให้ลูกค้ามีความเพลิดเพลินกับการเรียนรู้คุณลักษณะสินค้าจาก Rich Media (สื่อดิจิทัลคุณค่าสูงที่หลากหลาย) โดยลูกค้าสามารถเลือกสินค้าที่ต้องการ สั่งซื้อด้วยโทรศัพท์มือถือสมาร์ตโฟนโดยสแกนจาก QR Code ตามสินค้าที่เลือก เพื่อเชื่อมโยงไปยังเวบไซต์ eThailandbest.com พร้อมบริการตัดชำระเงินผ่านระบบธนาคารePayment และบริการจัดส่งสินค้าฟรีถึงบ้านอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ ยังมี ห้องลองเสื้อผ้าเสมือน (Virtual Fitting Room) ซึ่งได้จำลองห้องลองเสื้อผ้าที่ลูกค้าสามารถเลือกเสื้อผ้าและลองสวมใส่ได้อย่างง่ายดาย เพียงยืนอยู่ด้านหน้าของจอภาพ ระบบจะนำภาพของลูกค้าถ่ายไปยังหน้าจอ และคำนวณขนาดของสรีระ เตรียมพร้อมให้ลูกค้าเลือกเสื้อผ้าที่สนใจจากหน้าจอ หลังจากเลือกแล้วระบบจะนำเสื้อผ้าที่ถูกเลือกจำลองสวมเข้าตามสรีระในหน้าจอ เสมือนได้เปลี่ยนชุดในห้องลองโดยไม่จำเป็นต้องถอดเสื้อผ้าที่สวมใส่ออก และลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าได้ทันทีขณะลองเสื้อผ้าด้วยการสแกน QR Code ของสินค้าผ่านโทรศัพท์มือถือสมาร์ตโฟน เพื่อเชื่อมโยงอัตโนมัติไปยังเว็บไซต์ eThailandbestและตัดการชำระเงินผ่านระบบ ePayment
นายบุญเกียรติ กล่าวต่อว่า นอกจากจะมีการแสดงเทคโนโลยีต่างๆ ภายในงานแล้ว ยังจะมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายทางออนไลน์ โดยผู้สนใจสามารถเข้าไปร่วมเล่นเกมที่เว็บไซต์ th.gotchamail.comเพื่อรับสิทธิพิเศษมากมายทั้งโปรโมชั่นและของพรีเมียมที่จะนำไปใช้ในงานสหกรุ๊ปแฟร์ รวมทั้งได้มีการพัฒนาแอพพลิเคชั่น Saha Group Online ที่สามารถนำมาสแกนป้ายสินค้าเพื่อชมรายละเอียดของสินค้าเพิ่มเติม
ส่วนภาพรวมของตัวงานสหกรุ๊ปแฟร์ ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 มิ.ย.-3 ก.ค.นี้ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จะมีการจัดแสดงสินค้านวัตกรรม และบริการใหม่ที่บริษัทในเครือสหพัฒน์ได้พัฒนาขึ้น เพื่อส่งเสริมการค้าการลงทุนทั้งในประเทศและส่งออก นอกจากนี้ ยังจะมีสินค้าในเครือสหพัฒน์มาจำหน่ายในราคาพิเศษกว่า 1,000 คูหา เช่น อาหารและเครื่องดื่ม ของใช้ภายในบ้าน เสื้อผ้า เครื่องหนัง รองเท้า เครื่องสำอาง เครื่องกีฬา และเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งล้วนเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงและมีคุณภาพ พร้อมบริการส่งสินค้าฟรีถึงบ้าน
อีกหนึ่งกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นภายในงานสหกรุ๊ปแฟร์ คือ การเซ็นสัญญาร่วมทุนกับต่างประเทศ ซึ่งในส่วนของปีนี้บริษัทในเครือสหพัฒน์มีแผนจะเซ็นสัญญุรกิจกับพันธมิตรอย่างน้อย 4 โครงการ ประกอบด้วย 1. การเซ็นสัญญาระหว่างบริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) กับ Japanese Ramen ประเทศญี่ปุ่น เพื่อดำเนินกิจการร้านราเมง 2. การเซ็นสัญญาระหว่างบริษัท สหพัฒนาอินเตอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) กับMayFlower Group ประเทศมาเลเซีย เพื่อดำเนินธุรกิจให้บริการทัวร์ที่มีความหลากหลายและครบวงจร 3.การเซ็นสัญญาระหว่างเครือสหพัฒน์กับ World Co.,Ltd เพื่อก่อตั้งบริษัทร่วมทุนชื่อว่า World Saha Fashionและ 4. การเซ็นสัญญาระหว่างบริษัท ไทยอรุซ จำกัด และ MK GROUP เพื่อก่อตั้งบริษัท Arusu Myanmar ขยายธุรกิจทางด้านการออกแบบตกแต่งไปยังประเทศพม่า
นายบุญเกียรติ กล่าวอีกว่า ตลอดระยะเวลา 4 วันที่จัดงาน บริษัทคาดว่าจะมีผู้สนใจเดินทางเข้ามาร่วมงานและซื้อสินค้าไม่ต่ำกว่า 1.1 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปี 2558 ที่มีผู้สนใจเข้ามาร่วมงานประมาณ 1 ล้านคน ส่วนเม็ดเงินสะพัดในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 300 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจในปีนี้ยังอยู่ในภาวะชะลอตัวต่อเนื่องจากปี 2558 ที่ผ่านมา
ขณะที่ภาพรวมของเครือสหพัฒน์คาดว่าจะมีรายได้เติบโตจากปีที่ผ่านมาประมาณ 5-6% ตรงตามเป้าหมายที่วางไว้ แม้ว่าจะเติบโตไม่สูงเหมือนช่วง 10-20 ปีที่ผ่านมา แต่ก็ถือเป็นอัตราการเติบโตที่น่าพอใจเมื่อนำย้อนกลับไปเปรียบเทียบกับช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวภาพรวมรายได้ของเครือสหพัฒน์เติบโตน้อยกว่านี้ เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาไม่ได้มีปัจจัยลบแค่ด้านเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียวแต่มีปัจจัยลบในด้านของการเมืองเข้ามาฉุดความเชื่อมั่นและกำลังซื้อของผู้บริโภคด้วย
จากแนวโน้มกำลังซื้อและเศรษฐกิจที่กำลังจะดีขึ้นดังกล่าว จะเป็นแนวโน้มที่ฟื้นจริงหรือฟื้นหลอก งานนี้เครือสหพัฒน์เตรียมพร้อมรับมือไว้ครบช่องออนไลน์และออฟไลน์ ช่องทางไหนจะได้ผลการตอบรับที่ดีมากกว่ากันหลังจากจบงานสหกรุ๊ปแฟร์ ครั้งที่ 20 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 มิ.ย.- 3 ก.ค.นี้ น่าจะได้เห็นแนวโน้มว่าเทคโนโลยีที่เครือสหพัฒน์ตั้งใจพัฒนาขึ้นมา เพื่อตอบสนองความความต้องการของผู้บริโภคยุคดิจิทัลจะโดนใจผู้บริโภคแค่ไหน
แม้ว่าขณะนี้ยังไม่สามารถคาดเดาผลการตอบรับในด้านของการตลาดดิจิทัลได้ ที่แน่ๆ ช่องทางออฟไลน์ ที่สหพัฒน์เตรียมสินค้าในเครือมาจำหน่ายกว่า 1,000 คูหา โดนใจผู้บริโภคแน่นอน เนื่องจากราคาสินค้าที่ขายภายในงานสหกรุ๊ปแฟร์มีการลดราคาอย่างต่ำ 20% ส่วนสูงสุดของปีนี้จะลดราคากี่เปอร์เซ็นต์วันที่ 30 มิ.ย.นี้ได้ช้อปได้รู้
ข่าวเด่น